บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 6 พระเอกเป็นของนางร้าย

“อุ๊ย! ตกใจหมดเลย นึกว่าใคร น้องพีมมีถ่ายงานที่นี่ด้วยเหรอจ๊ะ?” พราวฝันในชุดแบรนด์หรูหัวจรดเท้าลดแว่นกันแดดสีดำลง ประเมินพชิรานักแสดงรุ่นน้องที่บังเอิญเดินสวนกันในอาคารสำหรับให้เช่าถ่ายละคร แววตาหล่อนเจือรอยยิ้มเป็นมิตรของนักแสดงรุ่นพี่ ทั้งยังพูดจามีอัธยาศัยดีจนแปลกหู

ต่อให้ไม่กล่าวโอ้อวด แต่ใบหน้าระรื่นของพราวฝันแปะคำว่า ลูกสะใภ้ใหญ่ตระกูลธาดากีรติ ไว้ตัวเบ้อเร่อ

พชิราที่รู้ไส้รู้พุงหล่อนดีอมยิ้มน้อยๆ แววตาคล้ายจะสื่อความนัยบางอย่าง จากนั้นทักทายกลับ

“ใช่ค่ะ ช่วงนี้ดูมีความสุขจังเลยนะคะพี่พราว ไปได้ลาภลอยจากไหนมาเหรอคะ”

พราวฝันฉีกยิ้มกว้างกว่าเดิม ทว่าแววตากลับแข็งกระด้างขึ้น ไม่อ่อนโยนเหมือนก่อนหน้านั้น “ไม่เชิงลาภลอยอะไรหรอกค่ะน้องพีม ช่วงนี้พี่กำลังมีความรักมันก็จะเปล่งปลั่งหน่อย ขอตัวก่อนนะ พอดีใกล้เวลาถ่ายงานแล้ว”

“พี่พราวน่าจะรู้แก่ใจนะคะว่าเรื่องราวเป็นมายังไง พีมแค่อยากจะบอกพี่ไว้ว่าพี่อัคไม่ได้โง่ ถ้าเขาไม่ชอบใครเขาก็จะไม่ยอมถูกคลุมถุงชนง่ายๆ อีกอย่างที่คุณลุงคุณป้าเรียกตัวพี่ไป พีมสืบแล้ว ได้ยินว่าพวกท่านเข้าใจผิดคิดว่าคืนนั้นคนที่นอนกับพี่อัคคือพี่พราว พี่พราวกำลังสวมรอยคนอื่น ทางที่ดีไปสารภาพแล้วถอยเถอะค่ะ”

พราวฝันเตรียมการล่วงหน้าเพื่อรับมือพชิรามาแล้ว ถ้าอีกฝ่ายแรงมาแล้วตนร้ายตอบมีแต่จะเสียแผน คืนนั้นไม่มีพยานรู้เห็น นอกจากผู้จัดการของพชิราก็ไม่มีคนอื่นทราบ ไม่อย่างนั้นตอนเป็นข่าวคงออกมาแย้งบ้างแล้ว แม้แต่อิทธิพลยังเข้าใจว่าผู้หญิงที่นอนกับคุณอัครภพวันนั้นคือเธอ ประจวบเหมาะลงตัวแบบนี้ ใครจะโง่ยอมถอยให้เสียโอกาสล่ะ

“น้องพีมพูดเรื่องอะไรเหรอคะ พี่ไม่เห็นเข้าใจเลย” พราวฝันยิ้มเล็กน้อยแล้วเดินจากไป

พชิราเห็นดังนั้นก็ไม่ได้ตามไปรบเร้าเอาเรื่องกับอีกฝ่าย ในเมื่อมาเตือนดีๆ ไม่ฟัง ก็อย่าหาว่าเธอใจร้าย อัครภพเป็นของเธอคนเดียว ขอแค่ผู้หญิงที่เป็นศัตรูหัวใจไม่ใช่พี่สาว นอกนั้นถ้าใครกล้ามายุ่งกับเขา แม่จะจัดให้หน้าสะบัด หมอไม่รับเย็บเลยทีเดียว

ตกเย็นวันเดียวกันหลังทำงานที่กองถ่ายโฆษณาเสร็จ ดูนาฬิกาแล้วพบว่าเวลานี้คุณหมอหนุ่มคงออกเวรเรียบร้อย พชิราจึงซื้ออาหารเย็นติดมือไปที่โรงพยาบาลด้วยจำนวนหนึ่ง เธอยังไม่ก้าวขาออกจากลานจอดรถก็เห็นพราวฝันกับผู้จัดการเดินผ่านอยู่ไกลๆ ทั้งคู่ดูไม่ได้เจ็บป่วย น่าจะมาหาคนมากกว่า

“หน็อย! อินกับบทเกินเบอร์ไปปะคะคุณพี่ ดีใจไปสิ รอฉันแฉก่อนเธอจะได้รู้ว่าอย่ามาเล่นกับพชิรา”

หญิงสาวสวมชุดเสื้อยืดเซลีนสีขาวเข้าคู่กับกางเกงยีนส์สกินนี่ขายาวก้าวลงมาจากรถ วันนี้ต้องถ่ายแบบกระเป๋ากับทางแบรนด์ พชิราไม่มีเวลากลับที่พักเพื่อเปลี่ยนชุดใหม่จึงมาทั้งเรียบง่ายอย่างนี้เลย

เทียบกับพราวฝันที่ใส่ชุดเดรสแดงแป๊ด ย่อมให้ความรู้สึกที่แตกต่าง เหล่าคุณหมอและนางพยาบาลพอเห็นว่ามีสาวสวยมาหาท่านผู้อำนวยการอีกคน ทั้งได้รับอนุญาตจากเขาให้เข้าไปในห้องทำงานส่วนตัวอันแสนลึกลับได้ ก็เริ่มซุบซิบถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าพชิราจะมาทันที

“ทำไมคุณอัครภพไม่อนุญาตให้คุณพราวฝันเข้าไปล่ะ แล้วทำไมคุณพชิราเข้าไปได้ ยังไงเนี่ย!” นางพยาบาลหน้าห้อง ซึ่งทำหน้าที่ประสานงานเฉพาะให้อัครภพแกะขนมกินไปพลางถามอย่างสงสัย ตั้งแต่มีข่าวดูตัว นักแสดงสาวพราวฝันก็มาที่นี่แทบทุกวัน แถมซื้อขนมซื้ออาหารมาแจกให้บุคลากรชั้นนี้ทุกคน จนพวกเขาเริ่มคิดแล้วว่าความสัมพันธ์ของผู้อำนวยการสุดหล่อกับเจ้าหล่อนอาจจะเป็นเรื่องจริง

“คุณพชิราเป็นน้องสาวเพื่อนสนิทของคุณอัครภพ มาทีไรก็ได้เข้าไปตลอด ไม่เห็นแปลกนี่”

“แปลกสิ ช่วงนี้คุณอัครภพเหมือนจะอารมณ์ไม่ดี พวกเรายังเข้าหน้าไม่ติด แล้วคุณพชิราที่นาน ๆ มาหาครั้ง ทำไมเป็นกรณียกเว้น แค่น้องสาวของเพื่อนสนิทนี่ ไม่น่าจะได้รับอภิสิทธิ์ขนาดนี้หรอกมั้ง”

“พอๆ จนกว่าจะมีข่าวอย่างเป็นทางการพวกเราห้ามเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเด็ดขาด คุณพชิราหรือคุณพราวฝัน คนที่จะตัดสินใจคือคุณอัครภพคนเดียว รอดูไปก่อน อย่าพึ่งประจบคุณผู้หญิงผิดคนกันล่ะ”

ในห้องทำงานของอัครภพ ได้ยินเสียงขลุกขลักของใครบางคนกำลังจัดแจงเปิดกล่องอาหาร กลิ่นหอมร้อนกรุ่นโชยไปทั่วทันที เมื่อเกี๊ยวน้ำไส้หมูสับไม่ผสมกระเทียมถูกจัดวางใส่ชาม พชิรามองไปยังคนตัวโตหลังโต๊ะทำงาน พอเห็นว่าอีกฝ่ายก็มองมาเหมือนกันจึงยิ้มหวาน

“ต่อคิวนานเลยกว่าจะซื้อได้ พี่อัคยังไม่กินข้าวเย็นใช่ไหมคะ อย่างน้อยก็มากินเกี๊ยวสักหน่อยก่อนไปเข้าผ่าตัดเถอะค่ะ อีกตั้งหลายชั่วโมงกว่าจะได้พัก กาแฟแก้วเดียวไม่อยู่ท้องหรอก”

เกี๊ยวน้ำไส้หมูไม่ผสมกระเทียมเป็นของโปรดของอัครภพ ช่วงที่เขายังเรียนมหาวิทยาลัยพี่สาวเล่าให้ฟังว่าเมนูนี้ชายหนุ่มมักกินเป็นประจำ ไม่รู้ว่าทุกวันนี้เขาเปลี่ยนไปชอบอย่างอื่นแล้วหรือยัง

อัครภพมองแก้วกาแฟตัวเองครู่หนึ่ง เขาอารมณ์ไม่ค่อยดีเพราะที่บ้านเรียกไปคุยเรื่องผู้หญิงคนนั้น พอพชิราขอพบก็นึกว่ามีธุระสำคัญถึงได้ยอมเจอเธอ สุดท้ายเพียงมาทำให้เขารำคาญเพิ่ม

“มาหาพี่มีเรื่องอะไร พี่ต้องเตรียมตัวผ่าตัดคนไข้ ต้องใช้สมาธิ” คนพูดเหมือนไล่ทางอ้อมเช่นเคย

แต่หญิงสาวไม่รับรู้ว่าเป็นเช่นนั้น เธอเดินไปนั่งเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานของเขา มองใบหน้าหล่อเหลาเย็นชาอย่างใจกล้า ทว่าพวงแก้มสองข้างร้อนผ่าวกลับแดงระเรื่อแล้ว “พี่อัคจำอะไรไม่ได้เลยเหรอคะ คืนนั้นเรามองหน้ากันตั้งหลายครั้ง ไฟกลางห้องก็ออกจะสว่าง หนูปวดตัวไปหมด พี่ไม่แม้แต่จะถามไถ่สักคำ แต่ดันจะไปคบหากับคนอื่น”

เดิมเขาคิดจะออกปากตักเตือนกิริยาท่าทางของเธอสักหน่อย เป็นสาวเป็นนางมาทำเสียงสองแง่สามง่ามกับผู้ชายได้ยังไง ทว่าจากประโยคคำพูดของหญิงสาว ไม่ทราบเพราะเหตุใดจึงได้กระตุ้นให้เขานึกถึงค่ำคืนนั้น ทั้งพอลองดมกลิ่นหอมที่กำจายไปทั่วห้อง ไม่เพียงมีแค่กลิ่นอาหาร แต่มีกลิ่นบางอย่างที่คุ้นเคยติดอยู่ปลายจมูกของเขาด้วย

อัครภพเงยหน้าขึ้น มองผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงข้ามตน ราวกับมองเห็นสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดที่คาดไม่ถึง ยังไม่ทันเอ่ยปาก อีกฝ่ายก็ล้วงบัตรสี่เหลี่ยมสีดำ ซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวปลอมแปลงไม่ได้ออกมา เขาเห็นแวบแรกศีรษะพลันคั่งไปด้วยเลือด สมองหยุดประมวลผลไปชั่วขณะหนึ่ง

“มาวันนี้หนูไม่ได้อยากรบกวนนะคะ แค่เอาของมาคืน หนูขยันทำงานไม่ขาดเหลือค่ะ พี่ไม่จำเป็นต้องเปย์ก็ได้”

พชิรายิ้มร่าเริง ไม่รอให้เขาเอ่ยปากไล่หรือแสดงท่าทีปฏิเสธใดๆ ก็ชิงออกจากห้องไป ทิ้งให้อัครภพคลึงหว่างคิ้วหนักหน่วง ใบหน้าหล่อเหลาที่นิ่งเฉยมาตลอดพลันขมวดไปด้วยคำว่า ฉิบหาย ขดม้วนรวมกัน

หากคืนนั้นเป็นผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่พชิรา เขาคงไม่เริ่มคิดหนักเช่นนี้ เธอเป็นน้องสาวของเพื่อนสนิท หากรวิภากลับมาแล้วรู้เข้าจะทำยังไง เขาจะอธิบายกับเธอยังไง

“ซวยแล้วไอ้อัค ทำอะไรลงไปวะ”

ที่คฤหาสน์ตระกูลธาดากีรติ เวลานี้หลังจากเรื่องเข้าใจผิดถูกแก้ไข คุณหญิงศรินกับผู้เป็นสามี ท่านวรงค์วุฒิ ก็ได้ต้อนรับขับสู้สามคนพ่อแม่ลูกจากครอบครัววรวลัญช์ ซึ่งรู้จักมักคุ้นกันอยู่ก่อนแล้วอย่างยิ้มแย้มแจ่มใส

คุณหญิงศรินมองหญิงสาวรุ่นลูกด้วยแววตาประเมิน พชิราอายุเพียงยี่สิบเอ็ดปี ห่างจากอัครภพลูกชายคนโตของตนแปดปีเชียว ช่องว่างระหว่างวัยค่อนข้างกว้าง ไม่ทราบว่าหลังจากนี้หากลองคบหาจะไปกันรอดหรือไม่ อัครภพนิสัยไม่ค่อยตามใจใครเสียด้วย หากมีเด็กสาวคนนี้เข้าไปพัวพันเขาจะรับมือยังไง

ถ้ารวิภาผู้พี่ก็ว่าไปอย่าง รายนั้นอายุเท่ากันกับอัครภพ แถมเป็นเพื่อนสนิทไม่กี่คนของเขา ชื่อเสียงดี ประกอบอาชีพสายเดียวกันอีก นับว่าเป็นเพชรน้ำงามที่หาได้ยาก ถ้าไม่ติดว่ารวิภามีแฟนแล้ว ตนคงอยากทาบทามมาให้ลูกชายคนโตมากกว่า

สำหรับพชิรา หญิงสาวค่อนข้างถูกพูดถึงในทางไม่ดีนักในวงการบันเทิง เมื่อไม่นานมานี้ก็พึ่งจะมีประเด็นกับแฟนเก่าซึ่งเป็นลูกชายของนักการเมืองใหญ่ บทบาทละครที่รับเล่น ส่วนมากจะเป็นบทนางร้ายที่คนทั้งประเทศอินจัดจนอยากปาหนามทุเรียนมาให้ คุณสมบัติเช่นนี้หรือจะมัดใจอัครภพได้ แทบไม่เห็นวี่แววด้วยซ้ำ

คุณหญิงศรินคิดไม่ตก แต่พอพิจารณาดีๆ พชิราก็ไม่ใช่จะย่ำแย่เสียทั้งหมด เด็กสาวมีใบหน้าที่จิ้มลิ้มพริ้มเพรา ปากนิดจมูกหน่อย ดวงตากลมโตเปี่ยมพลังชีวิตที่กระฉับกระเฉง ยามยิ้มแย้มดูไร้เดียงสาชวนมอง รูปร่างกำลังดี ผิวพรรณขาวผ่องอิ่มน้ำ ดูเป็นคนรักสุขภาพและใส่ใจตัวเอง หากคลอดหลานชายหลานสาวออกมาจะต้องสวยหล่อเหมือนพ่อแม่แน่นอน

เอาเถอะ รอไปมากกว่านี้คงหาโอกาสได้ยาก พอโชคมาจ่อตรงหน้ารีบคว้าไว้ก่อน หากพชิราไม่ใช่หรือมีโอกาสอื่นเข้ามาอีกค่อยหาทางออกใหม่ คุณหญิงศรินสะกิดสามี ท่านวรงค์วุฒิจึงหยุดเสวนาเรื่องธุรกิจกับบิดาของพชิราไว้ก่อน

“งั้นตกลงหมั้นหมายกันเดือนหน้า พอถึงวันเกิดของผม ผมจะประกาศให้ทุกคนรับรู้อย่างเป็นทางการ”

พ่อแม่ของพชิราซึ่งมีฐานะเป็นรองอึ้งกันไปชั่วขณะ ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะโอนอ่อนผ่อนปรนให้ขนาดนี้ ทั้งยังตกปากรับคำว่าจะหมั้นหมายให้เรียบร้อย ลูกสาวคนเล็กที่วันๆ ชอบสร้างแต่เรื่อง ในที่สุดก็เป็นลูกที่มีประโยชน์สักทีแล้ว

หลังแขกกลับไป อัครภพถูกมารดาเรียกตัวกลับบ้านด่วน เขาหาเรื่องบ่ายเบี่ยงแต่พอคุณหญิงศรินพูดจาน้อยอกน้อยใจ ก็จำต้องขับรถมาหาให้คนแก่เลิกงอน ชายหนุ่มพึ่งจะนั่งลง ก็ได้รับทราบข่าวว่าทางครอบครัวจะจัดการให้เขากับพชิราหมั้นหมายกัน แน่นอนว่าเขาไม่ยอม มารดาจึงยกข้ออ้างมาพูด

“น้องเสียหายนะ อัคโตจนป่านนี้แล้วจะไม่รับผิดชอบน้องเหรอ ถ้าเป็นคนอื่นแม่ไม่ว่าหรอก แต่นี่คือน้องพีม ลูกสาวของเพื่อนคุณพ่อ เราไปทำเขาขนาดนั้น ต่อไปจะมองหน้ากันติดได้ยังไง”

อัครภพสีหน้าหม่นมัว แววตานิ่งเรียบยากจะคาดเดาอารมณ์ “ผมจะไปคุยเอง”

เขาบึ่งรถไปที่พักของพชิรา ตามที่ได้ขอข้อมูลจากน้องชาย พอส่งข้อความเรียกหญิงสาวลงมาหาได้ ประโยคแรกที่กล่าวกับเธอก็คือ

“คืนนั้นพี่ขอโทษ”

พชิรายืนเซ่อไปสักพัก อัครภพอุตส่าห์มาหาเธอถึงคอนโดฯ เพื่อพูดคำว่าขอโทษ เขาก็สมควรขอโทษอยู่ เธอต้องลางานสองวันเพราะเดินแทบไม่ได้ รอยกัดรอยดูดที่ผิวก็ต้องใช้เมคอัพกลบอยู่นานกว่าจะสามารถอำพรางสายตาคนอื่น

“ไม่เป็นไรค่ะ” แล้วเขาก็เงียบไป ไม่ได้บอกว่าจะรับผิดชอบเธอหรือมีคำพูดอื่นตามมา แต่แม้ไม่พูดพชิราก็รับรู้ได้จากท่าทีของเขา ที่กำลังสื่อว่าไม่อยากเกี่ยวข้องกับเธอไปมากกว่านี้

“เรื่องหมั้นพี่ว่าเราควรคุยกัน คนสองคนไม่ได้ชอบพอกัน จะผูกมัดกันแบบนี้ไม่ได้”

“พีมชอบพี่อัคค่ะ ชอบมานานแล้ว” พชิราใจเด็ดสารภาพความรู้สึกออกไปก่อนเป็นคนแรก

“แต่พี่ไม่ได้ชอบเธอ”

คำตอบของชายหนุ่มเป็นอะไรที่หญิงสาวเดาเอาไว้นานแล้ว แต่พอเขาพูดออกมามันทำให้เธอรู้สึกเจ็บจนจุก ถึงอย่างนั้นพชิราผู้คลั่งรักก็ไม่หวั่น เธอขยับเข้าใกล้เขา คนตัวใหญ่ก็ไม่ได้ถอย ใบหน้าของทั้งสองจึงห่างกันเพียงคืบเดียว

“หลังจากนี้หนูจะเป็นคู่หมั้นที่ดี จะทำให้พี่อัคตกหลุมรักหนูให้ได้”

เธอดื้อรั้นกับเขาเป็นครั้งแรก อัครภพจึงสีหน้าไม่ค่อยดี เขาจับต้นแขนเรียวเล็กไว้ ข่มเสียงเข้มบอกคนตัวเล็กกว่าว่า

“พี่พูดอะไรก็ควรฟังนะ พี่ใจดีกับเราเพราะเราเป็นเด็กดี แต่ถ้าดื้อเมื่อไหร่ พี่จะไม่อ่อนโยน”

ในหัวพชิราพลันหวนนึกถึงค่ำคืนนั้นที่ได้มีอะไรกับอัครภพ เขาดุจริงๆ ไม่อ่อนโยนเลยสักนิดเหมือนกับสัตว์ร้ายคลุ้มคลั่งถูกยาปลุกเซ็กซ์เร่งสัญชาตญาณดิบ เธอแอบกลัวแต่เขินมากกว่า ใบหน้าสวยหวานจึงขึ้นสีแดงก่ำ

“หนูไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หรอกค่ะ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel