ตอนที่ : 07 แอบเห็น
เซญ่า Talk
ก๊อกๆๆ
“ใครคะ?” ฉันถามออกไปเพราะไม่รู้ว่าใครมาเคาะประตูห้องของฉัน ตอนนี้ก็เข้าช่วงหัวค่ำแล้ว ฉันกำลังเร่งรีบในการทำงานส่งอาจารย์เพราะไหนจะต้องไปทำงานข้างนอกอีก อะไรๆ มันก็เลยต้องเร่งรีบไปหมดเพื่อให้ทันเวลา
“พี่เอง” เสียงพี่โรวัน
ฉันเดินออกไปเปิดประตูก่อนจะพบเข้ากับเจ้าของเสียง พี่โรวันลูกน้องคนสนิทของคุณไทเลอร์เจ้านายของฉันนี่แหละ เราเองก็เป็นลูกน้องเหมือนกัน อยู่ในสถานะที่คล้ายๆ กัน เราสองคนเลยคุยกันรู้เรื่องมากกว่าฉันคุยกับเขา
“มีอะไรหรือเปล่าคะ?"
“คุณไทเลอร์อยากได้เอกสารที่เราเป็นหนี้น่ะ"
“เอกสารหนี้?” ฉันขมวดคิ้วใส่คนตรงหน้า เพราะไม่เข้าใจว่าพี่โรวันต้องการอะไร เอกสารที่ฉันเป็นหนี้น่ะเหรอ มันไม่มีเอกสารเป็นลายลักษณ์อักษรสักหน่อย เพราะครั้งล่าสุดนี่แม่ไปกู้ปากเปล่า ส่วนเอกสารก็อยู่ที่เจ้าหนี้ฉันไม่ได้เอามาถือเอง เพราะพวกนั้นก็ระวังตัวอยู่ใช่ย่อย
“อื้ม หนี้ของเราทั้งหมดน่ะ"
“มันไม่มีอะไรแล้วนะคะ หนี้ของหนูก็ไม่มีอะไรแล้วล่ะค่ะ ขอบคุณมากนะคะ” ฉันไม่รู้หรอกว่าเขารู้ได้ยังไงว่าฉันมีหนี้ แต่ฉันก็ไม่อยากเอาเรื่องของตัวเองไปให้ใครต้องมารับผิดชอบด้วย จะมากหรือน้อยมันก็เรื่องของฉัน จะให้คนอื่นเขามารับผิดชอบด้วยได้ยังไง
“เอาไปเถอะ เจ้านายอยากได้ ยังไงก็ไปคุยกับเขาเอาเอง”
“แต่ว่าฉันไม่อยากให้เขาต้องมาเดือดร้อนด้วย”
“ไม่หรอก”
“คนพวกนั้นมันมีอิทธิพลกับพวกตำรวจมาก ฉันกลัวเจ้านายของพี่จะต้องเดือดร้อน แล้วก็ถูก...ทำร้ายเหมือนที่ฉันเคยเจอ”
“เคยโดนทำร้ายด้วยเหรอ?"
“ก็มีบ้างค่ะ แต่มันไม่ได้มาก”
“…..”
“ว่าแต่เจ้านายของพี่ไปรู้มาจากไหนเหรอ?” เรื่องนี้ฉันไม่เคยพูดให้ใครฟังเลย นอกจากเพื่อนๆ ของฉันก็ไม่มีใครรู้เรื่องนี้เลย ไม่คิดว่าเขาจะให้คนของเขาสืบเรื่องของฉันแบบนี้
“รู้ก็แล้วกันน่า"
“โอเค ถ้างั้นเดี๋ยวฉันขึ้นไปคุยกับเขาเองล่ะกัน ขอบคุณพี่โรวันมากๆ นะคะ"
“อื้ม..."
“.....” ในเมื่อฉันไม่ได้มีเอกสารที่บอกว่าฉันเป็นหนี้ ฉันก็ต้องขึ้นไปบอกกับเขา และจะขอชดใช้เอาเองโดยที่ไม่รบกวนเขา
ต่อให้เราจะพบกันในสถานะที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เราสองคนไม่ค่อยถูกกันเพราะสิ่งที่ฉันทำ แต่ฉันก็ให้เขามาเดือดร้อนกับสิ่งที่ครอบครัวของฉันก่อขึ้นไม่ได้หรอก ฉันจะต้องรับผิดชอบเอง ส่วนเขาก็แค่คนนอกครอบครัว
ผ่านไปสักพัก...
ฉันรีบเดินขึ้นไปด้านบน เพราะต้องรีบไปทำงานด้วยเลยต้องรีบขึ้นไป หลังจากที่ทำงานของตัวเองจนเสร็จแล้ว
ก๊อกๆๆๆ
“คุณคะ คุณไทเลอร์ คุณอยู่ในห้องไหมคะ?” ฉันเคาะประตูเรียกคนด้านใน แต่มันกลับเงียบเหมือนกับว่าเขาไม่ได้อยู่ในห้อง แต่ฉันก็ไม่อยากลงไปทั้งที่ยังไม่ได้เอาเอกสารให้เขาด้วยสิ หรือจะเอาไปให้เขาในห้องดีนะแล้วก็ส่งข้อความทิ้งไว้ว่าเอกสารมันไม่ได้มีอะไรเป็นหลักฐานชัดแจ้งเลย แต่ในเมื่อเขาอยากได้ฉันก็ต้องเอามาส่งให้ มันมีแค่ใบเสร็จที่ทางนั้นเขียนขึ้นมาแม่ของฉันยืมเท่านี้ และต้องใช้คืนแค่ไหนดอกเบี้ยต่างๆ ที่ฉันต้องชดใช้ให้กับพวกเจ้าหนี้พวกนั้น
ฉันพยายามเคาะประตูเรียกคนด้านในแต่เขาก็ไม่ยอมมาเปิดเลย หรือว่าฉันจะถือวิสาสะเปิดเข้าไปเลยดีนะ เหมือนกับที่เขาทำกับฉันไงเข้าห้องของฉันไปโดยพละการ
แกร๊ก!
ยังไม่ทันที่ฉันจะได้ตัดสินใจอะไรมากมาย ฉันก็รีบเปิดประตูเข้าไปเพราะมันใกล้เวลาที่ฉันจะต้องไปเข้างานแล้ว แค่เอาส่ิงที่เขาอยากได้ไปวางไว้ให้เขาก็จบแล้วนี่นา เพราะฉันต้องรีบออกไปทำงานจะรอเขาออกมาก็กลัวว่าจะไปทำงานสาย
ฉันเดินเข้าไปด้านในอย่างช้าๆ พร้อมกับสอดส่องสายตามองหาเจ้าของห้องแต่กลับไม่พบเลย ในห้องของเขาเย็นเฉียบเพราะเปิดเครื่องปรับอากาศไว้ ฉันวางเอกสารไว้ที่โต๊ะด้านนอก ก่อนที่หูจะได้ยินเสียงบางอย่างที่มันน่าสงสัยปนกับความรู้สึกขนหัวลุกแปลกๆ ก่อนที่ฉันจะเดินไปตามเสียงนั้นอย่างห้ามไม่ได้ และก็ได้เห็นภาพที่ไม่ควรเห็น
เขากำลังช่วยตัวเองอยู่ในห้องน้ำ นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เห็นร่างกายของเขาเต็มส่วน ไอ้เจ้ากระบอกไฟนั่นมันของจริงใช่ไหม เพราะมันใหญ่จนเต็มมือของเขาเลย ทำไมมันถึงได้ใหญ่ขนาดนั้นนะเขากินอะไรเข้าไปกันล่ะ รอบๆ ลำที่เขากำลังชักรูดขึ้นลงมันมีเหมือนเส้นที่นูนๆ ออกมารายล้อมอยู่รอบลำ
ทั้งที่มันเป็นภาพที่ฉันไม่ควรมายืนมองดูแบบนี้ แต่ขาของฉันมันกลับแข็งเดินออกไปไม่ได้เลย เหมือนกับว่าตัวเองกำลังเห็นผีอยู่
“อึกอ่า...” ฉันยืนดูการกระทำของเขาจนจบ ได้เห็นน้ำสีขาวๆ พุ่งออกมาจากปลายหัวสีแดงนั่นแรงมาก มันกระเด็นไปโดนกำแพงจนไหลย้อยลงมาเลย
ฟึบ!
ฉันรีบเดินออกไปจากห้องเพราะเหมือนเขาจะหันมองมาที่ฉันพอดี ฉันไม่รู้ว่าเขาจะเห็นหรือเปล่าว่าฉันไปยืนแอบมองแบบนั้น แต่ก็ขอภาวนาอย่าให้เขารู้เลย มันน่าอายกว่าที่เขามาเห็นของฉันอีก เพราะนั่นเขาไม่ได้ตั้งใจแต่ฉันตั้งใจที่จะยืนมองเขาแถมยังยืนดูจนเขาทำเสร็จภารกิจอีกต่างหาก
ร้นอาหาร...
ฉันรีบขับรถมาที่ร้านอาหารที่ทำงานอยู่ เพราะแต่งตัวออกมาแล้วเลยไม่ต้องกลับไปที่ห้องอีก ระหว่างที่ตัวเองทำงานอยู่ฉันก็ไม่มีสมาธิเลยสักนิด เพราะในหัวมันมีแต่เจ้าแท่งไฟกระบอกใหญ่เท่าแขนนั่น ทำไมมันถึงได้ใหญ่ขนาดนั้นกันนะ แต่หัวสมองเจ้ากรรมมันก็ดันคิดไปไกลว่าถ้าหากฉันโดนแท่งไฟนั่นกระแทกเข้าตัว จะเดินได้อีกหรือเปล่านะ มันจะมีความรู้สึกแบบไหนกันนะ
“อีญ่าเป็นอะไรของมึงเนี่ย ยืนเหม่อเลย” จ๊ะจ๋าเดินมาจับที่หัวไหล่ของฉัน ทำเอาฉันสะดุ้งไม่เป็นท่า
“ตกใจหมด!” ฉันได้สติเพราะเสียงของเพื่อนเลย เพราะมัวแต่ยืนคิดเกี่ยวกับสิ่งที่ตัวเองเห็นมาก่อนหน้านี้
“เป็นอะไรอีก เดี๋ยวก็โดนผู้จัดการดุเอาหรอก” มีนาพูดขึ้น เพราะต่างก็รู้ดีว่าผู้จัดการร้านดุขนาดไหน
“มีเรื่องให้คิดนิดหน่อยน่ะ ขอไปล้างหน้าหลังร้านหน่อยละกัน"
“โอเคๆ รีบกลับมาล่ะ"
“อื้ม”