บท
ตั้งค่า

5.

ภัสสรเดินหน้าบูดหน้าบึ้งกลับเข้ามาในร้าน ด้วยอารมณ์ขุ่นมัวจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ร่างบางทรุดตัวลงนั่งเก้าอี้ ในสวนหย่อมเล็กๆ หลังร้าน เพื่อต้องการหาที่เงียบๆ สงบสติอารมณ์ที่ขุ่นมัว ให้กลับมาเป็นปกติดังเดิม

สูดลมหายใจเข้าออกลึกๆ เพื่อสลัดความคิดและภาพ ที่เธอถูกผู้ชายฉวยโอกาสคนนั้น ขโมยจูบแรกของเธอไปหน้าด้านๆ ถึงสองครั้งสองครา

บ้าเอ้ย! ทำไมฉันจะต้องมาเสียจูบแรกให้นายด้วยเนี่ย ไอ้ผู้ชายปากหมา

     “ไหนว่าจะไปซื้อของเข้าร้านไง ทำไมเดินตัวปลิวหน้าบูดกลับมา” เต้เอ่ยถามด้วยความสงสัย ยืนกอดอกพิงขอบประตูมองเจ้านายสาว เมื่อเห็นคนที่บอกจะออกไปซื้อของ เดินกลับเข้ามาในร้านตัวเปล่าแถมหน้าตาก็บูดบึ้ง

     “พอดีไปเจอหมามา หมามันกัดก็เลยหมดอารมณ์ซื้อของ” คิ้วเข้มขมวดมุ่นเข้าหากันเป็นปม จนแถบจะจับมาผูกโบว์ให้สวยงาม เมื่อได้ยินคำตอบ พลางใช้สยตาสำรวจไปตามร่างกายคนตรงหน้า ที่บอกว่าถูกหมากัดแต่ก็ไม่พบแม้กระทั่งรอยขีดข่วน

  “หมากัดทำไมไม่มีแผล”

   “ก็คนปากหมาไงที่กัด วู้! อารมณ์เสีย”

    “หึ! คุณพีรพัฒน์อ่ะเหรอ”

    “อืม” ตอบรับในลำคอ ด้วยความรมณ์เซ็งจัด ไม่อยากพูด ไม่อยากคุยอะไรเกี่ยวกับผู้ชายคนนี้ทั้งนั้น

    “รู้สึกว่าดวงพี่กับคุณพีรพัฒน์จะสมพงษ์กันจังเลยนะครับ ไปที่ไหนก็เจอกันตลอดสงสัย...พี่คงจะเจอเนื้อคู่ที่รอคอยแล้วล่ะมั้ง” พูดกระเซ้าเย้าแหย่ คนที่นั่งหน้าบอกบุญไม่รับยิ้มๆ เลยได้สายตาพิฆาตกลับมาเป็นของรางวัล

    “หุบปากไปเลยไอ้เต้ เนื้อคู่กับผีน่ะสิ ใครได้นายนี่ไปเป็นสามีน่ะ คงตกนรกทั้งเป็น ดวงซวยไปทั้งชีวิต คงมีเรื่องปวดหัวมาให้ไม่เว้นแต่ละวัน เพราะต้องไปตบตีแย่งสามีตัวเองกับพวกผู้หญิงจนเหนื่อย...วันๆ ฉันเห็นตามโซเชียล มีแต่ข่าวฉาวของนายนี่ ที่พาผู้หญิงขึ้นคอนโดไม่ซ้ำหน้า เจ้าชู้โคตรๆ เลย” ร่ายยาวรัวออกมาเป็นชุดดั่งกับขบวนรถไฟ

   “นี่ขนาดเกลียดขี้หน้าเขา ยังรู้ข่าวคราวของเขาขนาดนี้”

    “ก็ข่าวมันดังไง ข่าวคาวๆ อ่ะ” เต้พยักหน้ารับ

เพราะขนาดเขาเป็นผู้ชาย ก็ยังได้ยินกิตติศัพท์เรื่องผู้หญิงของพีรพัฒน์ดี ว่าชายหนุ่มนั้นเป็นหนุ่มเพลย์บอยขนาดไหน เปลี่ยนผู้หญิงไปเรื่อยไม่เคยซ้ำหน้า

“มันก็เป็นธรรมดาแหละพี่ คุณพีรพัฒน์ทั้งหล่อทั้งรวย เป็นถึงทายาทบริษัทเครื่องประดับ แถมยังมีสถานบันเทิงอยู่ใจกลางเมืองเป็นของตัวเองอีก มันก็ไม่แปลกที่ผู้หญิงส่วนใหญ่อยากได้เขาไปเป็นสามี”

“งั้นฉันขอเป็นผู้หญิงส่วนน้อย ที่ไม่อยากได้นายนี่เป็นสามีแล้วกัน ยิ่งเจ้าชู้แบบนี้ ไปให้ไกลจากชีวิตฉันได้เท่าไหร่ยิ่งดี”

“ระวังนะพี่ ยิ่งถอยห่างยิ่งเข้าใกล้ ยิ่งเกลียดเท่าไหร่ก็ยิ่งรักเท่านั้น...ไปละ” พูดจบก็รีบวิ่งแจ้นออกมาจากตรงนั้นทันที เพราะถ้าอยู่ต่อ คงได้ฝ่ามือพิฆาตจากภัสสรมาเป็นของรางวัล ที่ดันพูดไม่เข้าหูแน่ๆ

“ไอ้เต้ ไอ้น้องบ้า มันจะไม่มีวันนั้นเกิดขึ้นกับฉันแน่นอนโว้ย...ฉันไม่มีวันรัก ผู้ชายเจ้าชู้ปากหมาอย่างนายแน่นายพีรพัฒน์” พึมพำกับตัวเองด้วยความมั่นใจ

ไม่ว่าจะยังไง เธอก็ไม่มีทางรักผู้ชายที่ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษ แถมยังมีความเจ้าชู้ที่เธอเกลียดนักเกลียดหนา ลงอย่างแน่นอน

 

รถMerceder-Benz รุ่นใหม่ล่าสุดสีดำมันวาว แล่นเข้ามาจอดสนิทบริเวณหน้าตึกขนาดใหญ่ ไม่เป็นสองรองใคร ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางเมือง

นั่นก็คือบริษัท สตาร์ ไดมอนส์ เป็นบริษัทนำเข้าส่งออก และจัดจำหน่ายเครื่องประดับทุกชนิด และมีคู่แข่งคนสำคัญที่ขับเคี่ยวกันมายาวนาน อย่างบริษัท มณี กรุป

เจ้าของรถก้าวลงจากรถ เดินด้วยท่าทางสง่างามเข้ามาในบริษัท พนักงานที่อยู่เวณนั้นต่างพากันทักทาย และทำความเคารพ ก่อนชายหนุ่มจะมาหยุดยืนอยู่หน้าลิฟต์ ที่มีชายสูงวัยยืนยิ้มรออยู่ก่อนแล้ว

“สวัสดีครับคุณอา” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับยกมือไหว้ทำความเคารพ เช่นเดียวกับชายสูงวัย ก็รับไหว้จากชายหนุ่มรุ่นลูก

“สวัสดีครับคุณพี”

“ท่านประธาน คงให้คุณอามารอรับผมสินะครับ เพราะกลัวว่าถ้าถึงเวลาแล้วผมไม่มา จะได้ส่งคนไปตามได้ทัน” พีรพัฒน์เอ่ยถามแกมประชด เมื่อพูดถึงท่านประธาน ซึ่งก็คือคุณพ่อของชายหนุ่มนั่นเอง ส่วนอาคมเลขาคู่ใจของพงษ์พัฒน์ พ่อของชายหนุ่มก็ยิ้มรับน้อยๆ กับคำพูดประชดประชันนั้น

เพราะทำงานกับพงษ์พัฒน์มานาน และรู้ดีว่าตั้งแต่ภรรยาของพงษ์พัฒน์เสียไป สองพ่อลูกก็ไม่ค่อยจะลงรอยกันเสียเท่าไหร่

คนพ่อก็เอาแต่มุ่งมั่นทำงาน เพื่อสร้างรากฐานและความมั่นคงให้ลูกชายเพียงคนเดียว เพื่อให้อยู่สุขสบาย แต่ก็ไม่เคยบอกให้ลูกชายได้รับรู้ ตรงกันข้าม กับใช้วิธีเผด็จการ บังคับและออกคำสั่ง ให้ทำนู่นทำนี่ตามที่ตัวเองต้องการ

มิหนำซ้ำ หลังจากที่ภรรยาเสียได้ไม่นาน ก็ส่งลูกชายไปเรียนต่อต่างประเทศ เพื่อต้องการใช้ลูกชายแข็งแกร่ง ช่วยเหลือตัวเองเป็นและสามารถเอาตัวรอดจากสังคมที่โหดร้ายนี้ได้ หากวันหนึ่งที่ตัวเองไม่ได้อยู่ดูแล

แต่เพราะการไม่พูดคุย เอาแต่สั่งการและบังคับ จึงทำลูกชายคิดว่าพ่อไม่รัก เลยผลักไสให้ชายหนุ่มไปไกลๆ จากชีวิต และพอเรียนจบกลับมา แทนที่จะมานั่งแท่นบริหารงานช่วยพ่อ แต่ชายหนุ่มกับประชดผู้เป็นพ่อ ด้วยการเปิดสถานบันเทิงและทำตัวเจ้าชู้ เพลย์บอยไปเรื่อย

นั่นจึงเป็นสาเหตุ ที่ทำให้พ่อลูกคู่นี้ไม่ค่อยลงรอยกันเท่าไหร่ และมักจะมีปากเสียงกันทุกครั้งไปเวลาที่เจอหน้ากัน

“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ”

“แต่ยิ่งกว่านั้นน่ะสิครับ...ถ้าอย่างนั้นเรารีบขึ้นไปพบท่านประธานกันเถอะครับ เดี๋ยวรอนานท่านจะโมโหใส่ผมอีก ขี้เกียจเถียงด้วย”

“ครับ” อาคมรับคำสั้นๆ กับคำพูดช่างประชดประชัน ราวกับเด็กของชายหนุ่มรุ่นลูก ก่อนทั้งคู่จะพากันเดินเข้าลิฟต์ไปยังชั้นบนสุดของอาคาร ที่เป็นห้องทำงานของประธานปบริษัท

ภายในห้องทำงานขนาดใหญ่ของประธานบริษัท ชายสูงวัยอายุหกสิบปี ใบหน้าเริ่มเหี่ยวคล้อยไปตามกาลเวลา สายตาดุจเยี่ยวที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมานับไม่ถ้วน มองลูกชายเพียงคนเดียวที่นั่งอยู่ตรงข้าม

พีรพัฒน์ถอดแบบเหมือนตัวเอง สมัยหนุ่มมาไม่มีผิดเพี้ยน ทั้งนิสัยใจคอและหน้าตา จะมีก็เพียงแค่ดวงตาเท่านั้นที่ได้แม่มา เมื่อเห็นดวงตาคู่นี้ ก็อดคืดถึงคู่ชีวิตที่จากไปนานแสนนานไม่ได้

“คุณพ่อจะมองอีกนานมั้ยครับ มีอะไรก็พูดมาเลยดีกว่า” เสียงทุ้มเอ่ยขัดขึ้น เมื่อเห็นคนเป็นพ่อเอาแต่นั่งเงียบ แล้วก็จ้องมองเขาอยู่อย่างนั้น เป็นนานสองนานโดยไม่พูดอะไรออกมาสักคำ

“เมื่อไหร่แกจะเข้ามาทำงานที่บริษัท แบบจริงจังและเต็มตัวสักที” เอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

หลังจากที่ให้ลูกชายตัวดีมาเรียนรู้งาน และมอบหมายงานสำคัญ คืองานเปิดตัวเครื่องเพชรประจำปี ของบรษัทให้ก็อดจะชื่นชมในฝีมือของลูกชายไม่ได้ ว่าจริงๆแล้ว ฝีมือของลูกชายก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าใคร ตรงกันข้ามกลับดีเยี่ยม จนคณะกรรมการบริษัทออกปากชม แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ลูกชายตัวดีของเขา ก็ยังไม่ยอมเข้ามาทำงานแบบเต็มตัวเสียที

“ก็ผมบอกคุณพ่อไปแล้วไงครับ ว่าผมยังไม่พร้อม” คิดเอาไว้แล้วไม่มีผิด ว่าที่คนเป็นพ่อเรียกมาพบวันนี้ต้องมาคุยเรื่องนี้

“แล้วเมื่อไหร่แกจะพร้อม หรือต้องรอให้ฉันตายก่อน แกถึงจะยอมมาทำงานแทนฉัน” พูดออกมาอย่างฉุนเฉียว ทั้งที่ตั้งใจเอาไว้ ว่าจะคุยกันดีๆ อยู่แล้วเชียว แต่เพราะเจ้าลูกชายตัวดีนี่สิ ที่ชอบกวนอารมณ์ให้ขุ่นมัว

“มันก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับคุณพ่อ” พูดออกมาอย่างเหนื่อยใจ พร้อมกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

“แล้วมันต้องขนาดไหน แกถึงจะยอมมารับช่วงต่อจากฉัน...ไอ้พี ฉันแก่แล้วนะ จะตายวันตายพรุ่งก็ยังไม่รู้ บริษัทนี้ฉันกับแม่ของแกสร้างมันขึ้นมากับมือก็เพื่อแก ฉันอยากให้แกมาดูแลและสานต่อความฝันของแม่แก แม้บริษัทนี้มันจะไม่ได้ใหญ่โต เป็นอันดับต้นของประเทศ แต่มันก็มั่นคงและแข็งแรงพอ ที่จะไม่ล้มลงมาง่ายๆ อีกอย่างบริษัทนี้มันก็สร้างรายได้ ให้เราปีละหลายร้อยล้าน มันมากพอที่จะทำแกสามารถเลี้ยงดูครอบครัวของแกในอนาคต ให้พวกเขาอยู่อย่างสุขสบายไม่ลำบาก”

เป็นครั้งแรกที่พงษ์พัฒน์ พูดกับลูกชายด้วยน้ำเสียงที่อ่อนนุ่มและใช้เหตุผล ไม่ใช่น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยอำนาจและออกคำสั่งเหมือนอย่างทุกครั้งที่ผ่านมา

นั่นจึงทำให้พีรพัฒน์รู้สึกอบอุ่นข้างในหัวใจ ยิ่งเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความเหนื่อล้า จากผู้เป็นพ่อที่มองมาก็ทำให้ชายหนุ่มหัวใจอ่อนยวบ บางทีมันคงถึงเวลาที่เขาต้องจริงจังกับงานจริงๆเสียที

“โอเคครับ ผมจะเข้ามาทำงานตามที่คุณพ่อต้องการ แต่มีข้อแม้ว่า ผมขอเริ่มงานต้นเดือนหน้านะครับ” ใบหน้าที่เรียบเฉยของผู้เป็นพ่อ กระตุกยิ้มขึ้นมาอย่างพึงพอใจ ลอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

เมื่อลูกชายยอมมาทำงาน ตามที่ตนเองร้องขอ และต้นเดือนหน้าก็ใช่ว่าจะนานซะเมื่อไห ร่เพราะนี่ก็กลางเดือนเข้าไปแล้ว

