บทที่ 1
กลิ่นขนมอบโชยฟุ้งไปทั่วบ้าน ทำให้ชายร่างใหญ่ที่กำลังเดินแกมวิ่งลงมาจากชั้นสองชะงัก แล้วทำจมูกฟุดฟิด ก่อนจะเดินไปยังที่มาของกลิ่น เขายืนกอดอกอยู่ตรงกรอบประตู ความสูงของเขาทำให้ศีรษะเกือบจะถึงขอบประตู เขามองไปตรงคนที่กำลังสาละวนกับหน้าเตา แล้วยิ้มที่มุมปากนิดๆ
ผู้ชายร่างสูงพอๆ กับเขา แต่รูปร่างเพรียวกว่าไม่หนาเท่ากับมิลินท์ ที่เขานั้นออกกำลังเพาะกล้ามจนกล้ามเนื้อแน่นปั๋งไปทั้งตัว ผิวของหมอนั่นก็ขาวสะอ้านสะอาด ตรงกันข้ามกับเขาที่ผิวมีสีแทนเพราะออกแดดตากลมอยู่ตลอดเวลา
ชายผู้นั้นคือสีขาว ส่วนเขาก็คือสีดำ...มั้ง?
อาชีพการงานก็แตกต่างกันนัก เขามีงานประจำคือเทรดหุ้น เป็นที่ปรึกษาการลงทุนให้กับบริษัทของบิดา มีหุ้นในบริษัทของท่าน เขาชอบนักเรื่องการลงทุนการเสี่ยง กล้าได้กล้าเสียแต่มีสติและใช้สมอง การลงทุนของมิลินท์มักจะได้มากกว่าเสีย ตอนนี้จึงมีคนไว้วางใจให้เขาเป็นที่ปรึกษาเพิ่ม กินเงินเดือนประจำอีกสองแห่ง มันทำให้เขาใช้ชีวิตได้ค่อนข้างอิสระ เขามีงานเพิ่มคือการทำ vlog ชีวิตของเขาลงยูทูป มียอดติดตามจำนวนมากพอสมควรทำให้เขาได้รับค่าตอบแทนจากยูทูปในแต่ล่ะเดือนมหาศาลอยู่ เพราะมิลินท์หน้าตาดีมาก หุ่นดี ไลฟ์สไตล์ของเขาเป็นชีวิตในฝันของหนุ่มๆ จำนวนมาก ที่อยากมีอิสระ มีเงิน และมีชีวิตดีๆ และก็เป็นไลฟ์สไตล์ของผู้ชายในฝันของสาวๆ ส่วนใหญ่ ที่ยกให้เขาเป็นสามีทิพย์ ภาพที่เขาจงใจเปิดเผยกล้ามแน่นๆ เนื้อตัวมากหน่อย จะได้รับไลท์ รับคอมเม้นท์อย่างมากมาย จากสาวๆ ที่คลั่งไคล้ในตัวเขา ภาพถูกแชร์ต่อๆ ไปยิ่งทำให้เขาดัง ล่าสุดมิลินท์ถ่ายลงติ๊กต่อกเพิ่ม เป็นคลิปสั้นๆ ก็ฮอตตามเคย ถือว่าเป็นอินฟูลเอนเซอร์คนหนึ่งเลยก็ว่าได้
ส่วนอาชีพของคนที่กำลังสวมผ้ากันเปื้อน วุ่นกับหน้าเตาขนม ส่งกลิ่นโชยอยู่นั่น คือแพทย์อายุรกรรม เขากับหมอนั่นเส้นทางโคจรมาเจอกันโคตรตลก เพราะอยู่คนล่ะสายโดยสิ้นเชิง แต่เหมือนพรหมลิขิต ใช้คำนี้ก็จั๊กจี้แปลกๆ เพราะเป็นเพศเดียวกัน ฟังๆ แล้วเหมือนมาพบรักกันยังไงพิกล เขากับหมอปัญภัทรตอนนี้เป็นเพื่อนรักกันไปแล้ว ต่างคนช่วยเหลือเกื้อกูลกัน และมาอยู่บ้านเดียวกันได้สามปีแล้วตอนนี้
เขามองเห็นอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเพื่อนรัก ที่ยังเป็นหนุ่มโสดสนิท ไม่มีแฟน...ปัญภัทรไม่ได้หน้าตาขี้ริ้ว เป็นหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่ง หมอเป็นที่กรี๊ดกร๊าดจัดอันดับในหมู่พยาบาลคนไข้ทั้งสาวทั้งแก่ ว่าเป็นอันดับหนึ่งหมอโสดในฝันประจำโรงพยาบาล แต่ทำไมยังโสด? หมอไม่ใช่เกย์ แน่ล่ะ...แล้วก็ไม่ได้ชาเฉยกับคำว่าความรัก
เขารู้หรอกน่าว่าหมอปัญกำลังหัวใจเต้นเป็นจังหวะหวานๆ นั่น
เพียงแต่หมอยังไม่กล้า...
ที่มายืนฮัมเพลงหน้าเตาแบบนี้ ก็เพราะสาเหตุที่ทำให้หัวใจเต้นรำนั่นแหละ
“ทำอะไรกินว่ะไอ้หมอ หอมเชียว ขอไปเป็นเสบียงบ้างได้มะ”
“เอ่อ...ไอ้หมี ตกใจหมดมาเงียบๆ”
หมอปัญภัทรหันมาแล้วยักไหล่ เขามองขนมที่ออกมาจากถาดอบ แล้วนับชิ้นมันไปด้วย...พอไหมนะ? ตาเหลือบมองนาฬิกาไปด้วย ใกล้ถึงเวลาแล้วด้วยสิ ถ้าให้ไอ้หมีไป ขนมเราจะพอให้น้องไหมหนอ
“ไหนๆ ดูสิทำอะไร อื้อหือน่ากินว่ะ ชิมชิ้นหนึ่งนะ”
หยิบไปอย่างรวดเร็ว ห้ามไม่ทัน และขนมชิ้นนั้นก็หายวาบเข้าไปในปากของเพื่อน หมอหนุ่มได้แต่ทำตาปริบๆ ทางนั้นยกนิ้วโป้งให้เขา แล้วหยิบคุกกี้ไปอีกสองชิ้น มิลินท์พูดทั้งที่ขนมยังเต็มปาก
“เฮ่ย อร่อยว่ะ ขอไปสองนะ”
“เฮ้ย เอาคืนมาก่อน ถ้าจะเอาก็รอกูอบใหม่แป๊บหนึ่ง”
“โอ๊ย งกแท้วะ มีอีกตั้งสามอัน กูไปล่ะ คนที่มึงจะทำให้กินน่ะ เค้ากินไม่เปลืองหรอก ตัวแค่นั้น...”
มิลินท์ว่า เล่นเอาหมอปัญภัทรชะงักไปนิด แล้วก็กระแอมแก้เขิน เพื่อนรู้ทันเสียแล้วสิ มิลินท์กัดคุกกี้กร๊วมๆ แล้วเดินออกจากห้องครัว พร้อมกับบอกเพื่อนไปด้วย
“กูไปนอกบ้านสักสี่ห้าวันนะไอ้หมอ”
“เอ่อ ระวังตัวล่ะ”
“สั่งยังกะเมีย สายวายกรี๊ดสลบแล้วถ้ามาได้ยิน”
“กูไม่คิดจะเอามึงทำเมียหรอกไอ้ห่า”
ตะโกนตามหลังเพื่อน ได้ยินเสียงหัวเราะดังลั่นขึ้นแล้วก็ได้ยินฝั่งนั้นตะโกนตอบมาอีก
“เอ่อ กูรู้มึงไม่คิดว่าจะเอากูทำเมีย กูรู้ว่ามึงอยากเอาใครทำเมีย”
เพื่อนเล่นตอบดังขนาดนี้ เล่นเอาหมอปัญภัทรสะดุ้ง วิ่งออกมาหน้าบ้านตรงต้นเสียงอย่างลืมตัว หูได้ยินเสียงสตาร์ทรถดังกระหึ่มแล้วแล่นออกไปก่อนที่เขาจะทันมาถึง ได้แต่เลิ่กลั่กมองซ้ายขวา ว่ามีใครได้ยินไหมนะที่ไอ้หมีตะโกนว่า...
เสียงหมาจรแถวนั้นที่เพื่อนตั้งชื่อว่านังบุญมีเห่าทักเขา เหมือนจะบอกเขากลายๆ ว่าตรงนี้ไม่มีใครหรอกมีแต่มันนี่ล่ะ หมอหนุ่มก็พลันโล่งใจ เสียงไอ้หมีดังยังกับฟ้าผ่า...ขืนใครบางคนได้ยินเข้าล่ะก็...
เขาก้มมองนาฬิกาอีกหน ถอนใจนิดๆ ก่อนจะเดินกลับเข้าบ้านไป เหลืออีกกี่ชิ้นนะ ไอ้เพื่อนตัวดีจิ๊กไปสามชิ้นแล้ว เหลือแค่นั้นจะพอหลอกหล่อเด็กให้อยู่กินขนมกับเขาได้นานแค่ไหนนะ
คิดแล้วก็อมยิ้ม...
หลอกล่อเด็ก
ไอ้หมอ...
เฮ้อ...
ไปทำเพิ่มอีกดีกว่า เผื่อว่าเด็กคนนั้นจะไม่อิ่ม ไอ้หมีไม่รู้หรอกว่าตัวแค่นั้นน่ะ แต่ก็กินจุชะมัดเลย
เขาเดินฮัมเพลงเข้าบ้านไป ใจนับถอยหลังไปด้วยเมื่อมองนาฬิกา เด็กที่ว่ามาบ้านเขาตรงเวลาเสมอนั่นแหละ