บท
ตั้งค่า

7 งานที่เหมาะกับนาย

ไทธัชลงจากรถเมล์แล้วเดินเข้าไปในซอยลึก แสงไฟจากเสาไฟฟ้าส่องสว่างตลอดทางเดิน ทำไม่ได้น่ากลัวแม้ว่าตอนนี้เป็นเวลาเกือบจะห้าทุ่มแล้วก็ตาม

ใช้เวลาเดินไม่ถึง 10 นาทีเขาก็มาถึงบ้านหลังเล็กที่ตอนนี้ทั้งบ้านผิดไฟมืดสนิท มารดากับยายจะเข้านอนกันตั้งแต่หัวค่ำเพราะต้องรีบตื่นมาทำกับข้าวกันตั้งแต่เช้ามืด

ไทธัชไขกุญแจที่ประตูรั้วด้านหน้าอย่างเงียบที่สุด จากนั้นก็เดินอ้อมไปทางด้านหลังของตัวบ้าน เพราะถ้าเข้าทางประตูหน้าเสียงเปิดของมันจะดังกว่าประตูทางด้านหลังเนื่องจากบานพับมันเก่าและขึ้นสนิม

เด็กหนุ่มรีบอาบน้ำและเข้านอน แต่ก็ยังคงนอนไม่หลับ เพราะเอาแต่คิดถึงเรื่องที่ได้ยินมาจากอคิราห์เมื่อตอนหัวค่ำ

เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าอคินทร์นั้นฆ่าตัวตาย แต่พอรู้แล้วก็รู้สึกหดหู่ ยิ่งเห็นสีหน้าของอคิราห์แล้วยิ่งรู้สึกเห็นใจเขามากขึ้น

ไทธัชหวนคิดถึงตัวเองถ้าวันนั้นไม่ได้เจอกับอคิราห์เขาเองก็คงจบชีวิตของตัวเองลงไปแล้ว และสิ่งที่จะตามมาจากนั้นก็คงจะเป็นความเศร้าโศกและเสียใจของมารดาและยาย นับว่าตัวเองยังโชคดีที่เจอเขา ได้เขาช่วยเตือนสติ และยังช่วยจ่ายเงินค่าเทอมรวมถึงให้เงินมาจ่ายแค่เชาแผงอีกด้วย

เรื่องงานที่จะไปทำกับพี่เขตแดนนั่นก็อีกเรื่อง เขาไม่รู้ว่าตัวเองจะไปเจออะไรที่นั่นบ้าง แต่ยอมรับว่าเชื่อที่คุณหมอหนุ่มคนนั้นบอกอยู่ไม่น้อย เพราะลองคิดดูดี ๆ แล้วมันก็มีจุดที่แปลกอยู่บ้าง พี่เขตแดนให้เขาส่งรูปถ่ายแบบเต็มตัวไปให้ จากนั้นก็ตกลงจะให้ตามไปทำงานด้วย ทั้ง ๆ ที่เข้าไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน และยังไม่ให้น้องชายตัวเองไปทำงานกับเขาอีก

แต่ไทธัชก็ไม่อยากคิดหาคำตอบเรื่องนี้เพราะว่ามันผ่านไปแล้ว พรุ่งนี้เข้าจะลองไปสมัครงานที่ร้านกาแฟหน้าโรงพยาบาลหรือไม่ก็หางานอื่นที่มันไม่ต้องเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงแบบนั้นอีก

เด็กหนุ่มสัญญากับตัวเองแล้วว่าจากนี้จะใช่ชีวิตให้รอบคอบและระมัดระวังขึ้น เพราะไม่อยากให้มารดาและยายต้องมาเสียใจกับการกระทำของตนเอง

เผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ รู้สึกตัวตื่นอีกทีก็ได้ยินเสียงเสียงดังมาจากในครัว เขารีบดีดตัวลุกขึ้นจากที่นอนและล้างหน้าแปรงฟันก่อนจะออกไปช่วยงานข้างนอกอย่างที่เป็นประจำมาตั้งแต่เด็ก

“ขอโทษทีครับแม่ ผมตื่นสายไปหน่อย” ไทธัชรีบเข้าไปช่วยมารดาหั่นหมูสำหรับทำแกงเทโพอย่างทะมัดทะแมง

“ไท ไหนว่าไปค้างกับเพื่อนไง แล้วกลับมาตอนไหนไม่เห็นรู้เรื่องเลย”

“กลับมาตอนห้าทุ่มครับแม่”

“คราวหน้าคราวหลังถ้ากลับดึกอย่างนั้นต้องโทรให้แม่ไปรับนะลูก ยายเป็นห่วง”

“ไม่ต้องห่วงหรอกครับยาย ผมโตแล้วอีกอย่างบ้านเราก็ไม่ได้เปลี่ยวสักหน่อย”

“โตแค่ไหนก็ยังเป็นเด็กสำหรับยายและแม่นั่นแหละ”

“ครับยาย ต่อไปผมว่าจะไม่กลับดึกอีกแล้วครับ”

“ไม่ต้องติวแล้วเหรอ” คนเป็นมารดาถาม

“ผมว่าจะอ่านเองดีกว่า บ้านไอ้แทนอยู่ไกลผมไม่อยากเสียเวลาเดินทาง”

“อ้อ อย่างนั้นเอง แล้วคณะที่ไทเรียนมันมีที่เรียนพิเศษไหมลูก”

“ไม่ต้องเรียนหรอกครับมา เสียดายตังอันไหนที่ผมไม่เข้าใจก็ไปถามครูที่โรงเรียนก็ได้” ไทธัชไม่อยากให้มารดาต้องเสียเงินไปกับการเรียนของตัวเองมากไปกว่านี้

“ถ้ามันไม่ไหวก็บอกแม่กับยายนะลูก”

“ครับยาย” ไทธัชตอบรับขณะที่มือก็หั่นหมูอย่างชำนาญ

กับข้าวเสร็จเรียบร้อยตอนเกือบจะหกโมงเช้า ไทธัชรีบช่วยมารดายกใส่หลังรถเพื่อไปให้ทันคนมาจ่ายตลาดในตอนเช้า

“แม่ครับ มีคนจะสั่งคุกกี้เหมือนเมื่อวานเพิ่ม ของที่จะเอามาทำยังพอมีไหมครับ”

“น่าจะหมดแล้ว เดี๋ยวพอขายเสร็จแม่จะแวะซื้อให้นะ”

“ครับแม่”

พอรถแล่นออกจากบริเวณบ้านไปแล้ว ไทธัชก็ปิดประตูรั้วก่อนจะกลับมาเก็บล้างทำความสะอาดข้าวของเครื่องใช้ในห้องครัวจนสะอาดเรียบร้อยจากนั้นก็ไปอาบน้ำและอ่านหนังสือรอมารดาและยายกลับมาทานข้าวมื้อสายด้วยกัน

16.30 น.

“แม่ครับ ผมขอเอาคุกกี้ไปส่งนะครับ” เด็กหนุ่มเตรียมคุกกี้ที่เพิ่งจะอบเสร็จเมื่อตอนบ่ายลงในถุงหิ้วใบใหญ่

“ไปส่งที่ไหน ของเยอะอย่างนั้นแม่ว่าให้แม่เอารถไปส่งดีไหม”

“เยอะที่ไหนกันครับแม่ เอารถยนต์ไปส่งมันไม่คุ้มค่าน้ำมันนะครับ”

“แล้วไทจะเอาไปส่งที่ไหน”

“ที่โรงพยาบาลครับมา”

คำตอบของไทธัชทำให้ผู้ใหญ่ทั้งสองมองมาอย่างไม่เข้าใจ

“เมื่อวานที่ผมเอาคุกกี้แม่ไป พอดีว่าเจอพี่ชายของเพื่อนอีกคนเลยแบ่งให้เขาไปถุงหนึ่งครับ เขาติดใจก็เลยอยากสั่งไปกินกับเพื่อน ๆ ครับ” เขารีบบอกก่อนที่มารดาและยายจะงงมากไปกว่านี้

“แม่ไม่เคยรู้เลยว่าเพื่อนเรามีพี่ชายทำงานอยู่ที่โรงพยาบาล”

“แม่จำได้ไหมครับที่เดือนก่อนที่ผมขอแม่ไปงานศพเพื่อน”

“จำได้สิลูก เขาเป็นพี่ชายของเพื่อนคนนั้นเหรอ”

“ครับแม่”

“น่าสงสารครอบครัวของเขาเหมือนกันนะ แล้วไทไปรู้จักได้ยังไงล่ะไหนว่าไม่สนิทกับเพื่อนคนนั้น”

“ผมบังเอิญเจอเขาที่โรงเรียนครับ เขามาเก็บของใช้ของน้องชาย”

“อ้อ ถ้าเป็นคนรู้จักไทก็ลดราคาให้เขาด้วยนะ”

“ครับแม่”

17.15 น.

ไทธัชมาถึงร้านกาแฟที่นัดกับอคิราห์ไว้ก่อนเวลานัดเล็ก

น้อย เขายืนมองป้ายรับสมัครพนักงานเสิร์ฟที่ติดอยู่หน้าร้าน เด็กหนุ่มตัดสินใจเดินเข้าสมัครงานเองเพราะอยากลองสมัครด้วยตนเองเสียก่อน

ชายวัยกลางคนที่กำลังเช็ดโต๊ะอยู่เงยหน้าขึ้นมองพร้อมกับรอยิ้มที่ดูใจดี

“สวัสดีครับ” ไทธัชยกมือไหว้

“สวัสดี มาสมัครงานเหรอ” เพราะดูจากเวลาแล้วคงไม่มีใครเข้ามาร้านกาแฟในเวลาที่กำลังจะปิดร้านอย่างนี้

“ครับ ผมมาสมัครงาน”

“นั่งก่อนสิ”

“ขอบคุณครับ”

ชายตรงหน้าแนะนำว่าเขาชื่อพีรพลหรือพี่พีท พี่พีทเป็นเจ้าของร้านกาแฟและเบเกอร์รี่แห่งนี้ ที่ร้านตอนนี้มีพนักงานทั้งหมด 3 รวมทั้งตัวเจ้าของร้านด้วย แต่เพราะอีกสองคนจะเข้ามาทำงานตอน 10 โมงเช้าพี่พีทเลยอยากหาคนมาช่วยเขาในช่วงเช้าเพราะในชั่วโมงเร่งด่วนบางครั้งเขาทำคนเดียวไม่ทัน

“เรื่องเวลาผมไม่มีปัญหาครับ แต่เรื่องชงกาแฟ ผมชงทำไม่เป็นเลย”

“ไม่เป็นไรเดี๋ยวพี่สอนได้ ถ้าเราตกลงรับงานพี่จะได้ป้ายหน้าร้านออก”

“ผมตกลงครับ” ไทธัชรีบตกลงทันทีเพราะถ้าเจ้าของร้านออกปากว่าจะสอนเขาก็ไม่ต้องกังวลอะไร

พีรพลเดินไปหน้าร้านเขายังไม่ทันไปเอาป้ายรับสมัครพนักงานออก อคิราห์ก็เดินมาถึงหน้าร้านพอดี

“มาช้าไปนิดนะซัน พี่คงรับเด็กฝากของซันไม่ได้แล้วล่ะ พี่เพิ่งได้พนักงานคนใหม่เมื่อกี้เอง”

อคิราห์ผิดหวังที่เขาไม่สามารถฝากงานให้กับไทธัชได้ แต่ก็เคารพการตัดสินใจของเพื่อนรุ่นพี่

“ไม่เป็นไรครับ”

“ไว้โอกาสหน้าก็แล้วกันนะ ไหน ๆ มาแล้วก็มาช่วยพี่ชิมกาแฟหน่อยสิ พี่กำลังจะฝึกเด็กใหม่ชงกาแฟพอดี”

“ครับพี่”

พีรพลเปิดทางให้อคิราห์เข้ามาด้านในร้านขณะที่ตัวเองดึงป้ายที่หน้าร้านออกมาทิ้งขยะ

“ไท มาอยู่ที่นี่ยังไง”

“สวัสดีครับพี่ซัน ผมมาสมัครงานครับ”

“อ้าวสองคนนี้รู้จักกันเหรอ” เจ้าของร้านถามอย่างแปลกใจ

“ก็คนนี้แหละที่ผมจะฝากให้ทำงานกับพี่”

“อะ จริงเหรอ พี่ไม่รู้ เห็นเดินมาสมัครคุยถูกคอก็เลยรับไว้ แล้วน้องก็ไม่บอกนะว่าซันแนะนำมา”

“ผมไม่แน่ใจนี่ครับว่าใช่ร้านนี้หรือเปล่าที่พี่ซันบอกหรือเปล่า”

“ได้งานแล้วพี่ดีใจด้วยนะ เห็นไหมมีงานอีกมากที่เหมาะกับนาย”

“ครับ”

“เอาคุกกี้มาด้วยไหม” คนที่ยังไม่ได้ทานอะไรตั้งแต่เที่ยงถามขึ้น

“เอามาครับ” ไทธัชยื่นถุงคุกกี้ให้กับอคิราห์ที่พอรับไปก็แกะถุงออกมาทานทันที

“หอมจัง เอามาชิมหน่อย” เจ้าของร้านกาแฟดึงถุงในมือของหมอหนุ่มแล้วหยิบคุกกี้ชิ้นเล็กขึ้นมาทานอย่างเอร็ดอร่อย

“อร่อยไหมครับ” เจ้าของคุกกี้ถามแล้วก็รอฟังคำตอบด้วยความตื่นเต้น

“อร่อยมาก ทำเองเหรอ”

“แม่ทำครับ ผมแค่เป็นลูกมือ”

“สนใจเอามาวางขายที่นี่ไหม”

“ได้เหรอครับ” เด็กหนุ่มถามอย่างตื่นเต้น

“ได้สิ ปกติพี่ก็รับของคนอื่นมาวางขายเพราะทำไม่ไหว”

“แล้วเจ้าอื่นเขาจะมาว่าเอาเหรอครับ”

“ไม่หรอก เพราะพี่ไม่ได้ผูกขาดกับใคร เจอขนมร้านไหนถูกใจก็สั่งมาวางขาย”พีรพลเป็นคนง่ายๆ

“ขอบคุณครับ วันนี้ผมโชคดีมากได้ทั้งงานและยังได้ออเดอร์ขนมไปฝากแม่อีก” ไทธัชยิ้มหน้าบาน

เขาฝึกชงกาแฟอยู่อีกนับชั่วโมงก่อนจะขอตัวกลับเพราะวันนี้ไม่ได้บอกแม่ไว้จะกลับบ้านค่ำ

“พี่ซันต้องกลับไปทำงานอีกเหรอครับ” ไทธัชถามชายหนุ่มขณะที่เดินมาส่งเขาที่ป้ายรถเมล์

“อือ ตอนสองทุ่มมีผ่าตัด”

“อันที่จริงพี่ไม่น่าลำบากออกมาหาผมเลย” พอรู้ว่าอีกคนออกมาจากโรงพยาบาลทั้งที่ยังมีงานค้างอยู่ก็รู้สึกเกรงใจ

“ไม่ลำบากหรอก พี่อยากแน่ใจด้วยว่างานที่นายทำมันเหมาะกับนายจริง”

“ขอบคุณนะครับที่เป็นห่วง มีอะไรที่ผมจะทำให้พี่ได้บ้างไหม” ไทธัชถามด้วยสีหน้าจริงจัง ชายตรงหน้าเขานับว่าเป็นผู้มีพระคุณลำดับที่ 3 ของเขาเลยทีเดียว

“ก็อย่างที่บอกไง เป็นเด็กดีตั้งใจเรียน”

“ครับ”

“รถมาแล้วนายรีบกลับบ้านเถอะแล้วพรุ่งนี้อย่าลืมมาทำงานนะ”

“ครับ พี่ซันก็ตั้งใจทำงานนะครับ” เด็กหนุ่มบอกก่อนที่จะรีบวิ่งขึ้นไปยังรถเมล์ที่อัดแน่นเหมือนปลากระป๋อง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel