บท
ตั้งค่า

2 โล่งอกไปที

เด็กหนุ่มคิดตามที่เขาพูด จากนั้นก็เล่าถึงปัญหาที่ตัวเองกำลังเจออยู่ให้กับชายแปลกหน้าฟัง

เริ่มตั้งแต่เขารู้จักคนกลุ่มหนึ่งในเฟซบุ๊ค จากนั้นก็ถูกชักชวนให้ลงทุนเป็นเงินจำนวน 1,000 บาท พอครบหนึ่งสัปดาห์เขาก็ได้รับเงินคืนมา 1,300บาท พอสัปดาห์ที่สองเขาทำแบบเดิมอีก จากเงิน 1,000 กลายเป็นเงิน 1,300 บาท ทำแบบนั้นอยู่สองสัปดาห์เขากำไรถึง 600 บาท โดยที่ไม่ต้องทำอะไรเลย แต่พอเขาจะลงทุนเพิ่มสัปดาห์ที่สาม ทางกลุ่มก็ให้เขาเพิ่มจำนวนเงินเป็น 2,000 บาท เขาก็ทำตามเพราะคิดว่ายังไงก็ต้องได้เงินคืน และพอครบสัปดาห์ ครั้งนี้เขาได้เงินถึง 3,000 บาท กำไรถึง 1,000 บาท

เพราะเงินมันมากขึ้นเขาจึงเกิดความโลภ ครั้งสุดท้ายเขาจึงเอาเงินค่าเทอมและเงินค่าเช่าแผงขายของในตลาดไปลงทุนเป็นเงินถึง 20,000 บาท ทางกลุ่มบอกว่าถ้าครบสัปดาห์จะได้เงินคืนทั้งหมด 35,000 บาท แต่พอครบกำหนดฝ่ายนั้นกลับไม่ยอมคืนเงินให้ พอจะแจ้งความก็โดนขู่ว่าจะมาทำร้ายมารดากับยาย สุดท้ายเขาก็ถูกพวกนั้นบล็อกทุกช่องทางการติดต่อ

“นายก็เลยคิดจะฆ่าตัวตายใช่ไหม” คนอายุมากกว่าถามเด็กหนุ่ม

“พี่ก็ได้ยินหมดแล้วนี่จะถามทำไมอีกล่ะ”

“ถ้านายตายเพราะอุบัติเหตุแม่กับยายก็จะได้เงินประกันชีวิต”

“ครับ”

“แล้วนายคิดว่าแม่กับยายจะดีใจเหรอ นายคิดว่ามันเป็นทางออกเดียวของนายจริง ๆ เหรอ”

“อือ ผมไม่รู้จะเอาเงินที่ไหนมาจ่ายทั้งค่าเทอมกับค่าแผงที่ตลาด วันนี้เป็นสอบวันแรกผมก็ไม่รู้ว่าครูจะให้เข้าห้องสอบไหม”

“นายถามครูแล้วเหรอ”

“ไม่ได้ถามแต่ผมเคยได้ยิน ถ้าใครไม่จ่ายค่าเทอมจะไม่ได้เข้าสอบปลายภาค”

“นายคิดเองทั้งนั้น”

“ช่างเถอะ ยังไงผมก็ตั้งใจไว้แล้ว”

“พี่ขอพูดในฐานะคนที่เคยเสียน้องชายไปนะ คนที่ตายไปคงไม่ได้รู้สึกอะไรอีกแล้ว แต่คนที่ยังอยู่นี่สิ จะทนอยู่กับความเสียใจนั้นได้ยังไง นายลองคิดดูนะ แม่กับยายจะเสียใจมากแค่ไหน พวกเขาจะผ่านช่วงเวลาที่เลวร้ายไปได้ยังไงในเมื่อคนที่พวกเขารักไม่อยู่บนโลกใบนี้แล้ว”

“แล้วพี่จะให้ผมทำยังไง เงินมากขนาดนั้นผมจะไปหามาจากไหน”

