4 ทำหน้าที่ของตัวเองก่อน
แล้วก็ถึงวันศุกร์ทุกคนต่างดีใจที่จะได้ปิดเทอม ไทธัชก็เหมือนกับคนอื่น แต่ไม่ใช่เพราะจะได้พักผ่อนอยู่บ้านหรือนอนเล่นเกมเหมือนเพื่อน ๆ แต่เพราะในช่วงปิดเทอมนี้เขาวางแผนแล้วว่าจะไปทำงานที่บาร์กับพี่ชายของแทนคุณ ซึ่งบอกว่าที่บาร์ยังต้องการเด็กเสิร์ฟอีกจำนวนมากและให้ไทธัชเข้าไปเริ่มงานได้ทันทีที่พร้อม
หลังออกจากห้องสอบไทธัชก็รีบไปคุยกับเพื่อนคนหนึ่งซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของอคินทร์
“มึงจะเอาที่อยู่ของไอ้คิวไปทำไมวะ” เด็กหนุ่มถามอย่างไม่เข้าใจเพราะอคินทร์นั้นเสียชีวิตไปนานนับเดือนแล้ว
“กูมีธุระจะคุยกับพี่ชายของมันนิดหน่อย”
“ถ้ามึงอยากคุยกับพี่ไอ้คิวกูว่ามึงไปหาเขาที่ทำงานดีกว่า พี่ไอ้คิวกับไอ้คิวไม่ได้อยู่บ้านเดียวกัน”
“แล้วเขาทำงานที่ไหน”
เด็กหนุ่มซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของอคินทร์บอกชื่อโรงพยาบาลของรัฐบาลแห่งหนึ่งให้กับไทธัช
“ขอบใจมาก” ไทธัชกล่าวขอบคุณ
เพราะสอบเสร็จแล้ว เพื่อน ๆ เลยชวนกันไปเลี้ยงฉลองที่ร้านหมูกระทะที่อยู่ข้างโรงเรียน แต่ไทธัชไม่ได้ไปกับเพื่อนคนอื่น ๆ เพราะเขามีเรื่องที่ต้องไปจัดการ
ระหว่างที่นั่งรอรถเมล์เด็กหนุ่มก็โทรศัพท์ไปบอกมารดาว่าเขาอาจจะกลับบ้านค่ำเพราะจะไปกินหมูกระทะกับเพื่อน เด็กหนุ่มรู้สึกผิดที่ต้องพูดโกหกแต่ก็คิดว่ามันคงดีกว่าบอกความจริง
ไทธัชมาถึงโรงพยาบาลที่พี่ชายของอคินทร์ทำงานอยู่ในเวลาห้าโมงเย็น เขาแจ้งประชาสัมพันธ์ว่าขอพบนายแพทย์อคิราห์
“ตอนนี้หมออยู่ในห้องผ่าตัดค่ะ”
“อีกนานไหมครับถึงจะออกมา”
“ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ แต่เพิ่งเริ่มผ่าตัดไปไม่ถึง 20 นาทีคิดว่าคงอีกนาน คุณมีธุระอะไรด่วนไหมคะ ถ้าด่วนมากฉันจะโทรไปหาเจ้าหน้าที่ในห้องผ่าตัด เขาจะแจ้งคุณหมอให้ค่ะ”
“ไม่ด่วนครับ เอาไว้ผมมาวันหลังก็ได้” เสียงนั้นฟังดูผิดหวังเล็กน้อย แม้อยากจะเจอมากแค่ไหนแต่ก็ไม่อยากรบกวนเวลางานของผู้มีพระคุณ
“จะทิ้งโน้ตไว้ก็ได้นะคะ ถ้าหมอออกมาฉันจะบอกให้” ประชาสัมพันธ์สาวรู้สึกเห็นใจเพราะดูแล้วเด็กหนุ่มคนนี้ตั้งใจมาพบนายแพทย์อคิราห์เป็นอย่างมาก
“ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณครับ”
วันรุ่งขึ้นไทธัชก็ออกจากบ้านตั้งแต่เช้า เพื่อไปดักรออคิราห์ที่ลานจอดรถของโรงพยาบาล
มีรถเข้ามาจอดหลายคันแล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของคนที่ตั้งใจมาหา เด็กหนุ่มเพิ่งจะนึกออกว่าวันนี้เป็นวันเสาร์ เขาไม่รู้ว่าหมอของโรงพยาบาลรัฐบาลจะเข้ามาทำงานวันเสาร์ด้วยหรือเปล่า
ในขณะที่กำลังจะหันหลังกลับ ก็ได้ยินเสียงเหมือนคนเรียก ไทธัชรีบหันกลับไปตามเสียง คนที่เรียกคือคนที่เขากำลังอยากเจออยู่พอดี
“สวัสดีครับ” เด็กหนุ่มยกมือไหว้คนที่อายุมากกว่า
“อือ คราวหลังไม่ต้องไหว้ พี่ยังไม่แก่”
“ผมมาขอบคุณที่พี่ช่วยจ่ายค่าเทอมให้แล้วก็อยากคุยด้วยเรื่องจะขอผ่อนเงินคืนให้พี่”
“เอาไงดีล่ะ วันนี้พี่ต้องรีบไปดูคนไข้”
“ผมรอได้ ยังไงผมก็ว่างทั้งวันอยู่แล้ว”
“แต่พี่ไม่รู้ว่าจะเสร็จตอนไหน และไม่อยากกังวลว่ามีคนรออยู่ เอางี้นะนายทิ้งเบอร์โทรให้พี่ละกัน เดี๋ยวพี่ว่างตอนไหนจะโทรหาเองดีไหม”
อคิราห์ยื่นโทรศัพท์ให้กับเด็กหนุ่มตรงหน้า
“พี่ต้องโทรหาผมจริงๆนะ” ขณะกดเบอร์ของตัวเองลงไปในโทรศัพท์ของคุณหมอหนุ่มไทธัชก็พูดไปด้วย เขาไม่อยากรับเงินของใครมาฟรี ๆ จึงอยากคุยกับพี่ชายของเพื่อนคนนี้ให้รู้เรื่อง
“อือ แล้วนี่นายมายังไง”
“นั่งรถเมล์มาครับ”
“กลับดี ๆ ละ พี่ไปก่อนนะ”
“ครับ” ไทธัชมองตามหลังของชายหนุ่มไปพอเห็นเขาเดินหายเข้าไปในตึกแล้วตัวเองก็เดินออกมาจากโรงพยาบาลเพื่อรอรถเมล์สายเดิมนั่งกลับไปยังบ้านของตัวเอง
เด็กหนุ่มวัย 18 ปีกลับมาถึงบ้านเกือบจะ 10 โมงเช้า มารดาและยายยังไม่กลับมาจากขายของตลาด เขาจึงเดินเข้าครัวจากนั้นก็เริ่มลงมือทำความสะอาดอุปกรณ์ทำครัวอย่างที่เคยทำเป็นประจำ
มารดาและยายของไทธัชมีอาชีพเป็นแม่ค้าขายข้าวแกง ในทุก ๆ เช้าท่านทั้งสองจะตื่นนอนตั้งแต่ตี 4 เพื่อทำกับข้าวไปขายที่ตลาด บางวันที่ตรงกับวันพระยายของเขาก็จะทำขนมหวานไปวางขายด้วย ถึงแม้จะมีรายได้มามากแต่ก็พออยู่ได้โดยไม่ลำบาก
พอขายของเสร็จทั้งสองคนก็จะซื้อของสดที่สำหรับทำกับข้าวในวันรุ่งขึ้นกลับมาด้วย เพื่อจะได้ไม่เสียเวลาออกไปซื้ออีกครั้ง นอกจากข้าวแกงแล้ว มารดาของเด็กหนุ่มยังทำขนมไปส่งตามร้านกาแฟอีกด้วย
สำหรับไทธัชนั้นมีหน้าที่ช่วยเตรียมวัตถุดิบเพื่อให้มารดากับยายเป็นคนปรุงอีกที
ขณะที่ล้างกระทะใบสุดท้ายเสร็จ เสียงรถกระบะคันเก่าก็มาจอดที่หน้าบ้านพอดี เด็กหนุ่มรีบเดินออกไปช่วยทั้งสองขนของลงจากรถอย่างรู้งาน
“อ้าวไท ไหนว่าจะออกไปข้างนอกไงลูก” ยายมาลัยถามหลานชาย
“ไปแล้วครับยาย แต่เพื่อนมันไม่ว่างผมเลยกลับมาก่อน เดี๋ยวค่อยนัดกันอีกทีครับ”
“ไทอยู่บ้านก็ดีแล้วลูก บ่ายนี้แม่มีออเดอร์คุกกี้มาเยอะเลย”
“เจ้าใหม่เหรอครับแม่” เพราะปกติแล้วเจ้าเดิมจะมีกำหนดส่งขนมทุกวันพุธ แต่นี่เพิ่งจะวันเสาร์ไทธัชจึงอดที่จะถามไม่ได้
“ใช่จ้ะ มีร้านกาแฟเปิดใหม่เขากำลังอยากได้ขนมไปลงที่ร้านแม่ก็เลยลองเสนอไป”
“แม่ต้องเหนื่อยเพิ่มขึ้นอีกแล้ว แต่ไม่เป็นไรครับ ผมปิดเทอมพอดีจะได้ช่วยแม่กับยายได้อย่างเต็มที่”
“ช่วยแม่กับยายก็ดีอยู่หรอก แต่ไทก็ต้องแบ่งเวลาอ่านหนังสือบ้างนะลูก หน้าที่ของไทตอนนี้คือต้องตั้งใจเรียน เรื่องหาเงินแม่กับยายจะช่วยกันเอง”
“ไม่เป็นไรครับแม่ ช่วยแม่ทำขนมก็เท่ากับได้ผ่อนคลาย”
“หลานยายคนนี้มันน่ารักจริง”
“แม่ครับ ยายครับ ช่วงเย็นๆ ผมอาจต้องไปติวหนังสือที่บ้านเพื่อนนะครับ อาจจะกลับดึกหรือบางครั้งก็อาจจะค้างที่นั่นเลย”
“อย่างนั้นเหรอลูก แล้วไปติวที่บ้านใครล่ะ”
“ไอ้แทนครับแม่”
“อ๋อ” มัทนาได้ยินอย่างนั้นก็เบาใจเพราะเธอเคยเจอเพื่อนของลูกชายคนนี้อยู่ก็หลายครั้ง ดูท่าทางแล้วไม่ใช่เด็กเกเรให้เธอต้องเป็นกังวล
“ยายภูมิใจนะที่หลานรักของยายเป็นเด็กดี ช่วยยายกับแม่ทำงานที่บ้านและยังขยันเรียนอีก”
คำพูดของยายทำให้เขารู้สึกผิดขึ้นมาทันที ถ้าท่านรู้เรื่องที่เขาทำทั้งสองคงเสียใจและผิดหวังมาก
ไทธัชช่วยมารดาทำขนมไปด้วย ในขณะที่หูก็คอยฟังว่าเมื่อไหร่โทรศัพท์ของตัวเองจะมีคนโทรเข้า เขารอจนกระทั่งบ่ายก็ไม่มีการติดต่อมาจากผู้ชายที่ชื่ออคิราห์เลยสักครั้ง
ครั้นจะเป็นฝ่ายโทรไปหาก็กลัวว่าจะรบกวนเวลาทำงานของคุณหมอหนุ่ม สุดท้ายแล้วไทธัชก็เลิกคิดที่จะให้เขาโทรมา
ในเมื่อรู้แล้วว่าเขาทำงานที่ไหนการไปดักรอเขาก็คงเป็นทางออกที่ดีที่สุด แล้วครั้งนี้เขาจะต้องคุยกับผู้ชายคนนั้นให้รู้เรื่อง
“ไท เย็นนี้จะออกไปติวกับเพื่อนกี่โมง ให้แม่ไปส่งไหม แม่ต้องเอาขนมไปส่งอยู่แล้วจะได้ไปพร้อมกันเลย”
“มันคนละทางกันครับแม่ ผมว่านั่งรถเมล์ไปดีกว่า”
“แล้วจะกลับยังไง ถ้ามันดึกมากให้แม่ไปรับก็ได้นะลูก”
“คืนนี้ผมว่าจะค้างกับไอ้แทนเลยครับแม่ สาย ๆ จะกลับมานะครับ”
“งั้นก็ตามใจ อ้อ แล้วเอาขนมไปฝากแทนด้วยนะ แม่เตรียมไว้แล้ว”
“แม่ครับ ขอ 2 ถุงได้ไหม”
“แม่เตรียมไว้ 3 ถุงจ้ะ เผื่อหิวตอนติวจะได้แบ่งกันกินนะลูก”
“ขอบคุณครับแม่”
“อย่าลืมกินข้าวก่อนไปนะไท แม่เตรียมกับข้าวไว้แล้ว”
“ครับแม่”