4
4
ดารินกับมาหยาหัวเราะท้องขัดท้องแข็งก่อนจะวิ่งหนีลงมาด้านล่าง
“อาหมอขา นายหมูตอนใส่กางเกงในสีชมพูค่ะ” มาหยาปีนขึ้นไปนั่งบนตักของเขื่อนด้วยความเคยชินก่อนจะพูดอย่างขำๆ
“หือ...” เขื่อนที่เตรียมของว่างให้เด็กๆ รับประทานตอนทำการบ้านครางออกมา
“นายเขตต์ใส่ชุดซูเปอร์แมนออกมาจากห้องน้ำแล้วเป้าขาดค่า” มาหยาปีนลงจากตักของเขื่อน หัวเราะร่วน กำหมัดทุบโซฟาไปมาไม่ต่างจากดาริน
“อย่าพูดนะ ไม่งั้นเราโป้ง” เขตต์เปลี่ยนชุดวิ่งลงมาชี้หน้าทำหน้าบึ้งตึง
“เกิดอะไรขึ้นครับ” เขื่อนยังงุนงง
“ก็ชุดที่อาเขื่อนซื้อให้มันคับ” เขตต์พูดอย่างโกรธๆ งอนๆ ตามประสาเด็ก กอดพุงอ้วนตุ๊บของตัวเองเดินไปตักขนมเค้กกินอย่างโมโห
“ตัวเองกินจุเหมือนหมูก็เลยอ้วน” มาหยาว่าให้
“งั้นตัวเองไม่ต้องมากินขนมบ้านเราแล้ว ไม่ต้องให้อาเราสอนหนังสือให้ด้วย” เขตต์ยกจานขนมไปกอดเอาไว้อย่างหวงๆ
“ไม่เอาครับเขตต์ เราเป็นผู้ชายต้องเสียสละให้ผู้หญิงนะครับ ที่สำคัญเวลาเราไปบ้านของป้ารส ป้ารสก็ให้กินขนมๆ อร่อยๆ จำไม่ได้เหรอครับ”
“ก็ได้ แต่ห้ามล้อเราเรื่องกางเกงในสีชมพูอีก”
“กะได้ๆ” มาหยายังหันไปหัวเราะคิกคักกับดาริน เขตต์ทำปากยื่นหน้าบึ้ง
“ทำการบ้านกันได้แล้วครับ” เขื่อนรีบแทรกตัวเข้าไปนั่งตรงกลางระหว่างมาหยากับหลานชายเพราะทั้งสองแยกเขี้ยวใส่กันอีกแล้ว
ประภพมากดกริ่งหน้าบ้านเพื่อรับดารินกลับหลังจากเลิกงาน ส่วนมาหยานั้นเขื่อนจับแบกขึ้นด้านหลังพาไปส่งที่บ้านเมื่อได้ยินเสียงรถของพงศ์อินทร์และรติรสแล่นเข้ามาจอดในบ้านข้างๆ โดยมีเขตต์เดินตามไปส่งด้วย
“ยายหน้าซาลาเปาตัวหนักไหมครับอาเขื่อน”
“ชู่” เขื่อนทำเสียงให้หลานชายเงียบขณะอุ้มร่างน้อยที่หลับคอพับคออ่อนเพราะเล่นจนเหนื่อยกลับไปส่งบ้าน
“ขอบใจเขื่อนมากนะ ดูสิคงเล่นซนถึงได้หลับคอพับคออ่อนแบบนี้” รติรสเอ่ยขอบใจ
“เดี๋ยวผมพาไปส่งที่ห้องให้ไหมครับ”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่จัดการเอง” พงศ์อินทร์รับร่างน้อยของบุตรสาวมาอุ้มเอาไว้ มาหยาปรือตา ก่อนจะขยี้ตาไปมาแล้วซุกเข้าหาอกกว้างของบิดา เขื่อนมองภาพนั้นอย่างเอ็นดู
“งั้นผมลากลับก่อนนะครับ” เขื่อนยกมือไหว้เพื่อนบ้านทั้งสอง
“ขอบใจอีกครั้งนะจ๊ะ นี่ขนมจ้ะ พี่ซื้อมาฝาก” รติรสส่งขนมเค้กเจ้าดังให้เขื่อน เขตต์มองตาวาวเพราะเป็นเค้กช็อกโกแลตที่เขาชอบรับประทาน
“ขอบคุณครับ เขตต์เขาชอบเค้กเจ้านี้มากๆ เชียวครับ”
“มาหยาก็ชอบเค้กเจ้านี้จ้ะ เลยซื้อมาเผื่อ ตาเขตต์ชอบรับประทานช็อกโกแลตเหมือนมาหยา พี่จำได้” รติรสพูดยิ้มๆ ก่อนที่จะเดินออกมาส่งสองอาหลานที่หน้าบ้าน
วันรุ่งขึ้นผู้ปกครองไปส่งเด็กๆ ที่โรงเรียนอนุบาล พอเด็กๆ เจอหน้ากันก็วิ่งเข้าหากันทันที ต่างพากันไปเล่นอย่างสนุกสนาน เล่นกันไปมาเขตต์กับมาหยาก็ทะเลาะกัน ก่อนที่มาหยาจะโมโหเอาเรื่องเมื่อเย็นวานมาล้อเขตต์
“เมื่อวานนายเขตต์ใส่กางเกงในสีชมพู ใส่ชุดซูเปอร์แมนแล้วเป้าขาดเพราะว่าอ้วนจนชุดปริ” มาหยาแยกเขี้ยวใส่
“ยายหน้าซาลาเปา บอกว่าอย่าเอาเรื่องนี้มาล้อเราไง” เขตต์ดึงผมเปียของมาหยาเต็มแรง
“โอ๊ย!” มาหยาร้องเสียงหลง ก่อนจะอ้าปากกัดแขนเขตต์เต็มแรง ดารินเป็นฝ่ายไกล่เกลี่ย แต่เอาไม่อยู่ เลยรีบวิ่งไปบอกครูประจำชั้น
“คุณครูขา มาหยากับเขตต์ทะเลาะกันใหญ่แล้วค่ะ”
“ตายแล้ว อย่าทะเลาะกันจ้ะเด็กๆ” คุณครูนงลักษณ์รีบวิ่งหน้าตาตื่นมาแยกเด็กทั้งสองออกจากกัน เขตต์ดึงผมเปียขอมาหยาเต็มแรง มาหยาก็กัดเข้าที่แขนของเขนเต็มแรงเช่นกัน เพื่อนๆ ในห้องต่างส่งเสียงเชียร์จนโดนคุณครุดุ
“ถ้าทะเลากันอีกครูจะตีแล้วนะคะ พวกเธอด้วยเห็นเพื่อนทะเลาะกันแทนที่จะห้าม” พอจบประโยคนั้นทำเอามาหยากับเขตต์หยุดทะเลาะกันในทันที
“โป้ง” มาหยาทำหน้าโกรธๆ
“โป้งเหมือนกันยายหน้าซาลาเปา” เขตต์เองก็โกรธที่โดนล้อ กลายเป็นวันนั้นเขาโดนเพื่อนล้อทั้งวันว่าเป็นผู้ชาย ทำไมถึงใส่กางเกงในสีชมพู พอตกเย็นเขื่อนมารับหลานชายก็ได้ยินประโยคที่ชวนให้ขมวดคิ้ว
“อาเขื่อนห้ามพายายหน้าซาลาเปาไปที่บ้านของเราอีก แล้วก็ห้ามให้ยายนั่นหอมแก้มด้วย”
“ไหนเล่าให้อาฟังสิว่ามันเกิดอะไรขึ้น” เขื่อนถามอย่างใจเย็น เด็กน้อยก็รีบเล่าคล้ายกับฟ้องในทันที
“เขตต์ปาลูกบอลใส่หัวมาหยาก่อนนะครับ แถมเรายังไม่ขอโทษเขาอีก” พอฟังเรื่องราวทั้งหมดจนจบเขื่อนจึงพูดอย่างใจเย็นว่าหลานชายเป็นคนเริ่มก่อน ไม่อย่างนั้นก็คงไม่ทะเลาะกัน
“มาหยามายืนขวางเองนี่ครับ ผมไม่ได้ตั้งใจจะปาให้โดนนี่นา” เขตต์เสียงอ่อยลงในทันที
“ไปขอโทษมาหยาซะ”
“แต่ว่า” เขตต์อึกอัก
“ขอโทษเดี๋ยวก็หาย มาหยาเป็นเพื่อนเล่นกับเขตต์มาตั้งแต่ตัวเล็กๆ เขตต์น่าจะรู้ดีว่ามาหยาโกรธง่ายหายเร็ว ไม่โกรธใครนานหรอก เป็นเพื่อนกันต้องรักกันมากๆ รู้ไหม”
“ก็ได้ครับ” เขตต์รับคำเสียงอ่อย ก้มหน้าสำนึกผิด เขื่อนพาหลานชายไปขอโทษขอโพยเด็กหญิงที่บ้านซึ่งพงศ์อินทร์กับรติรสก็รู้ดีว่าเด็กๆ ทะเลาะกันอีกแล้ว แต่เดี๋ยวก็ดีกัน เพราะเธอเคยพูดกับบุตรสาวว่าถ้าทะเลาะกันมากๆ ไม่ชอบหน้ากันก็อย่าเล่นกันอีก มาหยาบอกว่าเขตต์ก็มีน้ำใจในหลายๆ เรื่อง ถึงจะเกเรไปหน่อยก็ตามที
“มาทำไม” มาหยาเท้าสะเอวแยกเขี้ยวใส่เด็กชายตัวอ้วน
“มาขอโทษ” พอได้ยินแบบนั้นมาหยาก็หูผึ่งในทันที
“จริงเหรอ” จริงๆ ก็ไม่อยากเสียเพื่อนอย่างเขตต์ไปหรอก เล่นกันมาตั้งแต่เด็กๆ บิดามารดาก็สอนให้เธอใจเย็นๆ เอาไว้บ้าง อย่าวู่วามหรือขี้โมโหเพราะมันไม่ดี
“จริงๆ เราขอโทษแล้วกัน เราไม่ได้ตั้งใจ”
“เราก็ไม่ได้โกรธนี่ วันนี้แม่ทำกับข้าวเยอะแยะเลย มีหมูฝอยที่นายชอบด้วยนะ” พอพูดเรื่องของกิน ชวนกันเข้าบ้านเรื่องโกรธกันก็จางหายไปแทบจะทันที ผู้ใหญ่เห็นแบบนี้ก็ได้แต่ส่ายหน้าและอมยิ้ม
มาหยามักชวนดารินมากินขนมอร่อยๆ ที่บ้าน ไม่ก็ไปรับมากินมื้อเย็นด้วยกันเพราะประภพงานยุ่ง ดารินพูดบ่อยๆ ว่าบิดาติดสาว มาหยาสงสารเพื่อนจึงออดอ้อนขอบิดามารดาให้ออกหน้าชวนดารินมาค้างด้วยกัน ซึ่งดารินก็ยินดีเป็นอย่างยิ่งเพราะอยู่ที่บ้านบิดาก็ไม่ค่อยมีเวลาให้
ดารินจึงกลายเป็นเพื่อนสนิทของมาหยาตั้งแต่ย้ายมาเรียนที่โรงเรียนอนุบาลเดียวกันและมานอนค้างบ้านของมาหยาบ่อยๆ โดยที่ประภพก็ถือโอกาสฝากฝังไปในตัวเวลาตัวเองไปต่างจังหวัดหรือไปที่อื่น กลับมาทีไรก็ซื้อของมาฝากสองสามีภรรยาเสมอเพื่อเป็นการตอบแทนน้ำใจ แม้จะไม่ค่อยมีเวลาให้แต่ประภพก็ให้เงินบุตรสาวไว้ใช้จ่ายไม่เคยได้ขาดมือ เนื่องจากประภพเองมีฐานะร่ำรวยไม่แพ้ใคร
“พ่อของรินใจดีจังเลยให้เงินรินทีละเยอะๆ”
“พ่อกลัวเราไม่มีตังค์ซื้อข้าวน่ะ” ดารินพูดขำๆ บิดาให้เงินก็บอกว่าเอาไว้ซื้อข้าวและของกิน
“ทำไมบ้านรินเปลี่ยนคนใช้หรือพี่เลี้ยงบ่อยจัง” มาหยาเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ไม่รู้เหมือนกัน” ดารินส่ายหน้าไปมา
“งั้นไปเอาเสื้อผ้าที่บ้านรินกันเถอะ จะได้มานอนค้างบ้านเราไง” มาหยาเปลี่ยนเรื่อง ดีใจที่เพื่อนจะมานอนด้วยกันเหมือนเช่นทุกครั้ง
“จ้ะ” ดารินโทร. ไปขออนุญาตบิดาแล้วว่าขอมานอนค้างกับมาหยา ประภพเองก็อนุญาต ซึ่งหลังจากดารินพูดสายกับบิดา รติรสก็ขอคุยกับประภพด้วย สองสามีภรรยารู้ดีว่าประภพเจ้าชู้มีผู้หญิงมากมาย เลี้ยงลูกด้วยเงินไม่ใคร่จะใส่ใจดูแลมากนัก ซึ่งในโลกนี้ก็มีคนแบบนี้อยู่จริงๆ
“คุณแม่ขา หนูไปเอาเสื้อผ้าบ้านรินนะคะ” มาหยาที่กำลังนั่งเล่นตุ๊กตาอยู่กับดารินรีบขออนุญาตมารดาทันที
“เดินดีๆ นะลูก ดูรถด้วย แจ่มไปกับเด็กๆ นะจ๊ะ” รติรสเรียกสาวให้ตามเด็กๆ ไปด้วย บ้านของดารินอยู่ในหมู่บ้านเดียวกันแต่ถัดไปอีกหลายหลัง รติรสจึงไม่อยากให้เด็กๆ เดินกันไปเอง
“ค่ะคุณรส” แจ่มจูงมือเด็กๆ เดินไปเรื่อยๆ คอยระแวดระวังรถและอันตรายอื่นๆ ให้ เดี๋ยวนี้คนไว้ใจได้ยาก อาจจะมีพวกโจรลักพาตัวเด็กหรือทำมิดีมิร้ายกับเด็กก็เป็นได้ ดังนั้นจึงต้องระวังให้ดี
“จะไปไหนกันเหรอ” เขตต์ที่นั่งเล่นของเล่นอยู่ตรงสนามหญ้าหน้าบ้านเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนเดินผ่านหน้าบ้าน วันนี้เป็นวันหยุดเด็กๆ จึงไม่ได้ไปโรงเรียนกัน
“ไปบ้านรินน่ะ”
“เราไปด้วย” เด็กชายเขตต์วิ่งออกมาจากบ้าน ก่อนจะเบรกหัวทิ่มแล้วรีบพูดว่า “รอเราก่อนนะ ไปขออนุญาตอาเขื่อนก่อน เดี๋ยวอาเขื่อนออกมาแล้วไม่เจอ”