บท
ตั้งค่า

10 มันอึดอัดนะพี่

ไทธัชมาทำงานที่ร้านกาแฟได้ครบสัปดาห์แล้วโดยทางบ้านรู้แค่เพียงว่าเขาออกมาอ่านหนังสือเท่านั้น เรื่องนี้กวนใจเด็กหนุ่มอยู่มากเขาไม่อยากโกหกต่อไปอีกแล้ว

เมื่อตัดสินใจที่จะบอกความจริงเด็กหนุ่มก็มองหาตัวช่วยเพราะกลัวว่าท่านทั้งสองจะไม่เชื่อว่าตอนนี้เขากำลังแก้ปัญหานั้นอยู่

ไทธัชก็นึกถึงอคิราห์เพราะเขาน่าจะเป็นตัวช่วยที่ดีที่สุดสำหรับเรื่องนี้ ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงส่งข้อความถามว่าเขาพอจะว่างคุยเรื่องนี้ไหม เมื่อเห็นข้อความตอบกลับจากคุณหมอหนุ่มเขาก็เลยมารอที่หน้าโรงพยาบาล

“สวัสดีครับพี่ซัน” ไทธัชทักทายพร้อมกับส่งยิ้มอย่างประจบ

“มีอะไร” อคิราห์รู้สึกหวั่นไหวกับรอยยิ้มและท่าทางของเด็กหนุ่ม เจ้าตัวคงไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้นมันน่ารักแค่ไหนในสายตาของหมอหนุ่มอย่างเขา

“ผมมีเรื่องจะปรึกษาครับ พี่ต้องไปทำงานต่อไหม”

“พี่เลิกงานแล้ว ไปหาอะไรกินก่อนคุยได้ไหม หิวมากเลย”

“ได้ครับ”

เด็กหนุ่มเดินตามเขาไปยังรถคันหรูที่จอดอยู่ในที่จอดประจำ

“เหนื่อยมากไหมครับ” เห็นท่าทางของเขาแล้วไทธัชก็รู้สึกเกรงใจ ไม่อยากจะรบกวนเขา

“อือ ก็เหนื่อยอย่างนี้ทุกวัน พี่ชินแล้วล่ะ แล้วนายมีอะไรจะคุยว่ามาเลยรถคงติดอีกนาน”

ไทธัชบอกอคิราห์ว่าเขาจะบอกความจริงกับมารดาและยายเพราะไม่อยากโกหกท่านทั้งสองอีกต่อไปแล้ว

“ไม่กลัวท่านเสียใจเหรอ”

“กลัวสิครับ แต่ถ้าไม่บอกผมก็อึดอัด มันไม่มีความสุขเลยที่ต้องโกหกคนที่เรารักนะครับ”

“แล้วจะให้พี่ช่วยอะไรล่ะ”

“ผมอยากให้พี่อยู่ด้วยตอนที่ผมบอกแม่กับยาย”

“ทำไม กลัวโดนตีเหรอ”

“สมัยนี้ใครเขาตีกันล่ะครับ ผมแค่กลัวแม่กับยายจะโกรธจนไม่ยอมคุยด้วย ผมอยากให้พี่ช่วยพูดเพราะอย่างน้อยพี่ก็เป็นคนช่วยผมขึ้นมาจากความคิดที่จมดิ่งในวันนั้น”

“ถ้านายคิดดีแล้ว เราก็ไปกันวันนี้เลยไหมล่ะ”

“ก็ได้ครับ พี่ซันไปกินข้าวที่บ้านเลยไหม แต่กับข้าวบ้านเรามันไม่ค่อยหรูนะครับ พี่กินได้ไหม หรือจะหาอะไรกินก่อนไปก็ได้นะครับ”

“พี่เป็นคนกินง่ายขอแค่สะอาดก็กินได้หมดนั่นแหละ”

“แล้วชอบกินอะไรเป็นพิเศษไหมครับ กินเผ็ดได้หรือเปล่า”

“พอได้แต่ต้องไม่เผ็ดมาก”

ใช้เวลาเกือบชั่วโมงกว่าทั้งสองคนจะฝ่ารถติดมาถึงบ้านหลังเล็กของไทธัชซึ่งปกติแล้วระยะทางแค่นี้ขับรถอย่างมากก็ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง

“แม่ครับ ยายครับ” เขาเปิดประตูรั้วเข้ามาโดยมีผู้ชายตัวสูงเดินตามหลัง

“ไท กลับเย็นเชียวลูก อ้าวแล้วนั่นมาใครมาด้วย” ยายมาลัยมองผู้ชายที่เดินตามหลังหลานรักเข้ามาก็ถามขึ้น

“สวัสดีครับคุณยาย” ชายหนุ่มยกมือไหว้ทักทายผู้อาวุโสอย่างนอบน้อม

“ไห้วพระเถอะลูก แล้วไปยังไงมายังไงล่ะ มาเข้าบ้านก่อน แม่เขาอยู่ในบ้านน่ะ”

“แม่ครับ ยายครับนี้พี่ชายเพื่อนที่ไทเล่าให้ฟังวันก่อนครับ”

“สวัสดีครับ ผมชื่อซันครับ”

“มา มา นั่งก่อน กินข้าวมาหรือยังล่ะคุณ”

“เรียกผมซันก็ได้ครับแม่” เขาเรียกเธอว่าแม่อยากที่เด็กหนุ่มเรียก

“จ้ะ มากินข้าวด้วยกันนะซัน ไทตักข้าวให้พี่เขาสิ” มัทนารีบบอกลูกชาย

“พอกินได้ไหมล่ะ พ่อหนุ่มกับข้าวบ้านยายก็แบบนี้แหละง่าย ๆ”

“ได้ครับยาย ไข่พะโล้ของโปรดผมเลย”

“งั้นก็ต้องกินเยอะ ๆ นะ ไม่ต้องกลัวหมดเพราะยายทำไว้เยอะของโปรดเจ้าไทเขา” ยายมาลัยหันมาบอก

“งั้นผมไม่เกรงใจแล้วนะครับ” อคิราห์เห็นกับข้าวบนโต๊ะแล้วเขาก็ไม่อยากเสียเวลาคุยแม้แต่น้อย ทั้งไข่พะโล้ ผัดโป๊ยเซียน แกงจืดลูกรอก นั่นมันของโปรดเขาทั้งนั้น ชายหนุ่มทานข้าวไปถึงสองจากกว่าจะอิ่ม

“อร่อยไหมพี่ซัน” ไทธัชถามผู้ชายที่ตัวโตที่สุดในบ้านหลังจากที่เขารวบช้อนและส้อมไว้บนจาน

“จะถามให้อายใช่ไหม”

“ใครจะคิดอย่างนั้นกันล่ะครับ พี่บอกเองว่าหิวข้าว ผมก็ไม่รู้ว่าที่กินเยอะเพราะหิวหรือเพราะอร่อย”

“กับข้าวบ้านนี้อร่อยทุกอย่างเลยครับ”

“ถ้าชอบก็แวะมากินบ่อย ๆ นะ หรือจะเอากลับไปกินที่บ้านก็ได้นะ”

“ไม่ต้องถึงกับเอาไปกินที่บ้านหรอกครับยาย เพราะผมอยู่คนเดียวไม่ค่อยมีเวลากินข้าวเท่าไหร่ ถ้าวันไหนว่างผมค่อยมาฝากท้องที่นี่ดีกว่าครับ”

“งั้นก็ตามใจ ถ้าจะมาก็บอกยายก่อนนะจะได้ทำกับข้าวเผื่อ แล้วชอบกินอะไรก็บอกยายเลยเดี๋ยวยายทำให้” ยายมาลัยรู้สึกถูกชะตากับผู้ชายคนนี้เป็นอย่างมาก

“ยายครับ พี่ซันเขาเป็นหมอคงไม่มีเวลามากินข้าวกับเราบ่อยหรอกครับ”

“เป็นหมอหรอกเหรอ ยายดูไม่ออกเลยนึกว่าเป็นนายแบบ หน้าตาหล่อเชียว”

“ยายก็ชมผมเกินไปแล้วครับ”

พอทุกคนอิ่มแล้วก็ย้ายไปคุยกันต่อที่ห้องรับแขก ขณะที่ไทธัชกำลังล้างจานอยู่ในครัว มือก็ล้างไปตามอัตโนมัติแต่ในสมองกำลังเรียบเรียงคำพูด เพราะไม่รู้จะเริ่มต้นพูดยังไงให้คนฟังตกใจน้อยที่สุด

ไทธัชเดินกลับเขามาที่ห้องรับแขกขณะที่ทั้งสามคนกำลังดูข่าวเกี่ยวกับเด็กฆ่าตัวตายเพราะถูกโกงเงิน

“น่าสงสารพ่อกับแม่เขานะ เลี้ยงลูกมาจนโต ยังไม่ทันได้ชื่นชมความสำเร็จก็มาจากไปก่อนวัยแบบนี้” มาลัยเห็นข่าวแล้วก็รู้สึกเศร้า ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นกับเธอเองก็คงจะแทบเป็นบ้า เธอหันมามองลูกชายก่อนที่จะพูดต่อ

“ไท ถ้าลูกมีปัญหา อย่างเก็บไว้คนเดียวนะลูก ต้องบอกแม่ บอกยาย เราจะได้ช่วยกันหาทางแก้ปัญญา”

“แม่ครับ ยายครับผมขอโทษ” อยู่เด็กหนุ่มก็ร้องไห้ ทำเอาคนเป็นมารดาและยายทำตัวไม่ถูกเลยทีเดียว

“ไทเป็นอะไรลูกค่อย ๆ พูด เป็นอะไร ไหนบอกแม่กับยายมาสิลูก อย่าเอาแต่ร้องไห้แบบนี้”

แล้วคนที่ต้องเล่าเรื่องราวทั้งหมดก็กลายเป็นอคิราห์เพราะเขาไม่อยากให้มารดาและยายของเด็กหนุ่มต้องร้อนใจไปมากกว่านี้

“ตายจริง แล้วไทติดหนี้คุณหมออยู่เท่าไหร่ แม่จะใช้ให้” มัทนาก็พอมีเงินเก็บอยู่บ้าง เธอจึงอยากชดใช้เงินทั้งหมดให้กับชายหนุ่ม

“ที่ผมเล่าให้ฟังไม่ใช่เพราะอยากได้เงินคืนครับ แต่เพราะไทบอกว่าไม่สบายใจ อยากบอกความจริงกับแม่และยาย เรื่องเงินผมไม่คิดจะเอาคืนอยู่แล้ว แต่ไทเขาไม่ยอม เลยอยากทำงานเพื่อผ่อนจ่าย ผมห้ามแล้วแต่ก็ยังอยากทำ ผมก็เลยต้องปล่อยไปตามนั้น ที่ผมช่วยเพราะอยากช่วยครับ ผมเสียน้องชายไปแล้วไม่อยากให้ใครต้องมาเสียคนในครอบครัวไปเหมือนผมอีก”

“เรื่องน้องชายแม่ก็พอรู้มาบ้างเสียใจด้วยนะคะ อุบัติเหตุบางครั้งมันก็มาไม่ทันตั้งตัว”

“น้องชายผมไม่ได้เสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุหรอกครับ เขาฆ่าตัวตาย” เสียงที่เล่าฟังดูเศร้าจนคนฟังรู้สึกสงสารและเห็นใจ

“แม่ขอโทษ แม่ไม่รู้เลย”

“เรื่องนี้เราไม่ได้บอกคนอื่นครับ”

“คุณหมอถึงตัดสินใจช่วยหลานชายของยายใช่ไหม”

“ครับ ผมรู้ว่าเด็กคนหนึ่งยังต้องมีอนาคตอีกยาวไกล ไม่อยากให้จบชีวิตเพียงเพราะปัญหาเล็กซึ่งผมพอจะช่วยได้”

“ยายขอบใจมาก ๆ นะลูก ถ้าวันนั้นไม่ได้หมอซัน ป่านนี้ยายกับแม่จะเป็นยังไงก็ไม่รู้”

“ไท สัญญากับแม่และยายนะว่าจะไม่ทำแบบนั้นอีก”

“ผมสัญญาครับ จากนี้เวลามีปัญหาผมจะบอกแม่และยายก่อนเลย”

“ถูกแล้ว มีอะไรก็ต้องบอกกัน แม่และยายอาจช่วยไม่ได้ทุกเรื่องแต่ก็ยังดีว่าเก็บปัญหาไว้คนเดียว”

“แสดงว่าที่ออกไปทุกวันคือไปทำงาน แล้วจะเอาเวลาไหนอ่านหนังสือ ไทจะเข้ามหาลัยแล้วนะลูก”

“แม่ครับผมชอบทำงานมันสนุกดี ผมคิดว่าแบ่งเวลาได้”

“ให้พี่ช่วยติวไหม”

“อย่าเลยครับ พี่ซันงานยุ่งจะตาย”

“แต่พี่ก็ไม่ได้ทำงานตลอด 24 ชั่วโมงสักหน่อย เลิกงานแล้วก็ไปอ่านที่คอนโดก็ได้ มีอะไรไม่เข้าใจก็ถาม ถ้าตอบได้ก็จะตอบ ถ้าตอบไม่ได้ก็จะช่วยหาหนังสือ อันที่จริงมีหนังสือ อีกเยอะเลยที่พี่ซื้อเตรียมไว้ให้คิว ร้านหนังสือส่งมาให้แล้ว มันยังอยู่ในกล่องอยู่เลย”

“แม่ไม่อยากให้ไทไปรบกวนหมอซันเลย แค่ทำงานก็เหนื่อยมากแล้ว”

“ไม่รบกวนหรอกครับ ผมเองก็ไม่ค่อยอยากอยู่ว่าง ๆ”

มาลัยเข้าใจว่าเพราะชายหนุ่มยังคงนึกถึงน้องชายและเห็นไทธัชเป็นตัวแทนของน้องชายที่เสียไปเธอจึงยอมตกลงที่จะให้ลูกชายไปติวกับเขา เพราะอย่างน้อยชายคนนี้ก็เป็นผู้มีพระคุณกับครอบครัวเธอ

“แม่ยอมให้ไทไปติวที่ห้องซันก็ได้ แต่ต้องตั้งใจจริง ๆ นะ อย่าทำให้พี่เขาเสียเวลาแล้วไม่ได้อะไรเลย”

“ครับแม่”

เมื่อได้ข้อสรุปที่น่าพอใจแล้วอคิราห์ก็ขอตัวกลับ โดยมีไทธัชเดินมาส่งที่รถ

“อะ คีย์การ์ดใช้ขึ้นลิฟต์และเปิดประตูห้อง เลิกงานแล้วก็ไปรอที่ห้องหรือจะไปรอที่โรงพยาบาลก็แล้วแต่”

“แล้วพี่จะเอาที่ไหนใช้”

“พี่มีอีกใบ”

“ขอบคุณครับ ถ้าไม่ได้พี่ ผมก็ไม่รู้จะเริ่มพูดยังไง”

“ถ้าทุกครั้งที่นายพูดคำว่าขอบคุณแล้วพี่เก็บเงิน ป่านนี้คงซื้อกาแฟได้หลายแก้วแล้ว”

“ต่อไปพี่ซันห้ามซื้อกาแฟอีก”

“อ้าว ไม่ให้ซื้อแล้วพี่จะทำงานยังไง ปกติพี่ก็ต้องกินทุกเช้า”

“ผมเลี้ยงเอง”

“จะบ้าเหรอเอาค่าแรงมาเลี้ยงพี่หมดแล้วนายจะทำงานไปเพื่ออะไร”

“ก็พี่บอกเองนี่ว่าเงินที่ผมติดหนี้จะใช่ตอนไหนก็ได้ เพราะงั้นผมทำงานแลกกับเอาเงินซื้อกาแฟเลี้ยงพี่ก็คงไม่ผิดอะไร”

“ตามใจนายละกัน ไปล่ะ รีบเข้าบ้านได้แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ไปทำงานไม่ทันจะมาโทษพี่อีก”

“ขับรถดี ๆ นะครับพี่ซัน ถึงแล้วไลน์บอกด้วยนะครับ”

“อือ ไปนะ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel