บทที่ 1 เกิดใหม่ในโลกใหม่ (1)
บทที่ 1
เกิดใหม่ในโลกใหม่
สายลมอ่อนๆบวกกับกลิ่นสมุนไพรหอมๆลอยวนอยู่รอบๆร่างระหงของหญิงสาวที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงไม้ที่ประดับประดาผ้างดงาม หรูหรา ดูแล้วร่างนั้นคงจะไม่ใช่คนธรรมดา และสถานที่แห่งนี้ก็คงจะไม่ใช่สถานที่ธรรมดาเช่นกัน ร่างบนเตียงในชุดขาวนอนนิ่งไม่ขยับอย่างสงบ ใบหน้าหญิงสาวนั้นขาวซีดราวกระดาษ งดงามแต่ก็เต็มไปด้วยร่องรอยอ่อนเพลีย ผมยาวสีดำเงาปล่อยสยายทั่วเตียงนอน เรือนร่างเล็กผอมบาง ราวกับจะแตกหักได้ทุกเมื่อ ยิ่งในเวลานี้ที่ร่างเล็กนั้นกำลังป่วยไข้ ยิ่งทำให้หัวใจของคนที่เฝ้ารอการตื่นของนางรู้สึกทรมานในใจยิ่งนัก
ซินซีรู้สึกตัวตื่นอีกครั้งเพราะกลิ่นอะไรเหม็นๆรอบๆตัว จะว่ายังไงดี เหมือนจะเหม็นก็ไม่เหม็น จะหอมก็ไม่หอม เอาเถอะ สรุปเลยละกันว่าไม่ถูกใจนัก
'บนสวรรค์ยังมีกลิ่นเหม็นอีกหรือ แย่ๆสงสัยเธอต้องไปโวยท่านเทพเสียแล้ว'
ซินซีหมายมั่นในใจ ด้วยกลิ่นนี้มันแรงอย่างมาก ทำให้ตัวเธอนอนไม่ได้ เมื่อทนไม่ไหวกับกลิ่นเหม็นๆนี้ ซินซีจึงพยายามลืมตาขึ้น สิ่งแรกที่เห็นคือผ้าแก้วสีขาวที่ปกคลุมอยู่เหนือศีรษะ คล้ายมุ้งคลุมเตียงที่ใช้คลุมแบบเตียงเจ้าหญิงในละคร หรือการ์ตูนบาร์บี้
'หืมตายแล้วได้เตียงนอนสวยแบบนี้เชียว'
ซินซีดีใจ อดจะกวาดสายตามองไล่ลงมา เรื่อยๆ มุ้งคลุมเตียงไม่ได้มีแค่ผ้าแก้วสีขาวเพียงเท่านั้น แต่มีผ้าสีหวานหลากสีสไตล์วินเทจปักลวดลายดอกไม้สวยงาม คลุมทับด้วยผ้าแก้วสีขาวอีกชั้น
'ฮู้~ การตกแต่งอย่างกับสไตล์จีนโบราณ ท่านเทพตอนที่เธอตื่นมาตอนแรกอยู่ไหนล่ะ?’
