5 สิทธิ์ของเจ้าหนี้
ไทธัชรีบทานข้าวอย่างรวดเร็วเพราะเย็นนี้เขาต้องไปรอพี่ชายของแทนคุณที่บ้านก่อนจะไปทำงานที่บาร์ด้วยกัน ก่อนหน้านั้นเขาก็เคยโทรไปแล้ว พี่เขตบอกกับเขาว่าคืนวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ เจ้าของบาร์รับเด็กพาร์ทไทม์เพิ่ม พอเขาส่งรูปไปให้ทางนั้นก็ยอมให้เข้าไปทำงานทันที
ค่าแรงต่อหนึ่งคืนก็ไม่ได้มากมายเท่าไหร่ แต่ก็ยังดีกว่าอยู่เฉย ๆ แล้วไม่ได้เงินสักบาท
เขามาถึงบ้านของแทนคุณตั้งแต่ยังไม่ห้าโมงเย็นบ้านหลังนี้แทนคุณและพี่ชายอยู่กันสองคนส่วนพ่อกับแม่นั้นพักอยู่บ้านอีกหลังหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้กับที่ทำงานมากกว่า
“ไอ้ไท เข้ามาก่อนสิ พี่กูเพิ่งตื่น”
“แม่ฝากคุกกี้มามึงกับพี่ด้วยนะ” เขายื่นคุกกี้ให้เพื่อนสองถุง ส่วนอีกถุงเก็บไว้ในเป้เพราะพรุ่งนี้จะแวะไปหาอคิราห์ เลยคิดว่าอยากหาอะไรติดมือไปฝากเขาด้วย
นึกถึงชายคนนั้นแล้วไทธัชก็หงุดหงิดเขารอโทรศัพท์ทั้งวันแต่อีกฝ่ายก็เงียบ
“กินข้าวมายังวะ” เจ้าของบ้านถาม
“กินมาแล้ว มึงล่ะ”
“ยังเลยว่าจะไปกินหน้าปากซอย มึงไปด้วยไหม”
“อือ ไปสิ” ถึงตัวเองจะกินข้าวมาแล้วแต่ก็ไม่อยากนั่งอยู่คนเดียว แม้จะมาที่นี่หลายครั้งและรู้จักพี่ชายของเพื่อนเป็นอย่างดีแต่ไทธัชก็ไม่กล้านั่งอยู่คนเดียว
ไทธัชเดินตามเพื่อนออกมาหน้าปากซอย เขาสั่งโค้กมากินระหว่างรอ ส่วนแทนคุณสั่งข้าวผัดกะเพรามาทานที่ร้านหนึ่งจานและอีกหนึ่งกล่องสำหรับพี่ชาย
“มึงจะไม่ไปทำกับกูแน่เหรอ”
“กูอยากไปนะ อยากเอาตังมาเติมเกม แต่พี่กูไม่ยอมให้ไปบอกว่าอยากให้กูตั้งใจอ่านหนังสือ”
“มึงลองขออีกทีสิ กูจะได้มีเพื่อน” เพราะไม่เคยทำงานมาก่อนไทธัชก็อยากให้แทนคุณไปทำงานกับตัวเอง แม้จะมีพี่ชายของเพื่อนไปด้วยพี่เขตแดนก็ไม่ได้เป็นเด็กเสิร์ฟเหมือนกับตัวเอง
“เดี๋ยวกลับกูว่าจะลองขอดู ว่าแต่มึงเถอะ บอกแม่ว่ามาติวบ้านกูใช่ไหม”
“เออสิวะ ขืนบอกว่าไปทำงานมีหวังความแตกกันพอดี”
“แล้วพี่ชายไอ้คิวว่าไงบ้าง เขาจะให้ผ่อนใช้เดือนละเท่าไหร่”
“กูยังไม่ได้คุยกับเขาเลย เมื่อเช้าไปหาเขาที่โรงพยาบาลเขาก็ไม่ว่าง กูทิ้งเบอร์ให้แต่ก็รอตั้งแต่เช้าก็ไม่โทรกลับสักที”
“เป็นกูนะเบี้ยวแม่งเลย ใครอยากมาจ่ายให้ไม่ได้ขอร้องสักหน่อย”
“กูก็เคยคิด แต่ไม่เอาดีกว่ากลัวบาป”
“มึงนี่คนดีจริงๆ นะไอ้ไท สมแล้วที่เป็นลูกรักหลานรักของแม่กับยาย”
“มึงอย่าพูดอย่างนี้สิไอ้แทน กูยิ่งรู้สึกผิดกับสองคนนั้นอยู่”
“เอาน่ามึงอย่าคิดมาก เดี๋ยวมีงานก็มีเงินใช้หนี้เองแหละ” “อือ กูก็คิดอย่างนั้นแหละ”
ระหว่างที่นั่งรอเพื่อนทานข้าว เสียงโทรศัพท์ของไทธัชก็ดังขึ้น เด็กหนุ่มรีบกดรับทันที
“สวัสดีครับ”
“พี่เอง”
“ครับ ว่างแล้วเหรอครับ” เขาถามด้วยน้ำเสียงประชด รอทั้งวันเพิ่งจะโทรมาเอาตอนเกือบจะหกโมงเย็น
“เพิ่งว่าง จะมาคุยไหม”
“ผมไม่ว่างแล้วต้องไปทำงาน เอาไว้คุยวันหลังได้ไหมครับ”
“ทำงานเหรอ”
“ครับทำงาน”
“ที่ไหน นายยังเรียนไม่จบนะ แล้วเวลานี้มันเย็นแล้วมีงานที่ไหนเขาให้เด็กอย่างนายไปทำ”
“มีก็แล้วกันน่า”
“งานอะไร บอกมาก่อนไม่ผิดกฎหมายใช่ไหม”
“ไม่ผิดหรอก อีกอย่างผมก็โตแล้ว”
“โตแล้วแต่ก็ยังเรียนอยู่ หน้าที่ของนายก็คือตั้งใจเรียนไม่ใช่เหรอ”
“ทำไมพี่ต้องทำเสียงเข้มอย่างนั้นด้วย ผมก็แค่ไปเป็นเด็กเสิร์ฟเอง ไม่ได้ไปทำอะไรเสียหายสักหน่อย”
“เคยทำมาก่อนหรือเปล่าล่ะ”
“ไม่ครับ นี่ครั้งแรก ผมไปกับพี่ชายของเพื่อนไว้ใจได้”
“งั้นก็แล้วไป ว่าแต่ทำที่ไหนเผื่อจะแวะไปใช้บริการไง”
ไทธัชหันมาถามเพื่อนที่นั่งข้างถึงชื่อบาร์ที่เขาจะไปทำคืนนี้จากนั้นก็บอกคนปลายสายไป
“ไม่เคยไปที่นั่นใช่ไหม” อคิราห์ถามด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก
“ครับ ก็บอกไปแล้วไงว่าผมเพิ่งจะไปวันแรก”
“พี่ขอสั่งว่าห้ามไปทำงานที่นั่น”
“พี่มีสิทธิ์อะไรมาสั่งผม” เขาเริ่มโมโหเพราะดูเหมือนว่าเขาคนนั้นจะก้าวก่ายชีวิตของตนมากเกินไป
“สิทธิ์ของเจ้าหนี้ไง”
“พี่แม่งกวนตีนว่ะ ที่ผมจะไปทำงานก็เพราะอยากหาเงินมาใช้หนี้พี่ แล้วพี่จะมาห้ามผมทำไม”
“พี่มีเหตุผลก็แล้วกัน เรื่องงานพี่จะหาให้ใหม่ ตอนนี้นายอยู่ที่ไหน”
“ทำไมผมต้องบอก”
“นายไม่บอกก็ได้ พี่จะไปถามแม่กับยายของนายเองว่านายไปทำงานที่ไหน”
“พี่อย่าเอาสองคนนั้นมาขู่ผมเลย พี่ไม่รู้จักสักหน่อย”
“นายคิดว่าตอนที่พี่จ่ายเงินค่าเทอมให้นายพี่จะได้ขอดูข้อมูลของนายก่อนเหรอ”
“พี่พูดจริงเหรอ” ไทธัชตกใจเพราะไม่คิดว่าเขาจะรู้ข้อมูลของตนเอง
“จะโกหกนายทำไม บอกมาว่าอยู่ที่ไหนจะไปรับ”
“ไม่ต้องมารับหรอกพี่จะให้ไปหาที่ไหนผมไปเองได้”
“ได้แน่นะ ถ้าภายใน 45 นาทีนายไม่มาพี่จะไปหาแม่กับยายของนายที่บ้าน”
“ผมบอกว่าจะไปก็ต้องไปสิ พี่แชร์โลเคชั่นมาสิ”
พอวางสายจากอคิราห์แล้วไทธัชก็หน้าเปลี่ยนสี เขาไม่รู้จะเริ่มต้นบอกเพื่อนยังว่าวันนี้เขาคงไปทำงานไม่ได้แล้ว
“มีไรวะไท หน้ามึงเครียดมาก”
“กูมีธุระด่วน”
“แล้วเรื่องงานล่ะจะให้กูบอกพี่ว่าไง”
“บอกว่ากูขอโทษ กูไม่ทำแล้ว”
“มึงหมายความว่ายังไง”
“เจ้าหนี้กูโทรมา เขาบอกจะช่วยหางานให้”
“มึงหมายถึงพี่ชายไอคิวเหรอ”
“อือ กูไปก่อนนะ พอดีเขารีบ แล้วกูจะโทรหา อย่าลืมบอกพี่มึงนะว่ากูขอโทษ”
ไทธัชรีบวิ่งไปยังป้ายรถเมล์ เขาไม่อยากช้าสักวินาทีเพราะกลัวว่าชายคนนั้นจะทำอย่างที่พูดจริงๆ
ลงจากรถเมล์แล้วเดินต่ออีกนิดก็ถึงคอนโดมิเนียมหรูแห่งหนึ่ง ไทธัชไม่กล้าเดินเข้าไปเพราะกลัวจะถูกยามที่อยู่ด้านหน้าไล่ออกมา
เด็กหนุ่มโทรไปบอกอคิราห์ว่าตอนนี้เขามาถึงแล้วและรออยู่ด้านหน้าคอนโดแล้ว
“เข้ามานั่งรอด้านใน เดี๋ยวจะลงไปรับ” เพราะไทธัชไม่มีคีย์การ์ดเขาจึงขึ้นมาชั้นบนไม่ได้
ระหว่างรออีกคนลงมารับเด็กหนุ่มก็ใช้สายตาสำรวจไปทั่ว คอนโดแห่งนี้ราคาคงแพงเอาเรื่อง สังเกตจากคนที่เดินเข้าออกล้วนแต่งตัวดูดี ใช้แต่ของแบรนด์เนมกันทั้งนั้น มองคนอื่นแล้วก็ก้มมองตัวเอง กางเกงยีนสีซีดกับเสื้อยืดสีเทารองเท้าผ้าใบเก่า ๆ เทียบไม่ได้กับคนที่เดินผ่านไปผ่านมาเลยสักนิด แต่มันก็ไม่แปลกเพราะสถานที่แห่งนี้ไม่ใช่ที่ของเขา ถ้าคนพวกนี้ลองไปเดินในตลาดสิรับรองได้เลยว่าพวกเขาจะเป็นตัวประหลาดเพราะแต่งตัวดูดีเกินไป
คิดแบบนั้นแล้วก็ต้องยิ้ม เพราะไม่มีเหตุผลอะไรที่คนรวยๆ เหล่านี้จะไปเดินตลาดสดให้ชุดและรองเท้าแพงๆ ของพวกเขาต้องเปรอะเปื้อน
อคิราห์วางสายจากเด็กหนุ่มแล้วก็รีบลงมาหาที่ชั้นล่างของคอนโด
“สวัสดีครับ”
“มาเร็วดีนี่ยังไม่ถึง 45 นาทีเลยนะ” เขาหัวเราะ ส่วนอีกคนก็หน้าบึ้งเพราะรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกบังคับ
“พี่เรียกผมมาทำไม ผมกำลังจะไปเริ่มงานวันแรกเลยนะ”
“นายจะไปเป็นเด็กเสิร์ฟอย่างเดียวจริงเหรอ” เขาถามด้วยความสงสัยเพราะรู้ดีว่าบาร์ที่เด็กหนุ่มจะไปทำงานนั้นเป็นบาร์ลักษณะไหน
“จริงสิ พี่ถามอะไรแปลกๆ”
“ก่อนไปทำงานนายไม่เคยไปที่นั่นใช่ไหม”
“ใช่ ผมไม่เคยไปแต่พี่ชายเพื่อนผมเป็นบาร์เทนเดอร์อยู่ที่นั่น เขาไว้ใจได้”
“ขึ้นไปคุยกันบนห้องก่อน มีอะไรจะให้ดู”
“ผมไว้ใจพี่ได้เหรอครับ ถ้าพี่พาผมขึ้นไปบนห้องแล้วฆ่าหั่นศพผมขึ้นมาล่ะ”
“พี่ฆ่านายแล้วพี่จะได้อะไร”
“ไม่รู้สิ บางทีพี่อาจเป็นพวกฆาตกรโรคจิตก็ได้”
“จะมีฆาตกรที่ไหนหน้าตาดีแบบนี้ อย่าเรื่องมากตามขึ้นมาถ้าไม่อยากให้เรื่องมันยุ่งไปมากกว่านี้” ไทธัชเดินตามหลังเขาเข้าไปในลิฟต์อย่างงงๆ