1.
เมืองหลวงขนาดใหญ่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตาร้อยพ่อพันแม่พร้อมทั้งยานพาหนะชนิดต่างๆพากันวิ่งวุ่นขวักไขว่แน่นขนัดไปทั่วทุกมุมเมือง
ตึกรามบ้านช่องแออัดเบียดเสียดแทบจะหาต้นไม้เพื่อเป็นร่มเงาแทบไม่เจอ แต่ไม่ใช่กับร้านกาแฟกึ่งร้านอาหารแห่งนี้ที่ถูกรายล้อมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ ทั้งไม้ดอกไม้ประดับและไม้ยืนต้นที่ปลูกไว้ให้ร่มเงาให้ความสดชื่นแก่ลูกค้าที่มาใช้บริการ
ด้านล่างคือโซนสำหรับลูกค้าที่ต้องการทานกาแฟและขนม ส่วนชั้นบนคือโซนห้องอาหารที่เป็นอาหารจานเดียวง่ายๆทั้งไทยและเทศไว้คอยบริการลูกค้า ที่ต้องการมาทนกาแฟและทานอาหารในร้านเดียวกัน จึงไม่แปลกที่ร้านแห่งนี้จะมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการไม่ขาดสาย
“PS Coffee&Resturant สวัสดีค่ะ” เสียงทักทายลูกค้าพร้อมกับรอยยิ้มสดใสของหญิงสาวเจ้าของร้านคนสวยพ่วงตำแหน่งพนักงานของร้านบ้างบางเวลาดังขึ้นเมื่อได้ยินเสียงกระดิ่งที่แขวนอยู่ที่ประตูร้านดังขึ้นเป็นการส่งสัญญาณบ่งบอกว่ามีลูกค้าเข้ามาใช้บริการ
“คาปูชิโน่เย็นแก้วนึงครับ” เสียงลูกค้าชายหนุ่มดังขึ้นอย่างสุภาพ พร้อมทั้งส่งรอยยิ้มเป็นมิตรที่แฝงความหมายบางอย่างมาให้หญิงสาวที่ยืนอยู่หลังเคาเตอร์
“ได้ครับ ทวนออเดอร์นะครับ คาปูชิโน่เย็นหนึ่งแก้ว ทั้งหมดหกสิบบาทครับ”
“ผมขอให้คุณลูกศรชงให้นะครับ” เอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มและสายตาเว้าวอนที่มองมายังหญิงสาวที่ยืนชงกาแฟอยู่ข้างบาริสต้าหนุ่ม
“ได้ค่ะ” ภัสสรรับคำด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะลงมือชงกาแฟให้ลูกค้าหนุ่มที่ยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างพึงพอใจที่จะได้ทานกาแฟฝีมือหญิงสาว
“คาปูชิโน่เย็นได้แล้วค่ะ ขอบคุณที่อุดหนุน โอกาสหน้าเชิญใหม่นะคะ”
“เจ้าของร้านสวยและชงกาแฟอร่อยขนาดนี้ ผมต้องมาอุดหนุนอยู่แล้วครับ”
“ค่ะ” รับคำสั้นๆ ไม่พูดอะไรต่อเพื่อเป็นการตัดบทสนทนาด้วยรู้ดีว่าผู้ชายส่วนมากที่เข้ามาพูดแบบนี้ก็ต้องการมาขายขนมจีบกับเธอทั้งนั้น นั่นจึงทำให้ชายหนุ่มจำใจต้องเดินคอตกออกจากร้านไป
“เสน่ห์แรงไม่มีตกเลยนะพี่ลูก มีผู้ชายมาอ้อล้อขายขนมจีบให้ทุกวันเลย” เต้บาริสต้าหนุ่มสุดหล่อประจำร้านพูดแซวหลังจากที่ลูกค้าเดินออกจากร้าน
“ก็คนมันสวยช่วยไม่ได้” ยักไหล่พูดออกมาหน้าตาเฉยทำเอาเต้ถึงกับกรอกตาบนเล่นด้วยความหมั่นไส้เจ้านายสาวที่ออกจะดูมั่นอกมั่นใจในความสวยของตัวเองอย่างออกนอกหน้า แต่จะว่าไปเจ้านายของเขาก็สวยจริงๆนั่นแหละ แต่ที่แปลกทำไมถึงยังไม่มีแฟนก็ไม่รู้
“สวยอ่ะไม่เถียง แต่สวยแล้วทำไมถึงยังโสดนี่สิ ผมโคตรสงสัยอ่ะ”
“ก็ผู้ชายดีๆมันหายาก ที่เข้ามาก็เห็นมีแต่ผู้ชายเจ้าชู้ทั้งนั้น น่าเบื่อจะตาย” ได้ฟังเหตุผลของเจ้านายสาวก็ถึงกับหัวเราะออกมาเบาๆ ยิ่งเห็นหน้าตาของเจ้านายที่แสดงออกว่าเอือมระอาขนาดไหนเมื่อพูดถึงผู้ชายเจ้าชู้ที่ขยันมาขายขนมจีบให้เจ้านายของเขาไม่เว้นแต่ละวันและก็วันละหลายๆคน
“ผมถามจริงๆ นะ พี่มีอะไรฝังใจกับคนเจ้าชู้ป่ะเนี่ย ดูพี่จะแอนตี้ผู้ชายทุกคนที่เข้ามาจีบเลยนะ” ภัสสรยักไหล่น้อยๆ อย่างไม่ใส่ใจอะไรในคำถามนั้น
“มันก็ไม่ถึงกับแอนตี้อะไรขนาดนั้น...เพียงแต่ภาพทรงจำในวัยเด็กที่พ่อทิ้งแม่ไปอยู่กับผู้หญิงคนใหม่มันทำให้ฉันไม่ชอบผู้ชายเจ้าชู้” แม้น้ำเสียงที่พูดออกมาจะราบเรียบไม่บ่งบอกอารมณ์หรือความรู้สึกอะไร
แต่แววตาของหญิงสาวนั้นเต็มไปด้วยคามเจ็บปวด และความเศร้า จากครอบครัวที่อบอุ่นมีพ่อ แม่ ลูก ก็หายไป เมื่อพ่อมีใครอีกคนเข้ามาบ้านที่เคยอบอุ่นก็ลุกเป็นไฟ
ภาพที่แม่คุกเข้ากอดขาพ่อไว้เพื่อรั้งให้พ่อไม่ไป ภาพที่แม่นอนร้องไห้เพราะเสียใจที่พ่อมีคนอื่น ภาพที่แม่นอนซมจนตรอมใจและจากไป เพราะความรักมันยังคงไหลเวียนเข้ามาในหัวไม่ขาดสาย
ซ้ำร้ายไปกว่านั้น แฟนคนแรกที่คบก็นอกใจไปมีผู้หญิงคนใหม่ จนเธอจับได้คาหนังคาเขา จึงทำให้หญิงสาวเกลียดผู้ชายเจ้าชู้ทุกคนบนโลกใบนี้ ยังดีที่เธอยังมีพี่ชายที่รักและดูแลเธออย่างดีที่สุดทำให้เธอไม่กลายเป็นเด็กมีปัญหาจนเสียคน
“แล้วพี่คิดจะครองความโสดเกาะคานทองอยู่แบบนี้ไปจนตายเลยหรือไง”
“ก็ผู้ชายดีๆ ที่รักเดียวใจเดียวมันหายากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทรไง ดำน้ำหาทั้งชีวิตจะหาเจอหรือเปล่าก็ยังไม่รู้ อยู่เป็นโสดสวยๆ ให้ผู้ชายเสียดายเล่นแบบนี้ดีกว่าย่ะ ที่สำคัญถึงจะเป็นโสดไปจนตายฉันก็มีปลายฟ้าคอยเลี้ยงตอนแก่แล้ว” ภัสสรตาเป็นประกาย เมื่อคิดถึงหลานสาวตัวน้อยลูกของพี่ชายที่ตอนนี้ทำธุรกิจไร่กาแฟอยู่ที่ภาคเหนือและสร้างครอบที่น่ารักอยู่ที่นั่น
“ปลายฟ้าก็คือหลานมั้ยพี่ มันก็ไม่เหมือนลูกตัวเองป่ะ...แล้วผมก็จะคอยดูว่าพี่จะอยู่เป็นโสดไปจนตาย หรือจะถูกผู้ชายคนไหนสอยลงมาจากคานก่อนแก่ตายกันแน่” ยักคิ้วส่งยิ้มกวนๆไปให้เจ้านายอย่างทะเล้น
“ไอ้เต้!!!” ภัสสรเข่นเคี้ยวเขี้ยวฟันใส่ลูกน้องคนสนิทที่ยืนยิ้มกวนประสาทโชว์ฟันสวยสามสิบสองซี่มาให้อย่างไม่สะทกสะท้านอะไรเลย
และคนที่สามารถกล้ากวนประสาทหญิงสาวได้ก็คงมีแค่เต้คนเดียวนี่แหละ เพราะเต้คือคนที่ภัสสรกับธนูพี่ชายของหญิงสาวรับมาอุปการะเลี้ยงดูทั้งแต่เต้อายุสิบแปดปี
สาเหตุก็มาจากธนู เข้าไปช่วยเหลือเต้จากพวกอัธพาลที่รุมทำร้ายร่างกายจนปางตาย เพราะจำคนผิด และยิ่งรู้ว่าเต้เป็นเด็กกำพร้าก็ยิ่งสงสาร เลยรับเต้มาอยู่ด้วย โดยให้เต้ทำงานที่ร้าน ช่วยภัสสรดูแลร้านกาแฟ และช่วยดูแลภัสสรแทนธนู
นั่นจึงทำให้ภัสสรและเต้ สนิทสนมกันมากกว่าเจ้านายกับลูกน้อง แม้หญิงสาวจะพร่ำบอกอยู่เสมอว่าถ้าเจอสิ่งที่ดีกว่าหรืออยากไปหาประสบการณ์ใหม่ เธอก็ยินดีที่จะให้ไป
เพราะทุกคนก็ต้องการความก้าวหน้าในชีวิตกันทั้งนั้นเธอเข้าใจ แต่เต้ก็ยังคงยืนยันที่จะทำร้านที่ร้านเหมือนเดิมไม่ไปไหน
“ครับ เจ๊ลูกศรคนสวย” เต้ก็ยังคงเป็นเต้วันยังค่ำ กวนประสาทไม่เลิก เข้ามาวันแรกกวนยังไงวันนี้ก็ยังคงเป็นแบบนั้นไม่มีเปลี่ยน
“เจ๊บ้านแกอ่ะดิ ฉันยังไม่แก่โว้ย ไอ้เต้แกนี่มัน ...ฮึ่ย! น่าตัดเงินเดือนซะให้เข็ด”
“อ้าวๆ ได้ไงล่ะครับพี่ลูกศร ผมมีน้องๆต้องดูและนะครับ”
“ย่ะ ระวังรถไฟจะชนกันเข้าสักวันนะไอ้เต้ และถ้าถึงวันนั้นมาถึง ฉันนี่แหละจะเป็นคนแรกที่สมน้ำหน้าแก เจ้าชู้ดีนัก”
“ไม่ได้เจ้าชู้ครับ เขาเรียกบริหารเสน่ห์”
“ไม่ต้องพูดมากลูกค้าสาวๆ แกมาแล้วนู่น” พยักเพยิดให้ดูลูกค้าสาวเจ้าประจำ ที่เดินยิ้มหวานมาแต่ไกล เป็นการตัดจบบทสนทนาระหว่างเจ้านายกับลูกน้อง
เพราะต่างคนก็ต่างวิ่งวุ่นทำงานหน้าที่ของตัวเองไป ยิ่งใกล้ช่วงเที่ยงวันลูกค้าก็เริ่มทยอยเข้ามาในร้านเยอะขึ้น ทั้งมาทานกาแฟและทานอาหาร จนพนักงานแทบไม่มีเวลาหยุดพักและบริการลูกค้าไม่ทัน
“พี่ลูก เค้กที่ลูกค้าโต๊ะสิบสั่งได้ยัง กาแฟเสร็จแล้วจะได้เอาไปเสริฟ์ลูกค้า” เต้ ร้องถามขึ้นโดนที่มือก็ยังคงวุ่นอยู่กับการชงกาแฟเป็นพัลวัล
“แกช่วยเรียกชื่อฉันเต็มๆได้มั้ย เรียกแค่ลูกมันดูแปลกๆยังไงพิลึก...แกอยู่นี่แหละรับออเดอร์ไปเดี๋ยวฉันเอาไปเสิร์ฟลูกค้าเอง” พูดพร้อมกับวางจานเค้กรสช๊อกโกแลต ลงบนถาดและยกไปเสิร์ฟให้ลูกค้าทันที
แต่ด้วยความรีบหรือไม่ทันระวัง หรือจะด้วยเหตุผลบ้าบออะไรก็แล้วแต่ ทำให้ภัสสรชนเข้ากับลูกค้าที่กำลังหันหลังหมุนตัวมาอย่างจังจน...
เพล้ง!!!!
“เห้ย! บ้าเอ้ย!!” เสียงสบถออกมาอย่างอารมณ์เสีย รวมทั้งเสียงจานและแก้วกาแฟตกกระทบกับพื้นดังสนั่นทั่วร้าน
ขนมเค้กและกาแฟ ต่างหกกระจายเลอะเทอะเต็มพื้น รวมทั้งเสื้อของลูกค้าที่ยืนทำหน้าอารมณ์เสีย บอกบุญไม่รับอยู่ตรงนี้ ทำเอาภัสสรถึงกับหน้าเสีย
“ขะ...”
“เดินประสาอะไร คุณไม่เห็นหรือไงว่าผมยืนอยู่ตรงนี้” พูดแทรกขึ้นมาอย่างหัวเสีย ไม่สนใจด้วยว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้ากำลังจะพูดอะไรและคือผู้หญิง
ทำเอาภัสสรที่กำลังจะเอ่ยคำว่าขอโทษ ต้องยืนอ้าปากค้างไปหลายนาที กลืนคำนั้นหายไปในลำคอ
“แล้วคุณล่ะ จะหันหน้าหันหลังทำไมไม่ดูดีๆ ซะก่อนว่ามีคนเดินมามั้ย” ภัสสรก็ไม่ยอมแพ้
ในเมื่อผู้ชายคนนี้ เลือกที่จะไม่มีมารยาทกับเธอก่อน เพราะฉะนั้นก็ไม่มีประโยชน์ที่เธอจะต้องพูดดีด้วย
หึ! แต่งตัวก็ดีแต่ปากนี่จัดยิ่งกว่าผู้หญิงผู้ชายจริงป่ะเนี่ย
“ผมยืนของผมอยู่ตรงนี้ ก่อนที่คุณจะเดินมาซะอีก เพราะฉะนั้นคุณนั่น แหละที่เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ ซุ่มซ่าม แล้วมาโทษคนอื่น คนที่ผิดคือคุณ”
“ทำไมพูดแมวๆ แบบนี้ล่ะ ถ้ามันจะมีคนผิด มันก็ผิดด้วยกันทั้งสองคนนั่นแหละ ทำไมมาโยนความผิดให้ฉันคนเดียวแบบนี้ แมนมากเลยนะ ผู้ชายป่ะเนี่ย” ภัสสรเถียงออกมา อย่างสุดจะทน ความอดทนเหลือน้อยลงเต็มที
รู้ตัวว่าสิ่งที่ตัวเองกำลังทำอยู่ในตอนนี้ มันคือสิ่งที่ไม่ถูกต้องและไม่สมควรทำอย่างมาก ที่มายืนเถียงกับลูกค้าฉอดๆ แบบนี้ แต่สำหรับลูกค้าคนนี้ เธอขอแหกกฏที่บอกว่าลูกค้าคือพระเจ้าสักคนแล้วกัน
“ก็ผู้หญิงอย่างคุณมันปากดีไง ผมถึงไม่ต้องแสดงความเป็นสุภาพบุรุษ... หึ! เจ้าของร้านเขาไม่ได้อบรมสั่งสอนเลยเหรอ ว่างานบริการคืออะไร ไม่ใช่มายืนเถียงลูกค้าฉอดๆ แบบนี้ ระวังถูกไล่ออกไม่รู้ตัวล่ะ” ยกยิ้มุมปากอย่างสะใจ จ้องมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างผู้ชนะ พร้อมทั้งไล่สายตาคมมองสำรวจคนที่ยืนโกรธหน้าดำหน้าแดงไปในที
สวย! ผู้หญิงคนนี้สามารถใช้คำนี้ได้เลย ตัวเล็ก ผิวขาว ปากนิดจมูกหน่อย แต่ที่มันขัดต่อหน้าตา ก็คงเป็นปากเล็กๆที่เถียงเขาฉอดๆอยู่นี่แหละ
“กลัวตายล่ะ...ฉันรู้ว่างานของฉันคืองานบริการ ฉันพร้อมจะขอโทษลูกค้าทุกคน ไม่ว่าฉันจะผิดหรือถูก และถ้าสมองส่วนซีรีบรัมของคุณยังทำงานได้ดี คุณก็คงจำได้ว่าตอนแรก ฉันกำลังจะพูดขอโทษคุณ แต่คุณดันพูดแทรกด่าฉันมาก่อน เพราะฉะนั้นมันก็ไม่มีประโยชน์ ที่ฉันจะต้องขอโทษลูกค้าที่ไร้มารยาทแบบคุณอีก”
“นี่คุณ!...” พีรพัฒน์สบถออกมาอย่างหัวเสีย เกิดมาไม่เคยพบเคยเจอผู้หญิงคนไหน ที่ปากร้ายปากจัดเท่าผู้หญิงคนนี้เลยสักคน
“คุณลูกค้าครับ ผมต้องขอโทษแทนพี่สาวผมด้วยนะครับ ที่เดินไม่ระวังจนทำให้เกิดเรื่องขึ้น ขอโทษนะครับ” เต้ที่ยืนสังเกตการณ์อยู่ไกลๆเห็นท่าไม่ดี และเหมือนจะไม่จบง่ายๆ ก็รีบเข้ามาห้ามสงครามที่กำลังปะทุทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ พูดขอโทษขอโพยแทนภัสสรเป็นการใหญ่ พร้อมกับดึงแขนภัสสรไว้เป็นเชิงบอกให้หยุด
“ไอ้เต้ แกจะไปขอโทษทำไม ฉันไม่ผิด” หันมาแหววใส่เต้อย่างอารมณ์เสีย
“พอเหอะพี่ลูกศร ไม่เห็นหรือไงว่าลูกค้าในร้านมองกันใหญ่แล้ว อยากให้ร้านตัวเองดังสนั่นไปทั่วโซเชียล เพราะว่าเจ้าของร้านทำกาแฟหกใส่ลูกค้าแล้วไม่ขอโทษ แถมยังยืนเถียงกับลูกค้าแบบนี้อะเหรอ” เมื่อได้ยินคำพูดเตือนสติ ภัสสรก็ดูเหมือนจะใจเย็นลง พร้อมกับมองสำรวจไปทั่วร้าน และก็เป็นอย่างที่เต้พูดทุกอย่าง
ลูกค้าเริ่มจับจ้องมาที่เธอด้วยความสนใจใคร่รู้ บางคยก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่าย เห็นดังนั้นภัสสรก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา แต่ก็ไม่วายที่หันกลับมามองผู้ชายที่ยืนยิ้มเยาะอยู่ตรงหน้าตาเขียวปั๊ด
“อ๋อ! ที่แท้ก็เป็นเจ้าของร้านนี่เอง” พูดพร้อมกับตั้งใจมองสำรวจภัสรตั้งหัวจรดปลายเท้าช้าๆอย่างกวนประสาท และดูเหมือนว่ามันจะได้ผล เพราะคนถูกมองหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ สองมือกำเข้ากันแน่น
“ทำไม! ฉันเป็นเจ้าของร้านแล้วมันทำไม ห๊ะ!”กัดฟันกรอดถามออกมาอย่างเหลืออด นี่เธอชักจะทนไม่ไหว กับผู้ชายปากเสียคนนี้แล้วนะ
“พี่ลูกศร พอได้แล้วน่า ปะๆ แยก” เต้พูดเตือนออกมาอีกครั้ง แต่ก็ได้ท่าทางฟึดฟัดจากเจ้านายสาวกลับมาแทน
พีรพัฒน์ยกยิ้มมุมปากอย่างชอบใจ ก่อนจะเดินมาใกล้หญิงสาวมากยิ่งขึ้น ก้มลงพูดกระซิบชิดใบหูเล็ก
“คุณนี่มันแบน อย่างกับกระดานโต้คลื่นไม่มีผิด” ยิ้มกวนประสาทออกมาอย่างสะใจ ก่อนจะเดินหนีออกจากร้านไป ส่วนภัสสรนั้นหน้าชา เหมือนถูกตบหน้าด้วยของแข็งจังๆ
“ไอ้! กะ อื้อ” เสียงแหลมที่เตรียมจะร้องตะโกนด่า เป็นอันต้องขาดหายไปในลำคอ เมื่อปากเล็กถูกเต้เอามือมาปิดไว้ พร้อมกับล็อคตัวลากให้เข้ามาหลังร้าน
“ไอ้เต้ แกเอามือมาอุดปากฉันไว้ทำไม” ร้องถามออกมาอย่างหัวเสีย มองลูกน้องตาขวางเมื่อริมฝีปากบางเป็นอิสระ
“ก็ถ้าไม่อุดปากไว้ พี่ก็ตะโกนแหกปากลั่นร้านดิ ...สติอะมีหน่อย อย่าหัวร้อนให้มันมากนัก ไม่เห็นหรือยังไงว่าแขกนั่งอยู่เต็มร้าน” คนถูกติเตียนหน้าบูดหน้างอ กระแทกตูดบนั่งลงเก้าอี้อย่างอารมณ์เสีย
“เห็น แต่ตอนนั้นมันโมโหนี่น่า พูดออกมาได้ ว่าฉันแบนเป็นกระดานโต้คลื่น ตัวเองหล่อตายเลยมั้ง ไอ้ผู้ชายปากหมาเอ๊ย” จบประโยคของภัสสรเต้ถึงกับหัวเราะลั่น
“ที่โมโหเขาเป็นฝืนเป็นไฟ เพราะเขาบอกแบนเหมือนกระดานโต้คลื่นใช่มั้ยเนี่ย”
“หยุดหัวเราะเดี๋ยวนี้เลยนะไอ้เต้ ถ้าแกยังไม่หยุดฉันจะตัดเงินเดือนแก” ได้ผลชะงัก เสียงหัวเราะเมื่อสักครู่หายวับไปในพริบตา
เต้รีบยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองไว้แทบไม่ทัน เม้มปากแน่นเพื่อกลั้นไม่ให้มีเสียงหัวเราะเล็ดรอดออกมา
“ครับๆ รู้แล้วครับเจ้านาย...ถ้าสงบสติอารมณ์ได้ก็รีบๆ ตามออกมาล่ะ...แต่จะว่าไปพี่ก็แบนอย่างที่ผู้ชายคนนั้นว่าจริงๆ นะ” ยักคิ้วกวนๆ ให้หนึ่งที ก่อนจะเดินยิ้มออกมา โดยมีเสียงร้องตะโกนด่าตามหลังของภัสสรดังตามหลังมาติดๆ
“ไอ้เต้ ไอ้บ้าเอ้ย ไอ้ๆๆ โว๊ะ! โมโหโว้ย...อย่าให้เจออีกนะ ไอ้ผู้ชายปากหมา แม่จะด่าให้กลับบ้านไม่ถูกเลย ใครได้ไปเป็นผัวมีหวังซวยทั้งชาติ” ฟาดงวงฟาดงาใส่ลมใส่แล้งไปอย่างโมโห
ทางด้านพีรพัฒน์ หลังจากที่เดินออกมาจากร้าน ก็ตรงดิ่งมายังรถของตัวเองทันที ถอดเสื้อที่เปื้อนไปด้วยคราบกาแฟและขนมเค้ก โยนทิ้งไปเบาะหลังอย่างอารมณ์เสีย ก่อนจะคว้านหาเสื้อตัวใหม่ที่อยู่ในรถมาใส่
“ผู้หญิงบ้าอะไรวะ เกิดมาไม่เคยพบเคยเจอ ปากร้ายชะมัด เถียงฉอดๆ ปากอย่างกับกรรไกร ใครได้ไปเป็นเมีย มีหวังหูชาซวยไปทั้งชาติ” บ่นพึมพำกับตัวเอง ทำท่าขนลุกขนพอง เมื่อนึกไปถึงปากเล็กๆ ที่เถียงใส่เขาเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา ก่อนจะขับรถออกไปจากร้าน