ซินซีกวาดตามองหาท่านเทพ และก็เห็น ท่านเทพที่ว่า ตอนนี้กำลังนั่งอยู่มุมหนึ่งของห้อง ด้านนอกเตียงของเธอที่มีผ้าต่างๆปิดเตียงไว้ เมื่อเห็นท่านเทพ ก็ตั้งใจจะร้องเรียก แต่ก็ต้องพับเก็บไปเมื่อมีเทพอีกตนสวมชุดจีนโบราณ รัชสมัยที่เท่าใดนั้น ก็ไม่อาจรู้ได้คุกเข่าลงเบื้องหน้าท่านเทพอย่างนอบน้อมและเกรงกลัว
'เฮ้ นี้เธอมีบุญขนาดได้มาเจอเทพชั้นสูงเลยเหรอ ดีจริงๆ นี่ล่ะน้าความดีที่ได้สร้างอาวุธให้กองทัพทหารทำให้เทพเจ้าเห็น’
ซินซีคิดอย่างเพลิดเพลิน อารมณ์หดหู่ดีขึ้นมากกว่าเดิมหลายเท่า แต่แล้ว บทสนทนาของเทพทั้งสองก็ดังขึ้น ด้วยความที่เตียงกับตรงนั้นไม่ห่างไกลกันมากทำให้เธอได้ยินไปด้วย
"ฝ่าบาท ฮองไทเฮาขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ"
'เอ้ ทำไมมีฮองไทเฮา บนสวรรค์มีฮองไทเฮาด้วยหรือ'
ชินซีสงสัยแต่ก็เงียบฟังบทสนทนานั้นต่อไป
"เชิญเสด็จแม่เข้ามาเถอะ"
เทพเจ้าบอกกับเทพที่ดูต่ำศักดิ์กว่า
เทพต่ำกว่าตอบรับอย่างนอบน้อม
"พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท" แล้วค่อยๆถอยหลังจากไป
เมื่อท่านเทพเจ้า อยู่เพียงองค์เดียวแล้ว ซินซีก็อดที่จะพิจารณารูปลักษณ์ไม่ได้ ท่านเทพมีรูปร่างงดงามและอ่อนเยาว์ดูจากอายุถ้าเทียบกับมนุษย์ก็น่าจะ 20 กว่าปี หรืออาจจะเป็นเพราะว่าหน้าเด็ก ร่างกายกำยำทรงสง่าน่าเกรงขาม บารมีที่มองไม่เห็นปกคลุมไปทั่วร่าง แต่งกายแบบจีนโบราณสีทองเหมือนฮ่องเต้ มีมงกุฎทรงอำนาจสวมอยู่บนหัวบอกถึงตำแหน่งที่สูงศักดิ์
เทพท่านนี้คงจะเป็น เง็กเซียนฮ่องเต้ถ้าเดาไม่ผิด
'นี่หรือ เง็กเซียนฮ่องเต้ สง่างามจนไม่กล้ามองเลยนะนี่'
ซินซีอดจะเอ่ยชมออกมาไม่ได้ ไม่คิดเลยว่าตนจะมีโอกาสพบเง็กเซียนฮ่องเต้ตัวเป็นๆ
'เรานี่ช่างมีบุญนัก'
กระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจได้เล็กน้อย ก็มีร่างงามสง่าของสตรีสวมชุดจีนโบราณก้าวเข้ามาในห้องนี้ด้วยอีกคน หญิงผู้นี้อายุราวน่าจะ 50 ปี(ถ้าเป็นมนุษย์)มีผมสีขาวแซมเล็กน้อย แต่ไม่ได้ทำให้ดูชราเลยสักนิดกลับกัน กับทำให้ดูสง่างามสูงศักดิ์ระเหิดระหง ยังคงดูสวยสดงดงามแม้จะเริ่มแก่แล้วก็ตาม
ซินซีนับถือเหล่าเทพจีนยิ่งนักที่ยังคงความสง่างดงามแม้เข้าวัยใกล้โลงแล้วก็ตาม
'เอ๊ะ เทพเจ้าตายไม่ได้นี่นาลืมไปเลย'
"ถวายพระพรเพคะ ฝ่าบาท"
เทพหญิงชรากล่าวทำความเคารพท่านเง็กเซียนฮ่องเต้ พร้อมยอบตัวลง ท่านเง็กเซียนฮ่องเต้รีบปรี่เข้าไปประคองพลางพาไปนั่งยังโต๊ะใกล้ๆ
"ลำบากเสด็จแม่แล้ว ทรงประทับก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ"
"องค์หญิงสี่เป็นอย่างไรบ้างเพคะ?"
เทพหญิง เอ่ยถามท่านเง็กเซียนฮ่องเต้ พอถูกถามท่านเทพก็หน้าหมองลง แต่ก็ตอบคำถามเทพหญิงชรา
"ยังไม่ฟื้นพ่ะย่ะค่ะ"
เมื่อได้ฟังคำตอบ ท่านเทพหญิงก็หมองเศร้าตามไปด้วย
ซินซีที่ฟังไปเพลินๆ ก็รู้สึกงุนงงกับบทสนทนาของทั้งสองไม่ได้
พวกเขาพูดถึงองค์หญิงสี่แล้วองค์หญิงสี่คือใคร?
"ฝ่าบาท อย่าทรงทุกข์พระทัยไปเลยเพคะ หม่อมฉันเชื่อว่า องค์หญิงสี่จะทรงปลอดภัยและหายในเร็ววัน"
"ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะเสด็จแม่"
ทั้งสองพูดคุยกัน ไม่ใช่สิปลอบใจกันและกันมากกว่า
ซินซีเริ่มรู้แล้วว่าเทพหญิงคนนี้คงเป็นแม่เง็กเซียนฮ่องเต้
หลังปลอบใจกันเสร็จ แม่ของเง็กเชียนฮ่องเต้ก็จากไป เหลือไว้แต่เง็กเซียนฮ่องเต้ที่กำลังเดินมาทางเตียงที่เธอนอนอยู่
ซินซีเมื่อเห็นว่าเง็กเซียนฮ่องเต้กำลังเดินมาหาตนก็รีบหลับตาลงด้วยความตกใจ พอหลับตาแล้ว ถึงพึ่งนึกขึ้นได้ว่าจะหลับทำไม?
หูได้ยินเสียงแหวกผ้าม่านคลุมเตียงออก เตียงฝั่งหนึ่งยวบลง ซินซีอดเกร็งตัวอย่างช่วยไม่ได้ นี่ขนาดไม่ได้ลืมตาเธอยังรับรู้ถึงบารมีของเง็กเซียนฮ่องเต้ที่แผ่ออกมาว่ามันมากมายแค่ไหน ชั่วชีวิตเจอคนใหญ่คนโตมาก็เยอะ แต่ไม่มีใครเทียบเคียงท่านเทพผู้นี้ได้สักนิด นี่สินะเขาถึงว่า
'เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือมนุษย์ก็ยังมีเทพ'
"ซีเอ๋อร์ น้องพี่ เมื่อใดเจ้าจะตื่น อย่าหลับนานเช่นนี้เลย พี่จะขาดใจ"
เสียงอ่อนระโหยโรยแรงของท่านเทพบาดลึกลงไปในส่วนลึกของจิตใจเธอรู้สึกเศร้าสร้อยอย่างไร้สาเหตุ
‘แต่ว่า ท่านเทพพูดกับใคร กับเธอหรือ นั่นมันชื่อเธอนิ แต่เธอไปมีพี่ชายตอนไหน แถมพี่ชายที่เป็นเทพนี่นะ เดี๋ยวเธอคงฝันไปแน่ๆ ยัยซี ตื่นๆ เมื่อกี่อาจจะฟังผิดไป’
เธอคิดอย่างนั้น แต่ท่านเทพก็พูดต่อแถมยังเรียกเธอว่า
"ซีเอ๋อร์…องค์หญิงน้อยของพี่......"
'โว้ย!! อะไรกัน งงไปหมดแล้ว ซีจะไม่ทน'
เมื่อคิดได้ดังนั้น ซินซีก็ลืมตาขึ้น สายตาทั้งสองคู่สบผสานกันคล้ายตกใจระคนไม่อยากจะเชื่อ แต่เหมือนซินซีจะหาเสียงตัวเองเจอก่อน จึงเผยยิ้ม ตั้งใจจะเอ่ยทัก
"เอ่อ....คือ...."
ปัง!
เพียงเอ่ยมาแค่นั้น ร่างของท่านเทพก็ผุดลุกจากเตียงที่เธอนอนอยู่ วิ่งออกไปจากห้องปิดประตูเสียงดัง อย่างเสียกิริยา ต่อมาคือเสียงเอะอะโวยวาย สร้างความตกใจระคนงุนงงให้แก่ซินซียิ่งนัก
‘นี่มันเรื่องอะไรกัน? แล้วเธอตายรึยัง? ใครก็ได้ช่วยบอกที!!!’
หลังจากที่ท่านเง็กเซียนฮ่องเต้ (ที่คิดว่าใช่) ออกไปไม่นาน ก็กลับมาพร้อมข้าบริพารมากมาย คนเหล่านั้นแต่งกายคล้ายกัน ใส่ชุดจีนโบราณอย่างขุนนางในสมัยโบราณ ใส่หมวกทรงสูง และที่ติดตัวทุกคนอยู่ก็คือกล่องที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์รักษาแบบแปลกๆ ไม่มีเครื่องวัดความดัน หรืออะไรที่เธอคุ้นเคยเหมือนในโลกที่จากมา ท่านเทพ(หรือเปล่า) เหล่านั้น ผลัดกันตรวจชีพจรให้ พอตรวจเสร็จก็พากันถอยออกไป แต่ทุกครั้งที่จะตรวจทุกคนก็จะพูดกับเธอก่อนว่า
"ขออนุญาตพ่ะย่ะค่ะองค์หญิง"
คนเหล่านั้นที่ ซินซีเริ่มเดาได้แล้วว่าคงเป็นหมอ ทุกคนเรียกเธอว่า
‘องค์หญิง’
'นี่มันเรื่องอะไรกันซินซีงง'
เมื่อหมอพากันตรวจเธอครบทุกคนแล้ว เง็กเซียนผู้นั้นก็เดินมานั่งลงที่เตียงที่เธอนอนอยู่ พอได้อยู่ใกล้กันขนาดนี้แล้ว ซินซียิ่งเห็นรังสีแห่งความสว่างไสวจนรู้สึกแสบตา ความน่าเกรงขาม อำนาจ บารมีทำให้ตัวสั่นน้อยๆ ถ้าทำได้เธอไม่อยากอยู่ใกล้คนผู้นี้เลย ใกล้เขาแล้วรู้สึกคล้ายโดนกดดันจนหายใจไม่ออกให้ความรู้สึกว่าตนเป็นมดปลวกไร้ค่า เมื่ออยู่ใกล้ๆเทพผู้นี้ แต่ดูเหมือน เทพผู้นี้จะไม่รู้สึกตัวสักนิด เขาเอื้อมมือมาจับมือเธอไปกุมไว้ พลางเอ่ยพูดกับเธออย่างอ่อนโยนแต่คำพูดของเขานั้นทำให้ซินซีรู้สึกตกตะลึง
"ซีเอ๋อร์ พี่รู้สึกดีใจนัก ที่องค์หญิงน้อยของพี่ตื่นขึ้นมา พี่ได้บนบานศาลกล่าวว่า หากเจ้ารอดจากความตายได้ พี่จะรีบจัดงานแต่งเจ้าให้เร็วที่สุด เจ้าดีใจหรือไม่ซีเอ๋อร์?"
"ห๊า~ งานแต่งใครนะ?!"
ซินซีร้องถามอย่างตกใจ สลัดเรื่องที่ถูกเรียกว่า'องค์หญิง'ทิ้งไปก่อน ตอนนี้มีเรื่องที่น่าตกใจกว่า
'แต่งงาน งานใคร ใครแต่ง และที่สำคัญสุด ฉัน อยู่ที่หนายยยย'
องค์เทพ (ที่เริ่มไม่ใช่) ขมวดคิ้วกับสำเนียงพูดของพระขนิษฐา และตกใจยิ่งกว่าคือเสียงร้องที่ เซวี่ยซินซี ไม่เคยแสดงออกมามันคืออะไร? แต่ถึงยังไง เขาก็ยังตอบออกไปด้วยโทนเสียงนุ่มนวลดังปกติ
"ก็งานแต่งน้องกับท่านแม่ทัพซางเริ่นอย่างไรเล่า”
“ห๊าาา~~”
‘นี่มันเกิดอะไรกัน ตื่นมาอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ และจากที่ดูแล้วคงไม่ใช่บนสวรรค์แน่ๆแล้วที่นี่มันที่ไหน แล้วยังต้องแต่งงานกับใครไม่รู้อีกแล้วนี่มันร่างใครเนี่ย?’
ซินซีรู้สึกสับสนไปหมด คำถามมากมายวนเวียนอยู่ในหัว รู้สึกปวดหัวจนต้องยกมือขึ้นกุมขมับ และเมื่อทำอะไรไม่ได้ และมันเกินลิมิตที่สติเธอจะรับได้แล้ว ซินซีจึงกรี๊ดร้องออกมาอย่างไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นตอนนี้
เธอ-สติ-แตก!
"กรี๊ดดดดด!!"
ผ่านไปสักพักใหญ่ ซินซีหยุดกรี๊ด เธอไล่ผู้ชายที่ไม่รู้จักออกจากห้องตั้งแต่เธอกรี๊ดแล้ว คนคนนั้นตกใจมาก จะเข้ามาปลอบแต่ซินซีไม่สนใจ เธอกรี๊ดและไล่เขาออกไป เมื่อสติกลับมาแล้ว ซินซีปรับอารมณ์ตัวเองให้เย็นลง พยายามไล่เลียงความคิด พร้อมกับมองไปรอบๆด้วย
ภายในห้องตกแต่งอย่างหรูหราอลังการ งดงามวิจิตรยิ่งเกินห้องของคนปกติ ห้องก็กว้างขวางอย่างมาก กว้างราวกับ บ้านชั้นเดียวหลังหนึ่งได้เลยทีเดียว ซินซีค่อยๆก้าวลงจากเตียง ก่อนจะรู้สึกถึงสิ่งผิดปกติ พอก้มลง ก็เห็นเป็นผมที่ยาวละพื้น อย่างกับราพันเชล ถ้าผมเป็นสีทองนี่ใช่เลย ซินซีเลิกสนใจผมอันยาวของตน เธออยากเห็นตัวเองเต็มแก่แล้วมากกว่า จึงพยายามเดินไปที่กระจกทรงยาว แต่พอก้าวเท่านั้น ก็รู้สึกถึงความสูงตนลดลงไปหลายส่วน นี่ไม่ได้คิดเองนะมันรู้สึกแบบนั้นจริงๆ
"Oh my god!. ฉันต้องการกระจกอย่างเร่งด่วน"
ซินซีจัดการรวบผมอันยาวมาถือไว้ในมือรีบก้าวเร็วๆไปที่กระจก
กระจกที่สะท้อนเงาเธออยู่นั้นเป็นสีเหลืองๆไม่ชัดเจนใสกระจ่างเท่าที่เคยส่อง แต่ก็พอให้เห็นหน้าตาได้ พอได้เห็นตัวเองที่ทอดเงาอยู่ในกระจกก็ถึงกับตกใจ ผู้หญิงคนนี้เหมือนเธออยู่หลายส่วน แต่ดูอ่อนหวานกว่า บอบบางกว่า แถมไอ้ผิวสีขาวอย่างกับมองทะลุได้นี่มันคืออะไร เด็กผู้หญิงคนนี้ หน้าตาท่าทาง น่าจะอายุราวๆ 16,17 ไม่เกินกว่านั้น เธอดูสดใส บอบบางงดงามดั่งดอกไม้ แตกต่างจากซินซี เธอส่องกระจกตัวเองอยู่ทุกวัน ย่อมรู้ดีว่า เด็กสาวผู้นี้ ไม่ใช่เธอ ถึงแม้หน้าตาจะถอดแบบเดียวกันมาก็ตาม
'แล้วนี่ฉันอยู่ที่ไหนในร่างใครล่ะเนี่ย?!!"