“ได้ ไม่มีปัญหา...และก็มีอีกเรื่องที่ฉันอยากจะขอนร้องแก การที่จะมาเป็นผู้นำคนหมู่มาก สิ่งที่แกต้องมีคือ ภาพลักษณ์ที่ดี เพราะมันจะส่งผลต่อภาพลักษณ์ของบริษัท และความน่าเชื่อถือของตัวแกด้วย เพราะฉะนั้นสิ่งที่แกต้องทำ คือไปจัดการเรื่องผู้หญิงของแกให้เรียบร้อย รวมทั้งนิสัยเสเพล เจ้าชู้ เปลี่ยนผู้หญิงไม่ซ้ำหน้านั้นด้วย เลิกได้ก็เลิก อย่าให้มีข่าวฉาวออกมาอีก ทำได้ใช่มั้ย” พีรพัฒน์ถึงกับเอนตัวพิงพนักพิงเก้าอี้ อย่างหมดแรง ให้เขาเริ่มทำงานตั้งแต่ตอนนี้ ยังง่ายกว่าให้เขาเลิกนิสัยเจ้าชู้ซะอีก

“แต่คุณพ่อ....”

“ฉันรู้ว่ามันยาก แต่แกต้องทำให้ได้ เพราะเมื่อก่อนฉันก็เคยเจ้าชู้มาก่อน แต่พอฉันมาเจอแม่แกฉันก็เลิกกับผู้หญิงทุกคน เพื่อพิสูจน์ให้แม่แกรู้ว่าฉันรักแม่ของแกจริงๆ” พีรพัฒน์อมยิ้มในใบหน้า เมื่อเห็นแววตาของผู้เป็นพ่อเปล่งประกายด้วยความสุข เมื่อพูดถึงแม่ที่จากไป

“แต่ผมยังไม่เจอผู้หญิงคนนั้นนี่ครับ เพราะฉะนั้นผมก็ยังใช้ชีวิตโสด แบบมีความสุขไปได้เรื่อยๆ” ได้ยินลูกชายพูดยอกย้อน ก็อยากจะจับหักคอซะให้เข็ด นี่มันได้นิสัยแบบนี้มาจากใครกันนะ

“แต่อายุแกมันก็ไม่ใช่น้อยๆแล้วนะ แกควรจะมองหาผู้หญิงดีๆสักคนมาเป็นคู่ชีวิตคู่คิดได้แล้ว ไม่ใช่ลอยไปลอยมาอยู่แบบนี้”

“ก็ผมยังไม่อยากมีห่วงมาคล้องคอนี่ครับ อยู่แบบนี้สบายดีออก อยากไปไหนทำอะไรก็ทำไม่ต้องสนใจใคร”

“เฮ้อ! ฉันขี้เกียจจะพูดกับแกแล้ว”

“ครับ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ จะเข้าไปดูร้านต่อ” พงษ์พัฒน์พยักหน้ารับ พร้อมกับยกมือโบกเป็นเชิงไล่ ให้ลูกชายตัวดีจะไปไหนก็ไป

คุยไปก็ยิ่งเมื่อยปาก เพราะเจ้าลูกชายตัวดีก็สรรหาข้ออ้างมาพูดแก้ตัวอยู่ร่ำไป เห็นดังนั้นพีรพัฒน์จึงลุกเดินออกจากห้องทำงานไป

“วันนี้คุยกันนานเกินสิบนาทีนะครับคุณพี” อาคมเอ่ยแซวขึ้น เมื่อเห็นพีรพัฒน์เดินออกมาจากห้องทำงานของพงษ์พัฒน์

 เพราะโดยปกติ สองพ่อลูกคู่นี้จะคุยกันนานสุดไม่เกินห้านาที ก็เริ่มจะมีปากเสียงและเลิกคุยกันไปในที่สุด

“ครับ คุยนานสุดในรอบสิบกว่าปีตั้งแต่คุณแม่เสียเห็นจะได้” พีรพัฒนืพูดตอบกลับยิ้มๆ

“ผมก็ว่าอย่างนั้นล่ะครับ”

“ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนนะครับคุณอา แล้วเจอกันต้นเดือนหน้าสวัสดีครับ” ยกมือไหว้เป็นการลาก่อนจะเดินออกมา โดยมีอาคมมองตามหลังไปอย่างงงๆ ก่อนใบหน้าจะเปลี่ยนเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเมื่อตีความหมายของพีรพัฒน์ที่พูดทิ้งท้ายเอาไว้ได้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel