เซ่นรักเจ้าแม่นางตานี

43.0K · ยังไม่จบ
กะปอมพ่นไฟ
31
บท
559
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

‘กลิ่นจันทร์’ หญิงสาวที่เพิ่งเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ ด้วยความสาว ความสวยนี้เองจึงทำให้เธอต้องพบจุดจบที่น่าเศร้า ดวงวิญญาณที่หลุดออกจากร่างที่ควรจะไปในนรกภูมิเพื่อชดใช้กรรมในชาตินี้ กลับเข้ามาสิงสู่ในต้นกล้วยตานีกลายมาเป็นเทวดาชั้นล่างสุด ชั้นจตุมหาราชิกา นางตานีกลิ่นจันทร์ที่อยู่ในต้นกล้วยตานีมาหลายร้อยปีเพื่อชดใช้กรรมนั้น ได้บังเอิญช่วยหญิงสาวคนหนึ่งเอาไว้เพราะความสงสาร แต่ใครจะไปรู้ว่าหลังจากเวลาผ่านไป 20 ปี ลูกชายของผู้หญิงคนนั้นจะมาเป็นสามีของเธอ กงล้อแห่งโชคชะตา และวิบากกรรมที่ทำร่วมกันมาของเธอและชายหนุ่มคนนั้นจึงได้เริ่มต้นหมุนขึ้นอีกครั้งหนึ่ง!! “เจ้าแม่ได้ผมแล้ว คิดจะทิ้งขว้างผมเหรอครับ” ชายหนุ่มส่งยิ้มเจ้าเล่ห์พราวเสน่ห์มาให้ผีสาว เขาเสียตัวและหัวใจไปให้เจ้าแม่กลิ่นจันทร์หมดแล้ว เขาไม่มีวันยอมให้เธอทิ้งเขาไปได้หรอกนะ!!

นิยายรักโรแมนติกนิยายสยองขวัญรักหวานๆดราม่าแฟนตาซี เศรษฐีโรแมนติกสยองขวัญ18+21+

อารัมภบท

อารัมภบท

ปีพุทธศักราช 2300

“เอ็งได้ยินข่าวที่นังกลิ่นจันทร์มันตายแล้วหรือไม่”

ชายผู้หนึ่งที่มีหนวดเครายาวเฟิ้มเอ่ยถามผู้เป็นสหาย

“ทำไมข้าจะไม่ได้ยิน น่าสงสารมันนัก หน้าตาก็ออกจะงดงามราวกับนางอัปสร แต่ศพมันทุเรศทุรังเหลือเกิน ข้าเพิ่งไปดูมาเมื่อเช้านี้เอง น่ากลัวนัก ใบหน้าของมันถูกมีดกรีดจนแทบจะจำไม่ได้เลย ถ้าไม่ใช่เพราะท่านขุนไกรบอกว่าเป็นมันก็ไม่มีผู้ใดดูออกหรอก”

“ไม่รู้ว่าใครมันใจร้ายนักถึงทำกับมันได้ลงคอ”

ชายผู้เป็นสหายชะโงกหน้าเข้ามากระซิบเสียงเบา

“จะเป็นใครได้อีกเล่า ถ้าไม่ใช่แม่หญิงโฉม คงจะหึงหวงท่านขุนไกรที่ไปรักชอบนังกลิ่นจันทร์ที่เป็นแค่สาวชาวบ้านนั่นแหละ เอ็งรู้ก็เงียบไว้เลย อย่าได้เอ็ดอึงไปเล่า”

“ข้ารู้แล้วน่า ผู้ใดจะกล้าพูดว่าเป็นฝีมือของท่านหญิงโฉม บุตรีของท่านหมื่นกันเล่า”

ชายทั้งสองทำหน้าตาสยดสยอง ก่อนจะแยกย้ายกันเดินจากไป

การตายอันสยดสยองของกลิ่นจันทร์กลายเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วคลุ้งน้ำย่านนี้ แต่เพียงไม่ได้ข่าวการตายของกลิ่นจันทร์ก็ได้เลือนหายไปตามกาลเวลา

บ้านไม้ทรงไทยที่ตั้งอยู่ข้างริมแม่น้ำได้มีการทำพิธีพลีพรายนางตานี ควันธูปที่ปักอยู่หน้าต้นกล้วยตานีที่ออกปลีลอยอยู่ในอากาศอย่างอ้อยอิ่ง ด้านหน้ามีโต๊ะบูชาที่มีอาหารคาวหวานอันเป็นเครื่องพลี อาธิเช่น หัวหมูหนึ่งหัว บายศรี อาหารคาวหวาน ข้าวตอกดอกไม้ ธูปเทียน น้ำมันหอม และเครื่องหอม

นอกจากนี้ด้านข้างยังมีพานสีทองตั้งเอาไว้ โดยบนพานมีเครื่องประดับที่ทำจากทองคำอันเป็นของสตรีวางไว้อย่างมากมายด้วย

ชายชราผู้มีหนวดเครายาวเฟิ้มสีดอกเลานุ่งขาวห่มขาวนั้น กำลังนั่งบริกรรมคาถาด้วยหน้าตาขมักเขม้น เขาใช้เวลาอยู่เป็นนานจึงได้ลืมตาขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มแห่งความยินดี

ใบหน้าที่มีรอยเหี่ยวย่นมองต้นกล้วยตานีที่ออกปลีกลางต้นด้วยรอยยิ้ม เขาลุกขึ้นยืนพร้อมกับนำผ้าสไบสีเขียวตองอ่อนมาพันที่รอบต้นกล้วยตานี เอาเครื่องประดับทองไปคล้องที่วงปลีกล้วย แล้วใช้มีดหมอเฉือนเอาดอกปลีกล้วยตานีออกมา เพื่อเอาไปทำพิธีปลุกเสกใส่ในตลับขี้ผึ้งสีปาก เพื่อใช้เป็นของขลังให้เกิดเสน่ห์ เป็นเมตตามหานิยม ผู้ใหญ่ให้ความเมตตาเอ็นดู เป็นที่รักของเพศตรงข้าม

ชายชราก้มลงนั่งยองที่โคนต้นกล้วยตานีแล้วใช้มีดหมอเฉือนเหง้าที่โผล่พ้นดินออกมา นำเอาไปใส่ในตลับเก็บไว้อย่างดี หลังจากเสร็จสิ้นพิธีกรรมแล้ว ชายชราก็ลุกขึ้นยืนพร้อมหันมายิ้มให้กับชายหนุ่มที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก

“กล้วยตานีต้นนี้มีนางพรายตานีมาสิงสู่แล้ว ต่อไปก็บูชานางพรายตานีให้ดีทั้งเช้าและเย็น โชคลาภเงินทองและสิ่งที่เอ็งปรารถนา นางพรายตานีจะดลบันดาลให้เอ็งทุกอย่าง แต่ข้าขอเตือนว่าอย่าได้ริเอานางตานีมาทำเป็นเมียเป็นอันขาด นางพรายตานีตนนี้มีฤทธิ์มากนัก หากเอ็งทำอะไรขวางหูขวางตา เอ็งอาจจะตายก่อนวัยอันควรได้”

“ขอบคุณท่านอาจารย์มากขอรับ ข้าจักจำใส่ใจไว้ให้มั่น และจักสั่งสอนบุตรหลานให้ดีด้วยขอรับ”

“ดีมาก อันนี้คือเหง้า ข้าจักเอาไปแกะสลักเป็นรูปผู้หญิงให้เอง ต่อไปนางพรายตานีก็จะมาปรากฏกายให้เอ็งเห็นด้วยหนา”

“ขอบพระคุณยิ่งนักขอรับ ข้าจักไม่ลืมพระคุณของท่านอาจารย์เลยขอรับ”

“ขอบคุณโชควาสนาของเอ็งเสียเถิดไอ้มิ่ง ที่กล้วยตานีบ้านเอ็งได้มีนางพรายตานีมาสิงสถิตย์ ข้ากลับแล้วหนา”

ชายชราผู้เป็นหมอคุณไสย์สายขาวได้เดินจากไป...

ปีพุทธศักราช 2535

ท่ามกลางพายุฝนที่กระหน่ำตกลงมาไม่ขาดสาย หญิงสาวได้จูงมือเด็กชายตัวน้อยในสภาพที่เปียกโชก พากันเดินมาหลบฝนที่ศาลาไม้ข้างทาง บรรยากาศยามฝนตกและแสงของพระอาทิตย์ที่ลาลับขอบฟ้าไปแล้ว ทำให้บรรยากาศโดยรอบดูขมุกขมัว แสงสว่างจากหลอดไฟข้างทางก็ช่างริบหรี่

“ตรงนู้นมีผู้หญิงยืนอยู่ด้วยครับแม่ ทำไมเขาไม่มาหลบฝนกับเราล่ะครับ”

เด็กชายตัวน้อยชี้มือไปทางศาลไม้ที่ดูทรุดโทรมซึ่งอยู่ท่ามกลางในดงกล้วยตานี

“อะไรธาม ผู้หญิงที่ไหนแม่ไม่เห็นมีเลย”

‘มนพร’ ผู้เป็นมารดามองตามนิ้วชี้ของลูกชาย แต่เธอก็เห็นเพียงศาลไม้ที่พุพังในดงกล้วยตานีเท่านั้น

“แม่ไม่เห็นเหรอครับ แต่ผู้หญิงคนนั้นเขายิ้มให้ธามด้วยนะ เขาใส่ชุดไทยสีเขียวด้วย สวยมากเลยนะครับ”

“...!!”

มนพรสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจกลัว เธอเพ่งเล็งไปทางศาลไม้ผ่านสายฝนที่ตกลงมาไม่ขาดสาย ก่อนที่เธอจะตระหนักได้ว่าผู้หญิงที่ลูกชายบอกนั้น อาจจะเป็นเจ้าแม่นางตานีที่คนละแวกนี้เคยพูดถึงก็ได้

ขนอ่อนลุกชันขึ้นมาด้วยความหวาดกลัว ดวงตาทั้งสองข้างของมนพรเลิ่กลั่กด้วยความหวาดหวั่น

“อย่ามอง อย่าไปมองเขาเลยธาม”

มนพรรีบสวมกอดลูกชายแน่น เธอเฝ้าภาวนาขอให้ฝนหยุดตกลงมาสักที เธอจะได้รีบออกไปจากที่นี่

“แต่พี่เขากำลังกวักมือให้ธามไปหาอยู่นะครับแม่”

“ไม่! ไม่ได้นะธาม”

มนพรยิ่งกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นไปอีก

เมื่อฝนเริ่มซาลงแล้ว มนพรไม่รอช้าที่จะรีบจูงมือลูกชายไปขึ้นรถแท๊กซี่ทันที

เธอเหลียวหลังกลับมามองอีกครั้ง ก่อนจะเห็นผู้หญิงผมยาวดำสลวยที่มีดอกชบาสีแดงทัดที่ใบหู และห่มสไบสีเขียวตองอ่อน นุ่งโจงกระเบนสีเขียว ใบหน้าของเธอดูน่ารักอ่อนหวาน จนมนพรไม่อาจจะละสายตาไปได้เลย ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นว่าช่วงล่างของเธอไม่มีขา มนพรคงจะคิดว่าผู้หญิงคนนี้คือมนุษย์คนหนึ่งเท่านั้น

“1234567”

น้ำเสียงแว่วหวานที่ชวนให้รู้สึกขนลุกในเวลาเดียวกันลอยเข้ามาในหัวของมนพร เธอจ้องมองผู้หญิงคนนั้น แล้วรีบเดินจ้ำอ้าวไปไกลริบ

‘1234567 เหรอ หรือว่าเจ้าแม่จะใบ้หวยให้กันนะ’

มนพรครุ่นคิดในใจด้วยความฉงน แต่เมื่อเวลาผ่านไปเธอก็ลืมเรื่องในวันนี้ จนกระทั่งในวันหวยออกเธอได้ซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลหมายเลข 1234567 เพราะนี่เป็นลอตเตอร์รี่ที่เหลือใบสุดท้ายแล้ว

แต่ใครจะรู้ว่านั่นจะกลายเป็นวันที่ทำให้ชีวิตของมนพรเปลี่ยนไปตลอดกาล...

เธอถูกรางวัลที่หนึ่ง 30 ล้านบาท!!