“นายลองขอยืมใครหรือยัง เคยยื่นเรื่องขอผ่อนผันค่าเรียนหรือยัง ลองไปถามเจ๊ที่นายค้างค่าเช่าแผงหรือยังว่าเขาให้นายผ่อนชำระได้ไหม”

เด็กหนุ่มเงียบ

“นายอยู่ห้องอะไร”

“6/3”

“อือ พี่เป็นพี่ชายของคิว”

“ผมเสียใจด้วยเรื่องคิว”

“ขนาดเพื่อนตายนายยังเสียใจแล้วนายลองคิดดูสิถ้านายตายแม่กับยายนายจะเป็นยังไง”

“ผมคิดน้อยไปหน่อยใช่ไหม” เขาหันมาถาม

“แล้วตอนนี้จะเอายังไงต่อ”

“ผมว่าจะลองไปคุยกับครูที่ห้องธุรการ ส่วนเรื่องเจ๊จิตก็จะลองไปคุยดูก่อน ถ้าไม่ได้จริง ๆ ก็คงหายืมคนอื่น”

“แล้วก็อย่าไปยืมพวกเงินกู้นอกระบบ”

“ผมรู้หรอกน่า”

“ขอบคุณนะครับพี่ ว่าแต่พี่ชื่ออะไร”

“อคิราห์”

“ที่แปลว่าพระอาทิตย์เหรอครับ ชื่อเท่ดีนะครับ”

“แล้วนายล่ะ”

“ไทธัชครับ ผมชื่อไทธัช” เด็กหนุ่มตะโกนกลับมาขณะที่วิ่งไปยังห้องธุรการที่อยู่ชั้นล่าง

อคิราห์ถือลังกระดาษลงมาจากอาคารเรียน เขาเอาไปใส่หลังรถของตัวเอง จากนั้นเดินกลับมามายังห้องธุรการอีกครั้งเพื่อคืนกุญแจล็อกเกอร์ หลังจากคืนกุญแจแล้วก็มองไปรอบๆห้องก็ไม่เห็นแม้เงาของเด็กหนุ่มที่ชื่อไทธัช ชายหนุ่มเดาว่าเขาคงคุยกับอาจารย์เรียบร้อยแล้ว

“คุณมองหาอะไรอยู่หรือเปล่าคะ” อาจารย์หญิงวัยกลางคนถามเมื่อเห็นว่าเขาเอาแต่มองไปรอบๆ ห้องและไม่กลับออกไปสักที ทั้งที่ทำธุระของตัวเองเสร็จแล้ว

“อาจารย์ครับ ผมมีเรื่องรบกวนจะถามอาจารย์สักหน่อยได้ไหมครับ”

“ถามได้เลยค่ะ ฉันยินดีจะตอบ” เธอเห็นใจชายคนนี้ที่เพิ่งเสียน้องชายไปเมื่อเดือนก่อน มีอะไรที่พอจะช่วยหรือไขข้อข้องใจได้เธอก็ยินดีจะช่วย

“ก่อนหน้าที่ผมจะเข้ามา มีเด็กนักเรียนมาขอผ่อนผันค่าเทอมไหมครับ”

“อ้อ คุณคงหมายถึงไทธัช”

“ครับคนนั้นแหละครับ แล้วทางโรงเรียนยอมให้เขาผ่อนผันไหมครับ”

“ค่ะ เรายินดีให้ผ่อนผันอยู่แล้วล่ะคะ ไทธัชเป็นเด็กเรียนดีไม่เคยมีปัญหาจ่ายเงินค่าเทอมล่าช้ามาก่อน แต่เขาโชคร้ายไปหน่อยเพราะวันนี้ผู้อำนวยการไม่อยู่ค่ะ เลยไม่มีคนเซ็นอนุมัติ”

“หมายความว่าวันนี้เขาจะไม่ได้สอบเหรอครับ”

“ค่ะ เขาจะไม่ได้สอบพร้อมเพื่อน แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ พรุ่งนี้ท่านก็กลับมาแล้ว เขาก็แค่ต้องตามสอบทีหลังเท่านั้นเองค่ะ”

อคิราห์เข้าใจระบบของโรงเรียนดีว่าทุกอย่างต้องทำตามขั้นตอนที่ถูกต้อง แต่เขาเป็นห่วงความรู้สึกของเด็กคนนั้น เพราะการมาตามสอบทีหลังเพื่อนมันดูไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ ไม่รู้เพราะอะไรอคิราห์ถึงเป็นห่วงความรู้สึกของเด็กคนนั้น บางทีอาจเพราะเขาคิดถึงน้องชายของตัวเองก็เป็นได้

“ถ้าผมจะชำระค่าเทอมให้เด็กคนนั้น เขาจะได้เข้าสอบพร้อมเพื่อนใช่ไหมครับ”

“ค่ะ คุณจะทำอย่างนั้นเหรอคะ”

“ครับ ผมคิดว่าอยากช่วยเด็กคนนั้น”

“ช่วยชำระค่าเทอมเหรอคะ”

“ครับ ค่าเทอมของเทอมนี้และเทอมหน้า”

“ฉันต้องขอบคุณแทนไทธัชด้วย คุณรู้จักเขาเหรอคะ”

“ครับเรารู้จักกัน”

จากนั้นอคิราห์ก็ชำระค่าเทอมให้ไทธัชทั้งของเทอมนี้และของเทอมหน้า เงินจำนวนนี้ไม่ได้ทำให้เขาลำบากเพราะเป็นเงินที่เตรียมไว้ให้กับอคินทร์อยู่แล้ว ถ้าน้องชายเขารู้ว่าพี่ชายเอาเงินมาจำนวนนั้นมาช่วยคนอื่น คนจิตใจดีอย่างอคินทร์ก็คงดีใจไม่ได้น้อย

พอจัดการทุกอย่างเรียบร้อยชายหนุ่มก็กลับไปยังรถของตัวเอง

เด็กๆ ต่างทยอยกันเดินขึ้นห้องสอบ แต่เขายังไม่เห็นไทธัชเดินกลับมา อคิราห์เริ่มเป็นกังวลเพราะเมื่อครู่อาจารย์คนนั้นบอกว่าไทธัชจะได้เขาห้องสอบพร้อมเพื่อน

เขากำลังจะลงไปถามเรื่องนี้ แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงประกาศ

“นายไทธัช อุดมวิทย์นักเรียนชั้น ม.6/3 กรุณามาเข้าห้องสอบด้วยค่ะ”

เสียงประกาศของโรงเรียนดังขึ้นซ้ำกันถึงสามครั้ง แล้วคนที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยรถคันหรูก็ยิ้มออกเมื่อเห็นเด็กหนุ่มคนที่เขาให้ความช่วยเหลือวิ่งกลับมายังอาคารเรียนหลังเดิม อคิราห์รู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก เขาไม่อยากให้ใครต้องมาจบชีวิตลงเพียงเพราะเรื่องเงินเพียงไม่เท่าไหร่ เพราะมันเทียบไม่ได้เลยกับชีวิตที่เสียไป

อคิราห์เข้าใจถึงความสูญเสียและความเศร้าของคนที่ยังมีชีวิตอยู่ได้เป็นอย่างดี เพราะเอาเองเพิ่งจะผ่านเรื่องนี้มาอย่างยากลำบาก นานนับเดือนกว่าเขาจะยอมรับว่าน้องชายได้จากเขาไปอย่างไม่มีวันกลับแล้ว ถ้าหากวันนี้เข้าไม่มาเก็บของ ไม่มาเจอกับไทธัชชายหนุ่มก็ไม่มีทางรู้ได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตเด็กหนุ่มมัธยมปลาย ไทธัชจะจบลงก่อนวัยอันควรเหมือนกับน้องชายของคนเองหรือเปล่า

พอคิดว่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้วเขาก็ขับรถออกจากโรงเรียนเพื่อกลับไปทำหน้าที่ของตัวเองด้วยความรู้สึกดี ที่วันนี้ได้ช่วยเหลือเด็กหนุ่มคนหนึ่งให้ผ่านช่วงเวลาทุกข์ใจไปได้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel