บทที่ 3 กลางป่าลึก
บทที่ 3 กลางป่าลึก
มู่หลันฮวาหันไปถลึงตามองเหยาเว่ย แต่เหยาเว่ยกลับทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ปากก็พร่ำพูดต่อไปไม่ยอมหยุดหย่อน
"เช่นนั้นเราต้องส่งคนไปให้เทพเจ้างูกินเช่นนั้นหรือ?"
"เจ้าค่ะ"
"ไม่ได้!!! ข้าได้ยินมาว่าท่านมิกินมนุษย์!!!"
เหล่าชาวบ้านที่ได้ยินการสนทนาระหว่างเหยาเว่ยและเถ้าแก่ ก็รีบเข้ามาสมทบทันที
"เช่นนั้นก็ส่งนางไปเป็นทาสรับใช้ท่านก็ได้"
"หากท่านอยากกินนางขึ้นมาเล่า"
"ก็ถือว่าเป็นเวรกรรมของนางเถิด"
เหยาเว่ยยกยิ้มมุมปากด้วยความพึงพอใจที่สามารถยุยงชาวบ้านได้สำเร็จ มู่หลันฮวาไม่อยากจะสนใจสิ่งใดอีก นางจึงเดินกลับจวนไปเสีย ระหว่างทางก็ไม่ลืมที่จะแวะซื้อหมั่นโถวติดมือไปให้ท่านพ่อของนางด้วย
แม้ว่าบิดาจะติดเหล้าติดการพนัน แต่ก็รักนาง ทุกครั้งที่ได้เงินมาก็มักจะซื้อของกินอร่อย ๆ มาให้นาง นางเองก็รู้สึกว่าบิดาคนนี้ก็ดีมิใช่น้อย
หากมิติดการพนัน บิดาของนางคงจะเป็นผู้เป็นคนมากกว่านี้
"อาหลันของพ่อ เจ้ากลับมาแล้ว ดูสิพ่อมีสิ่งใดติดมือมาด้วย สุราดอกท้ออย่างดี!!!"
มู่หลัวที่เห็นบุตรสาวเดินเข้ามาก็รีบยกจอกเหล้าขึ้นมาทักทายทันที มู่หลันฮวายกยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะเข้าไปยกจอกสุราที่บิดารินให้ขึ้นมาดื่มจนหมด
รสชาติเยี่ยม!!!
ในเมื่อบอกบิดาให้เลิกดื่มไม่ได้เช่นนั้นก็ดื่มเป็นเพื่อนบิดาเสีย!!!
เพราะนางก็ชอบสุราเช่นกัน
ฮ่าาาาาาา
"ข้าซื้อหมั่นโถวมาฝากท่านพ่อด้วยเจ้าค่ะ"
"ดีดี"
เหยาเว่ยจ้องมองสองพ่อลูกด้วยแววตาที่เกลียดชัง ทุกวันนี้นางต้องทำงานหาเงินมาให้สามีชั่วช้ากินเหล้าเล่นการพนัน แล้วนี่อะไร!!! จู่ ๆ มู่หลันฮวาเกิดเป็นบ้าอันใดขึ้นมา จึงมานั่งดื่มสุราเช่นเดียวกับบิดาไปอีกคน
"เหยาเว่ย กับแกล้มของข้าเล่า!!!"
"ได้แล้วเจ้าค่ะท่านพี่!!!"
เหยาเว่ยรีบยกผักกาดดองที่นางหมักเองไปให้สามี มู่หลันฮวาที่เห็นเช่นนั้น ก็ยกจอกเหล้าขึ้นดื่มแล้วจึงคีบผักกาดดองเข้าปาก ก่อนจะพ่นมันใส่หน้าเหยาเว่ยจนใบหน้านางเปียกชุ่มไปหมด
"หลันฮวา!!!"
"อุ๊ยท่านแม่!!! ขออภัยเจ้าค่ะ ผักกาดดองนี่มันเค็มยิ่งนัก ลูกกลืนไม่ไหวจริง ๆ เจ้าค่ะ!!!"
เหยาเว่ยกัดฟันกรอด ก่อนจะเดินเข้าไปล้างหน้าล้างตาในครัว
หลายวันต่อมา เหล่าชาวบ้านต่างหารือกัน ว่าจะหาหญิงสาวที่มีคุณสมบัติครบตามที่เหยาเว่ยบอก นำไปบูชาแก่เทพเจ้าปีศาจงู
มู่หลันฮวารู้สึกว่าอีแปะที่มีเริ่มน้อยลง นางคงต้องตัดใจเดินขึ้นไปตัดฟืนบนหุบเขาเสียแล้ว เมื่อคิดได้เช่นนั้นนางก็ไม่รอช้า รีบเตรียมตัวเดินทางไปบนหุบเขาทันที
สองข้างทางที่แห้งแล้ง เมื่อเข้าสู่เขตหุบเขา ในตอนนี้ได้กลายเป็นป่าไม้สีเขียวชอุ่มที่อุดมสมบูรณ์ ต้นไม้นานาพรรณมากมายต่างยืนต้นเรียงรายกันอย่างหนาตา ยิ่งเดินเข้าไปในป่าลึกอากาศก็เริ่มเย็นลง เพราะต้นไม้ที่ขึ้นซ้อนทับกัน ทำให้รอบข้างดูอึมครึมอย่างน่ากลัว
มู่หลันฮวามองซ้ายขวา ยามนี้นางเดินเข้ามาไกลมากแล้ว เมื่อเห็นเช่นนั้นจึงรีบจัดการตัดต้นไม้ที่ไม่ใหญ่มากนักสองถึงสามต้นมามัดและแบกไว้ที่ด้านหลัง เพราะท้องฟ้าถูกปกคลุมไปด้วยต้นไม้รกทึบ ทำให้นางไม่อาจรู้ได้เลยว่าเวลาเคลื่อนไปถึงยามใดแล้ว
มู่หลันฮวารู้สึกเหน็ดเหนื่อยยิ่งนัก นางจึงทิ้งตัวนั่งลงที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ก่อนจะผล็อยหลับไป นางมารู้สึกตัวอีกคราก็เมื่อได้ยินเสียงเสียงหนึ่งดังอยู่ใกล้ ๆ กับที่นางนอนอยู่
ฟ่อ
มู่หลันฮวารีบหันไปมอง ก่อนจะพบกับงูน้อยสีขาวนวลราวกับไข่มุก กำลังพันตัวอยู่บนกิ่งไม้ ซึ่งนางจะมิรู้สึกอะไรเลยถ้าหากงูตัวนั้นมิได้กำลังจ้องมองมายังนางอย่างใคร่รู้
หลี่เย่ออกมารับลมเย็น ๆ อย่างเช่นที่เขาเคยทำมาทุกวัน แต่ทว่าเขากลับได้พบกับสตรีน้อยนางหนึ่งที่มานอนหลับอยู่ใต้ต้นไม้
ด้วยความสงสัยเขาจึงแวะดูนางเสียหน่อย แต่คาดไม่ถึงว่านางจะตื่นขึ้นมาเสียก่อน
มู่หลันฮวาหันไปมองงูน้อยสีขาว ก่อนจะยกยิ้มด้วยความสุขใจ เจ้างูขาวน้อยที่มีดวงตาสีแดงเหมือนทับทิมประกายมรกต ช่างดูน่ารักน่าชังยิ่งนัก
นางคลุกคลีอยู่กับสัตว์มามากมายเสียจนเคยชิน และไม่กลัวเลยแม้แต่น้อย
"เจ้างูน้อย เจ้าช่างงามยิ่งนัก ขอข้าจับหน่อยเถิด"
'อะ!!! สตรีนางนี้ ช่างบังอาจยิ่งนัก!!!'
ฟ่อฟ่อ
หลี่เย่ส่งเสียงขู่คำรามใส่นาง แต่มู่หลันฮวากลับไม่เกรงกลัวเขาเลยแม้แต่น้อย มือเรียวสวยลูบไล้ไปบนเกล็ดสีขาวนวลงามตาชวนมองบนร่างของหลี่เย่ นางมิเคยสัมผัสอสรพิษใดที่มีเกล็ดกายงดงามเช่นนี้มาก่อน
หลี่เย่ลอบสบถในใจ นานแล้วที่เขามิได้อยู่ใกล้ชิดสตรีเช่นนี้
กลิ่นสุราอ่อน ๆ บนกายนางช่างหอมเย้ายวนใจเขายิ่งนัก
ช่างสิ!!! ชาตินี้เขาจะรักแต่มู่เหลียนฮวาเท่านั้น!!!
"เจ้างูน้อย"
'เรียกทำไมหนักหนากัน!!!'
มู่หลันฮวาหยอกล้อหลี่เย่อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะปล่อยเขาไว้ที่เดิม นางแบกฟืนขึ้นหลัง ก่อนจะหันมาส่งยิ้มให้เขาอีกครั้งและเดินจากไป
หลี่เย่รู้สึกราวกับฝันไป รอยยิ้มของนางคล้ายกับมู่เหลี่ยนฮวายิ่งนัก!
มู่หลันฮวาเดินอยู่นานนางก็ไม่พบกับทางออกเสียที จนนางเริ่มเหนื่อยล้า ในใจเริ่มตื่นตระหนกไม่น้อย นี่นางกำลังหลงป่าเช่นนั้นหรือ
ยามแล้วยามเล่า นางก็ยังหาทางออกไม่เจอ จนท้องฟ้าเริ่มมืดลงทุกขณะ เห็นทีว่านางคงจะออกจากป่ามิได้เสียแล้ว จึงทิ้งตัวนั่งหลบอยู่ที่พุ่มไม้ใหญ่และผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า โชคดีที่นางนำน้ำและเสบียงติดตัวมาด้วย มิเช่นนั้นคงได้อดตายในป่าลึกเช่นนี้เป็นแน่
หลี่เย่แอบติดตามนางอย่างห่าง ๆ เมื่อได้เห็นว่านางเหนื่อยล้าและหลงป่าจนเผลอหลับไป เขาก็รู้สึกเวทนานางไม่น้อย
ยามนี้พระจันทร์เต็มดวงแล้ว มันส่งแสงนวลผ่องสว่างเจิดจ้า สาดส่องลงมาที่ร่างของเขา
หลี่เย่ในตอนนี้ได้กลายร่างเป็นมนุษย์อย่างเต็มตัว เขาสวมชุดสีขาว ทรงผมที่มัดรวบขึ้นคล้ายกับคุณชายในเมืองหลวง ดวงตาสีดำคมกริบกำลังจ้องมองมู่หลันฮวาอย่างไม่ละสายตา
ฟ่อฟ่อ
เขาปรายตามองงูเห่าตัวหนึ่งที่เลื้อยเข้ามาหวังจะทำร้ายนาง หลี่เย่สะบัดมือเพียงครั้งเดียว ร่างของงูตัวนั้นก็ลอยละลิ่วหายไปทันที
เหตุใดนางจึงไม่กลับไปเสียที หลงป่าหรือ?
หลี่เย่ค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้นาง ก่อนจะย่อกายนั่งลงจ้องมองนางอย่างพิจารณา เขาเองก็ไม่เข้าใจตนเองเช่นกันว่าเหตุใดจึงต้องตามนางมา แต่เพราะว่านางมีแรงดึงดูดบางอย่างที่เขาเองก็บอกไม่ถูก
ในขณะที่หลี่เย่กำลังจ้องมองมู่หลันฮวาอยู่นั้น นางก็ลืมตาขึ้นมา
ดวงตาของทั้งคู่จ้องมองกันอย่างไม่ลดละ
หล่อจัง!!!