บทที่ 5 เดทแรก
“เย้ ๆ สนุกจังเลยค่ะ คุณริวทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะคะ” ลูกชุบที่ทำหน้าตาตื่นเต้นดีใจราวกับว่าเธอเป็นเด็กน้อยที่มาเล่นเครื่องเล่นที่สวนสนุก แตกต่างจากริวกิที่ทำหน้าเอือมเขารู้สึกเวียนหัวที่ต้องมาเล่นเครื่องเล่นที่หวาดเสียวอะไรแบบนี้
“ฉันไม่คิดว่าเธอจะมาเล่นเครื่องเล่นเด็ก ๆ แบบนี้ เวียนหัวฉันจะอวก”
“อย่าอวกนะคะคุณริว….เสียชื่อหมดคุณเป็นถึงทายาทของ ชิวาร่า เล่นเครื่องเล่นแล้วอวกแตกอายเค้านะ คิ! คิ!”
“ลูกชุบ เธอนี่นะแสบมาก ๆ ฉันจะเอาคืนเธอทุกดอกสนุกมากใช่ไหมที่แกล้งฉันแบบนี้” ริวกิที่ชีวิตในวัยเด็กเขาไม่มีโอกาสมาเล่นสวนสนุกและเล่นเครื่องเล่นผาดโผนแบบนี้และไม่ชิน เพราะถูกพ่อนั้นบังคับให้เรียนทั้งวิชาการและศิลปะป้องกันตัวมีชีวิตที่กดดันมาตลอดเขาสูญเสียชีวิตช่วงวัยเด็กไปนั่นเอง
“ก็คุณสัญญาแล้วนี่คะว่าจะตามใจฉันขอแค่บอกนี่ไงคะที่ที่ฉันอยากจะมา”
“ไม่ไหวฉันจะเป็นลม” ริวกิที่เล่นเครื่องเล่นจนหน้าซีดลูกชุบเห็นท่าว่าไม่ดีจึงพยุงเขาให้มานั่งที่เก้าอี้และเดินไปซื้อน้ำและไอศกรีมมาให้
“ไหวไหมคะ นี่ค่ะจะช่วยให้ดีขึ้น” เธอจึงยื่นน้ำและไอศกรีมรสช็อกโกแลตให้ยากูซ่าหนุ่มมาดเท่ที่เสียฟอร์มเขาหน้าตาซีดเซียวและดูหมดสภาพผิดจากตอนขามา
“ขอบใจ อื้ม…อร่อยจริง ๆ ด้วยทำไมมันรสชาติดีแบบนี้ดีกว่าไอศกรีมแพง ๆ ในห้างอีก” ดวงตาของยากูซ่าหนุ่มเบิกกว้างเขาทำท่าทางเหมือนเด็กน้อยที่ได้กินของอร่อยดูมีความสุขและพอใจกับของหวานในมือมาก
“แน่นอนสิคะ ของแพงใช่ว่าจะดีเริสเสมอไปรู้ไหมว่าตอนเด็ก ๆ กว่าฉันจะได้กินไอ้เจ้านี่ต้องเก็บเงินค่าขนมที่แม่ให้ไปโรงเรียนตั้งหลายวัน”
“หือ… ป้าเธอก็รวยนี่ทำไมแม่เธอถึงให้เงินค่าขนมน้อยอีแค่ไอศกรีมที่ไทยก็ไม่กี่บาทเอง” ริวกิที่สนใจคำพูดของลูกชุบเขาแปลกใจไม่น้อยที่ในวัยเด็กเธอต้องเก็บเงินซื้อไอศกรีมแค่แท่งเดียว
“คือที่บ้านของชุบยากจนค่ะเมื่อก่อนป้าฤดีเป็นคนใช้ที่บ้านหลังนั้น พอแม่พี่โซ่เสียป้าก็กลายเป็นแม่เลี้ยงเขาทันทีแต่หลังจากนั้นพ่อกับแม่ของชุบเสียด้วยอุบัติเหตุป้าเลยเก็บชุบมาเลี้ยง” ลูกชุบเล่าเรื่องราวชีวิตของเธอในอดีตให้ริวกิฟังเขาเองก็ไม่คิดมาก่อนว่าชีวิตของเธอนั้นน่าสงสาร
“ฉันไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันโตมาได้และมีโอกาสได้มาเรียนที่ต่างประเทศเพราะครอบครัวของพี่โซ่และป้าของฉัน จึงตั้งใจว่าจะตอบแทนพวกเขาให้ดีที่สุด” ใบหน้าสวยยิ้มออกมาอย่างจริงใจแววตาแสดงถึงความมุ่งมั่นริวกิถึงกับอึ้งจ้องมองใบหน้าสวยดวงตาชวนฝันคู่นั้นอย่างลึกซึ้ง จิตใจแกร่งของเขานั้นอ่อนระทวยลูกชุบนั้นชีวิตของเธอไม่ได้เพรียบพร้อมแบบเขา
“อืม…แล้วเธอมีอะไรที่อยากได้อีกไหม เงิน กระเป๋า รองเท้า เสื้อผ้า หรือเครื่องสำอางดีล่ะ?” ริวกิที่อยากจะมอบสิ่งดี ๆ ให้แก่เธอบ้างเขารู้สึกเห็นใจที่ลูกชุบนั้นโตมาแบบที่เขาคาดไม่ถึง และอยากจะเติมเต็มให้เธอบ้างเพราะเธอสมควรที่จะได้รับมันในช่วงเวลาที่อยู่กับเขา
“ไม่ค่ะ ฉันไม่อยากได้ไม่รู้จะเอาไปทำอะไรหลังจากที่เราแยกกันฉันคิดว่าจะไปช่วยงานของครอบครัวมีเงินเดือนอยู่แล้วส่วนของฟุ่มเฟือยเหล่านี้ไม่จำเป็น”
“ลูกชุบ เธออยู่กับฉันอย่าทำให้ฉันเสียหน้าเธอก็รู้ว่าฉันเป็นใครการแต่งตัวใช้ของแพง ๆ เป็นการให้เกียรติสถานที่และผู้คนที่เราเข้าหายิ่งคุยธุรกิจด้วยเธอเรียนบริหารก็น่าจะรู้”
“ใช่ค่ะ มันก็อาจจะจริงในส่วนนั้นแต่ฉันไม่ได้ให้ความสำคัญแค่เปลือกนอก” ริวกิที่ได้ยินคำตอบเขาถึงกับหัวใจกระตุกลูกชุบเป็นผู้หญิงที่น่าสนใจที่เขานั้นเคยมองข้าม
“เธอรู้ไหมว่านี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้มาสวนสนุก” ริวกิสารภาพกับเธอและยอมบอกความลับนี้เขาไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันที่กล้าเล่าเรื่องราววัยเด็กให้เธอฟัง
“ห่ะ! ครั้งแรกมิน่าคุณถึงได้มีสภาพเป็นแบบนี้ฉันขอโทษค่ะ ถ้ารู้คงจะไม่ชวนไปเล่นอะไรที่น่าหวาดเสียวแบบนี้” ลูกชุบรู้สึกผิดทันทีที่ได้รู้เธอนึกถึงคำพูดของป้าสมรได้ว่าชีวิตของริวกินั้นเคร่งครัดแต่เด็ก เขาคงโตมาอย่างอยากลำบากแบกรับความกดดันแต่เล็ก
“ไม่เป็นไรถือว่าฉันได้มาเหมือนคนอื่น ๆ แล้ว แม้จะมาเล่นเอาตอนโตอายุก็ปาเข้าไปยี่สิบกว่าแล้วก็ตาม ฮ่า ๆ ๆ ตลกชะมัด!” ริวกิที่พยายามหัวเราะร่าเพื่อกลบเกลื่อนลูกชุบที่รู้ดีจึงอยากจะปลอบใจเขาบ้าง
“ดีค่ะ คุณริวหลังจากนี้ไปสิ่งไหนที่อยากจะทำหรือไม่เคยทำในตอนสมัยเด็ก ๆ บอกชุบมานะคะเราจะทำมันด้วยกันฉันยินดีเป็นเพื่อนให้คุณค่ะ”
“เพื่อน! เพื่อนที่ไหนเขานอนเอากันทุกคืนล่ะ” ใบหน้าหล่อเลิกคิ้วขึ้นมองดูเธอด้วยความสงสัยแต่ลึก ๆ เขาเองก็รู้สึกประทับใจเพราะช่วงเวลาที่ผ่านมาเขาไม่เคยมีเพื่อนสนิท นอกจากฟูกะที่เป็นลูกน้องและครอบครัวเท่านั้นที่ไว้วางใจได้
“ถ้างั้นเราเปลี่ยนมาเป็นเพื่อนกันก็ได้นี่ ไม่ต้องทำเรื่องนั้น….คุณริวว่าดีไหมคะ”
“ไม่มีทางเธอเซ็นสัญญาไว้แล้วก็ต้องตามข้อตกลงสิ อย่ามาหลอกฉันโดยอ้างคำพวกนี้ฉันไม่ได้ต้องการเธอมาเป็นเพื่อนสักหน่อย” ริวกิรีบค้านทันทีแม้จะดีใจที่เขานั้นมีคนข้างกายที่สามารถไว้วางใจได้อีกคน แต่เขาไม่อาจหักห้ามใจที่จะไม่นอนร่วมเตียงกับเธอได้ในยามค่ำคืนเสียแล้ว
“จิ๊! คนอะไรใจร้ายรู้หรือเปล่าคะมิตรภาพระหว่างเพื่อนมันดีแค่ไหน ฉันมีเพื่อนน้อยแต่เพื่อนฉันดีทุกคนนะจะบอกให้แล้วคุณจะเสียใจที่ไม่รักษาเพื่อนดี ๆ แบบฉันไว้” ปากบางทำเสียงจิ๊จ๊ะใส่เธอเคืองที่เขานั้นเอาสัญญามาอ้างและไม่ยอมหลงกลแม้จะคล้อยตามไปบ้าง
“หึ! เธอไม่เหมาะจะมาเป็นเพื่อนกับฉันหรอกเชื่อสิ อย่างเธอเหมาะที่จะเก็บไว้ทำอย่างอื่นมากกว่าทั้งสวยทั้งหวานนุ่มนิ่มไปหมด” สายตาเจ้าชู้มองดูใบหน้าเธอสลับกับมองเรือนร่างโดยเฉพาะหน้าอกหน้าใจทำหน้าหื่นใส่จนลูกชุบต้องเอามือดันหน้าหล่อเหลาให้หันมองไปทางอื่น
“นี่คุณริว….คุณนี่ก็จะคิดกับฉันแค่เรื่องแบบนี้สินะวัน ๆ คุณเคยคิดอะไรบ้างเกี่ยวกับฉันไม่เคยจะคิดเรื่องดี ๆ ได้เลย”
“ใช่! ก็ฉันถึงบอกเธอไปนี่ไงว่าเธอไม่เหมาะที่จะเป็นเพื่อนเพราะในสมองอันปราดเปรื่องของฉันมันคิดแบบนั้นกับเธอไม่ได้ และก็อย่าเพ้อเจ้อคิดว่ามาเป็นเพื่อนฉันแล้วจะไปหาผู้ชายอื่นมาเป็นแฟนนะเธอจะต้องได้เห็นดี”
“เหอะ! คุณหึงฉันเหรอคะคุณริวกิ” ลูกชุบจึงใช้โอกาสนี้ทดสอบเขาเพราะเมื่อวานเขาก็ถามเธอแบบนี้เช่นกันเธอจึงอยากจะเอาคืนเขาบ้าง
“เปล่าฉันแค่ไม่อยากใช้ของร่วมกับใคร เธอก็ควรจะรู้ถ้าเธอผิดสัญญาก็จะต้องโดนอะไรบ้างสิ่งที่ฉันเกลียดที่สุดคือการหักหลัง”
“ได้ค่ะ ฉันทำใจตั้งแต่ก้าวเข้ามาแล้วฉันจะไม่ยุ่งกับใครและจะเป็นของคุณคนเดียวเท่านั้นข้อตกลงระหว่างเราทำไมฉันจะทำมันไม่ได้แค่ปีเดียวตอนนี้ก็ผ่านมาแรมเดือนแล้ว”
“นี่เธอถึงขั้นนับคืนนับวันรอเลยเหรอ ทำไมอยู่กับฉันไม่มีความสุขขนาดนั้นเชียว ฉันก็เต็มที่กับเธอทุกอย่างว่างเมื่อไหร่ฉันก็อยู่กับเธอตลอดคืนไหน ๆ เธอก็ไม่เคยนอนคนเดียว” ริวกิที่ได้ยินคำพูดที่แทงใจเขาจึงเผลอพูดสิ่งที่ใจเขากำลังคิดอยู่ออกมาเขารู้สึกแย่ที่ลูกชุบนั้นตั้งใจจดจ่อวันที่ต้องลาจาก
“มีค่ะมีมาก ๆ ด้วย แต่ฉันไม่อยากอยู่กับความสุขที่ไม่ถาวรนี้คุณดีหมดทุกอย่าง แต่จงมั่นใจนะคะว่าตลอดเวลาที่ฉันอยู่กับคุณคุณจะต้องมีความสุข” ใบหน้าสวยหันมายิ้มให้กับยากูซ่าหนุ่มอีกครั้งเธอรู้ตัวดีว่าสักวันก็ต้องจบความสัมพันธ์นี้ลงจึงพยายามหักห้ามใจไม่ให้รักเขาไปมากกว่านี้
“อีกตั้งหลายเดือนเธอไม่ต้องคิดมากให้วุ่นวายใจ ตลอดเวลาที่เธออยู่ที่นี่เธอจะปลอดภัยฉันปกป้องเธอได้นะลูกชุบ” มือหนาจึงจับไปที่มือบางอีกครั้งเขาคว้าเอาเอวบางมานั่งแนบชิดติดลำตัว จากนั้นทั้งคู่จึงจูบกันท่ามกลางผู้คนที่เดินขวักไขว่ไปมาใน ณ สวนสนุกแห่งนี้ ดั่งโลกทั้งใบกำลังหยุดเคลื่อนไหวลูกชุบจูบเขากลับอย่างดูดดื่มกลิ่นไอศกรีมที่อยู่ในปากความหวานของมันที่ยังคงอยู่รสจุมพิตที่แสนอบอุ่นเร่าร้อนมันทำให้ซาบซ่านไปถึงหัวใจ
วันนี้ทั้งวันริวกิและลูกชุบออกไปเดทชอปปิ้งและกินข้าวด้วยกันเหมือนกับคู่รักทั่วไปทั้งคู่มีความสุขมาก ฟูกะที่คอยขับรถให้ตลอดเขาเองก็อมยิ้มไปด้วยมองเห็นเจ้านายมีความสุขในใจนั้นคิดว่าหลุมพรางที่ริวกิเป็นคนขุดอาจจะเป็นตัวเขาเองที่จะตกลงไปด้วย เพราะลูกชุบไม่ใช่ผู้หญิงที่เขาสมควรจะทำร้ายจิตใจเธอได้เพราะเธอนั้นเป็นคนซื่อ ๆ สดใสและจิตใจดีเข้ามาเติมเต็มจิตใจที่เหี่ยวเฉาของเขาให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
“ยิ้มอะไรของมึงไอ้ฟูกะ” ริวกิที่มองไปที่กระจกด้านหน้ามองเห็นฟูกะที่ขับรถไปยิ้มไปอย่างอารมณ์ดีแปลก ๆ
“เปล่าครับแค่มีความสุข” ฟูกะที่มองดูด้านหลังผ่านกระจกเห็นลูกชุบนอนหลับและริวกิเองก็ประคองหัวของเธอมาซบตรงไหล่กว้างอย่างถนอมราวกับว่ากลัวเธอจะตื่น
“อะไรของมึง สาวที่มึงจีบรับรักมึงแล้วเหรอ” ริวกิที่ไม่รู้ตัวมือเขาก็ยังคงโอบเอวของลูกชุบไม่ห่างปากก็บ่นฟูกะไป
“นายวันนี้มีความสุขไหมครับดูหน้าตาสดใสนะ ตั้งแต่รับคุณลูกชุบเข้ามา” ฟูกะที่ทนไม่ได้จึงแซวเจ้านายหนุ่มซึ่งริวกิเองก็เสียอาการจึงด่าเขากลับไปแก้เขิน
“เสือกนักไอ้ฟูกะมึงรีบ ๆ ขับไปเลย มองถนนข้างหน้านู้นไม่ใช่มองแต่กู”
“ครับ ๆ ไม่มองก็ได้ หึ! หึ!”
เมื่อมาถึงบ้านหรูลูกชุบที่เหนื่อยมาทั้งวันเธอนั้นหลับสนิทริวกิที่เห็นแบบนั้นจึงไม่อยากปลุกเธอ เขาจึงอุ้มร่างของเธอออกมาจากรถและพาขึ้นไปนอนที่ห้องสายตาของป้าสมรและฟูกะมองดูแล้วต่างหันมามองตากันอย่างรู้ใจแล้วยิ้มออกมา จากนั้นเมื่อมาถึงที่เตียงเขาค่อย ๆ วางร่างของลูกชุบลงเบา ๆ แล้วห่มผ้าให้อย่างเบามือ
“หลับปุ๋ยเชียว” ร่างสูงที่เอนตัวลงนอนข้างๆหันหน้ามามองคนที่หลับสนิทมือหนึ่งลูบไปที่ไรผมนิ่ม เขามองดูใบหน้าสวยอย่างเอ็นดูเผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว
“ขอบคุณนะสำหรับวันนี้ฉันได้ทำอะไรที่ไม่เคยทำมาก่อนก็เพราะเธอ ฉันไม่กลัวเครื่องเล่นหวาดเสียวพวกนั้นแล้วนะ” ริวกิที่เขายังติดใจหวาดกลัวการเล่นเครื่องเล่นในสวนสนุกมันเป็นความลับดำมืดในจิตใจที่ไม่กล้าบอกใคร เพราะเขาเองก็มีบาดแผลจากวัยเด็กเช่นกัน วันนี้มันได้ปลดปล่อยบ่วงพันธนาการนี้แล้วเพราะลูกชุบนั่นเอง
“อื้อ หนาวจัง” มือเล็กจึงโอบไปที่ร่างของริวกิเธอกอดเขาเพราะความหนาวในยามค่ำคืนริวกิจึงกอดเธอกลับและจูบไปที่หน้าผากมนเบา ๆ
“หึ! เที่ยวจนหมดแรงล่ะสิ เธอทำให้ฉันสับสนนะลูกชุบ”
เช้าวันต่อมา
ลูกชุบได้ตื่นขึ้นมาเพียงลำพังเธอจำไม่ได้ว่าขึ้นมานอนบนเตียงได้อย่างไรจึงเดินลงไปหาป้าสมรเพราะได้กลิ่นอาหารหอมฟุ้ง ทว่าเดินลงมาก็พบกับร่างของคนที่คุ้นเคยริวกินั่งรอเธอที่โต๊ะอาหารเขาแต่งตัวเนี้ยบในชุดทำงานเหมือนเช่นทุกวัน
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณริวกิ ป้าสมร” ลูกชุบจึงนั่งลงและทักทายทั้งสองคนที่รออยู่ที่โต๊ะ
“อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณหนู วันนี้มีข้าวต้มทรงเครื่องนะคะเห็นคุณริวบอกว่าคุณลูกชุบอ่อนเพลียทาน
เยอะ ๆ นะคะป้าทำสุดฝีมือเลย” ป้าสมรยิ้มกริ่มมองไปที่เจ้านายหนุ่มเขาทำหน้านิ่งนั่งทานข้าวต้มไม่สนใจ
“ป้าสมรคะอย่าเข้าใจผิดที่เจ้านายป้าพูดว่าหนูอ่อนเพลีย เพราะเมื่อวานไปเที่ยวเล่นทั้งวันต่างหากนี่หนูยังไม่รู้เลยว่ากลับถึงบ้านตอนไหน” ลูกชุบที่ร้อนตัวกลัวว่าป้าสมรจะเข้าใจผิดที่ริวกินั้นพูด
“เหอะ! หลับสบายทั้งคืนเลยนี่คนที่อุ้มเธอมานอนเมื่อคืนก็ฉันนี่ไงเธอนอนทับแขนฉันจนเช้า” ริวกิที่กำลังจะยกแขนขึ้นมาอีกข้างเพราะเขาปวดทั้งคืนลูกชุบนั้นนอนหนุนแขนเขาจนชาไปหมด ป้าสมรที่มองดูก็เผลอยิ้มออกมาส่วนลูกชุบนั้นทำหน้าเจื่อน ๆ ที่เป็นต้นเหตุทำให้เขาต้องนอนปวดแทนทั้งคืน
“น่ารักจังเลยค่ะ แต่งงานกันเลยนะคะ” ป้าสมรแซวและอดที่จะเอ็นดูทั้งคู่ไม่ได้ในใจป้านั้นพึงพอใจลูกชุบมากที่สุด
“ป้าผมยังไม่ได้คิดบัญชีกับป้าเรื่องปล่อยยัยนี่ไปนอนข้างนอกเลยนะ” สายตาคมกริบมองไปที่ป้าแม่บ้านอย่างคาดโทษป้าสมรที่รู้ใจเขาดีว่าแค่ล้อเล่น จึงหลบไปห้องครัวและยิ้มออกมาปล่อยให้ทั้งคู่ได้ใช้เวลาร่วมกัน
“ขอโทษนะคะที่ต้องทำให้ลำบาก ไหวไหมคะวันนี้ต้องไปทำงานอีก”
“ไกลหัวใจตัวเธอเบาอย่างกับนุ่นกินเยอะ ๆ สิ” ริวกิตักเครื่องเคียงใส่ชามข้าวต้มให้ลูกชุบอย่างใส่ใจจนเธอนั้นสัมผัสถึงความพิเศษที่เขานั้นมอบให้ แม้เขาจะไม่พูดออกมาแต่สายตาและการกระทำของเขานั้นชัดเจนมาก
หลังจากที่ว่างเว้นระหว่างที่รอริวกิกลับมาจากงานเธอจึงขอร้องที่จะออกไปส่งของขวัญให้หลานสาว ป้าสมรจึงอาสาติดตามไปด้วยเพราะความเป็นห่วง ลูกชุบจึงชวนป้าไปซื้อของเพื่อมาทำขนมไทยเธอตั้งใจจะทำขนมลูกชุบเป็นการขอบคุณริวกิเพราะตอนนั้นที่เจอกันหลังจากได้เกิดความผิดพลาดครั้งใหญ่ เธอได้มีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเขาที่คลับชิวาร่าริวกิบอกว่าอยากลองกินขนมที่ชื่อเดียวกันกับเธอ
“คุณหนูคะป้าไม่เคยรู้มาก่อนว่าคุณจะทำขนมหน้าตาน่ารับประทานขนาดนี้” ป้าสมรที่คอยเป็นลูกมือให้กับลูกชุบมองดูเธอทำขนมด้วยความตั้งใจและภูมิใจที่ลูกชุบนั้นใส่ใจริวกิมากขนาดนี้ เสน่ห์ของเธอสามารถมัดใจเจ้านายของป้าได้อย่างแน่นอน
“พอทำได้ค่ะ หนูไม่เซียนขนาดนั้นหรอกไม่รู้จะถูกใจเจ้านายป้ารึเปล่า”
“อื้ม! อร่อยหอมหวานขนาดนี้ แถมไม่เลี่ยนด้วยปั้นขนมออกมาได้สวยขนาดนี้ฝีมือไม่ธรรมดาเลยนะคะ แบบนี้คุณริวของป้าจะไปไหนรอด”
“โอ๊ย! ป้าสมรคุณริวของป้ามีแต่สาว ๆ รายล้อมชุบไม่ได้ครึ่งของผู้หญิงของเขาหรอกค่ะ ขอบคุณนะคะไม่ต้องอวยหนูขนาดนั้นก็ได้”
“ป้าพูดจริงนะคะสายตาป้ามองเจ้านายตัวเองไม่เคยพลาดหรอกค่ะ คุณริวชอบคุณหนูแน่นอนให้เวลาเขาอีกนิดนะคะค่อย ๆ เรียนรู้กันไปทั้งสองคนเหมาะสมกันมากค่ะ นายหญิงต้องถูกใจคุณหนูเหมือนป้าแน่ ๆ”
“นายหญิงแม่ของคุณริวกิเหรอคะ?”
“ใช่ค่ะ นายหญิงกลับเมืองไทยหลายเดือนแล้วคุณยายของคุณริวท่านป่วยด้วยโรคชรา สักวันคุณหนูก็คงจะได้คุณริวต้องพาคุณหนูไปพบท่านแน่ ๆ ค่ะ”
“ไม่หรอกมั้งคะ หนูไม่ได้เป็นอะไรกับคุณริวไม่จำเป็นต้องไปพบคุณแม่ของเขาหรอกค่ะ”
“ค่า ๆ ไม่เป็นอะไรกันก็ไม่เป็น” ป้าสมรที่ไม่อยากขัดใจลูกชุบแม้จะมองดูทั้งคู่ออกแต่ก็ไม่อยากเร่งรัดจนเกินไป หากมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ได้มีใจตรงกันก็ไม่อยากให้ใครต้องมาเจ็บปวดเพราะป้านั้นรักทั้งคู่ไม่ว่าจะเป็นริวกิหรือลูกชุบก็ตาม