บทที่ 4 ภาพวาด
บทที่ 4 ภาพวาด
หลี่ซูฮวากลับมาที่เรือนปีกซ้ายด้วยความรู้สึกพอใจเป็นอย่างยิ่ง การได้ลงไม้ลงมือกับแม่ครัว ทำให้นางรู้สึกโล่งสบายใจยิ่งนัก
รุ่งเช้าวันต่อมา หลี่ซูฮวาตื่นขึ้นมาแต่เช้า นางเดินไปที่สวนท้ายจวนเพื่อยืดเส้นยืดสายให้ร่างกายเข้าที่เข้าทางเสียหน่อย ร่างกายนี้อ่อนแอบอบบางเกินไป โชคดีที่นางค่อย ๆ ปรับสภาพได้ และหมั่นฝึกฝนออกกำลังกายบ่อย ๆ ร่างนี้จึงแข็งแรงขึ้นมากกว่าแต่ก่อน
เมื่อกลับมาถึงก็พบกับอาหารชุดใหญ่ที่ห้องครัวส่งมาให้ ทั้งเนื้อตุ๋น โจ๊กที่ข้นจนเห็นเม็ดข้าว อีกทั้งยังมีผักสดอีกมากมาย หลี่ซูฮวาที่ได้เห็นเช่นนั้นก็รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก
หึ!!! ไม่ทุบไม่ตีไม่ดีขึ้นเลยสินะ!!!
หลังจากอาบน้ำและผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าอาภรณ์เรียบร้อย คนของเรือนใหญ่ก็มาแจ้งแก่นางว่าให้รีบไปที่เรือนใหญ่ทันที หลี่ซูฮวาถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะค่อย ๆ เดินไปที่เรือนใหญ่อย่างไม่รีบไม่ร้อน
เมื่อนางมาถึงก็ได้ยินเสียงหัวเราะของบุรุษดังแว่วออกมาจากในเรือนใหญ่ ผสมผสานกับเสียงสตรีน้อยนางหนึ่งที่ใสกังวานราวกับระฆังใบใหญ่ เมื่อหลี่ซูฮวาเดินเข้าไปข้างใน ผู้คนที่กำลังนั่งจิบชากันอยู่ที่ห้องโถงกลางเรือนก็พลันมีสีหน้าเรียบเฉยขึ้นมาทันที
"ซูฮวา มาแล้วหรือ มานั่งข้าง ๆ ปู่นี่มา"
"เจ้าค่ะ"
หลี่กวงเว่ยเอ่ยขึ้นมาก่อน ด้วยเพราะเป็นห่วงความรู้สึกของหลี่ซูฮวา วันนี้ชินอ๋องนำของหมั้นมามอบให้หลี่ชิงเยียนถึงในจวน และยังจะมาขอถอนหมั้นกับหลี่ซูฮวาอีก เขาเองก็ไม่อยากก้าวก่ายเรื่องนี้มากเท่าใดนัก
หลี่ซูฮวาเดินเข้าไปทิ้งกายนั่งข้างหลี่กวงเว่ยด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย นางปรายตามองบุรุษที่นั่งอยู่ตรงหน้าเพียงเล็กน้อย ใบหน้าหล่อคมเข้ม ดวงตาที่ดูเย็นชาคู่นั้น จ้องมองมาที่นางอย่างไม่ใส่ใจ
ชินอ๋อง เสิ่นเทียนเหยา
เขาเป็นอดีตคู่หมั้นของนาง ด้วยเพราะฮ่องเต้ทรงโปรดปรานท่านปู่เป็นอย่างยิ่ง จึงอยากเกี่ยวดองเป็นญาติกัน และได้หมั้นหมายนางกับเสิ่นเทียนเหยาปากเปล่าเอาไว้ ไม่ได้มีราชโองการใดใดเลยด้วยซ้ำ นี่จึงทำให้เสิ่นเทียนเหยาลำพองใจนึกอยากจะถอนหมั้นกับนางเมื่อใดก็ย่อมได้
เหอะ!!! ใครสนกันเล่า นางก็ไม่ได้อยากเป็นชายาของเขาเสียหน่อย
หลี่ซูฮวาละสายตาไปจากเสิ่นเทียนเหยา ก่อนจะสบสายตากับหลี่ชิงเยียน น้องสาวต่างมารดา หลี่ชิงเยียนส่งสายตาดูแคลนและเย้ยหยันมาให้หลี่ซูฮวาอย่างไม่ปิดบัง หึ!!! ท่านอ๋องรักนาง ไม่มีวันรักพี่สาวต่ำช้าของนางอยู่แล้ว ช่างน่าสมเพชยิ่งนัก!!!
เสิ่นเทียนเหยาที่ได้เห็นใบหน้าสวยหวานของหลี่ซูฮวาไร้ซึ่งความรู้สึกใดใดก็ขมวดคิ้วมุ่น แต่ไหนแต่ไรมานางเอาแต่ส่งสายตายั่วยวนให้แก่เขา แต่เพราะนางอ่อนแอขี้โรคอีกทั้งยังโง่เขลา เขาจึงไม่สนใจนาง
แต่เหตุใดวันนี้นางจึงดูงดงามกว่าปกติกันเล่า?
ฮูหยินใหญ่ที่เห็นว่าหลี่ซูฮวามาถึงแล้ว จึงรีบเอ่ยปากขึ้นมาทันที
"ทูลท่านอ๋อง วันนี้หม่อมฉันขอบพระทัยท่านอ๋องยิ่งนักเพคะ ที่ทรงเมตตาหลี่ชิงเยียน"
เสิ่นเทียนเหยาพยักหน้าเล็กน้อย พร้อมกับยิ้มให้ฮูหยินใหญ่อย่างไม่ถือตน
"เท่านี้ยังน้อยไปด้วยซ้ำสำหรับชิงเยียน นางเป็นสตรีที่งดงามเพียบพร้อม อีกทั้งยังเก่งกาจรอบด้าน สตรีเช่นนี้ข้าคงมิอาจปล่อยให้หลุดมือไปได้"
หลี่ชิงเยียนที่ได้ยินเช่นนั้นก็ก้มหน้างุดด้วยความเขินอาย หลี่ซูฮวาที่นั่งดูเหตุการณ์ทั้งหมดนั้นกำลังลอบบิดเบ้มุมปากอย่างดูแคลน
"หวังว่าท่านราชครูคงจะเข้าใจใช่หรือไม่ หากข้าจะขอรับชิงเยียนเป็นชายาเอก"
"กระหม่อมเข้าใจดีพ่ะย่ะค่ะ"
เสิ่นเทียนเหยาที่ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ ก่อนจะหันไปมองหลี่ซูฮวาอีกครา อยู่ ๆ ในใจของเขาก็รู้สึกคันยุบยิบขึ้นมา ยิ่งได้เห็นใบหน้าของนางที่ดูงดงามกว่าแต่ก่อน ใจของเขาก็รู้สึกสั่นสะท้านเกินจะทานทน
"ส่วนเจ้าซูฮวา หากเจ้าไร้ที่พึ่ง ข้ายินดีรับเจ้าไปเป็นอนุของข้า"
หลี่กวงเว่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันที นี่มิเท่ากับดูถูกหลานสาวของเขาหรอกหรือ เขาหันไปมองหลี่ซูฮวาคราหนึ่ง แต่ทว่านางกลับมีใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส ราวกับมิได้ใส่ใจเรื่องใดเลยแม้แต่น้อย
"ขอบพระทัยท่านอ๋องที่ทรงเมตตา แต่หม่อมฉันไม่อยากเป็นอนุของผู้ใดเพคะ หม่อมฉันยินดีเป็นสตรีแก่อยู่ในเรือน ดีกว่าต้องใช้ชีวิตร่วมกับบุรุษใจหยาบเพคะ ท่านปู่หากไม่มีสิ่งใดแล้ว หลานขอตัวก่อนนะเจ้าคะ"
ไม่รอคำตอบ นางก็ลุกขึ้นเดินออกจากเรือนใหญ่ทันที เสิ่นเทียนเหยากัดฟันกรอด นี่นางกล้าปฏิเสธเขาเชียวหรือ เขาเป็นถึงท่านอ๋องผู้สูงศักดิ์ แต่นางกลับกล้าฉีกหน้าเขา!!!
เมื่อไฟโทสะปะทุ เสิ่นเทียนเหยาจึงก้าวเดินตามนางไปทันที โดยไม่สนใจหลี่ชิงเยียนอีก
"หยุดเดี๋ยวนี้!!! ซูฮวา"
หลี่ซูฮวาที่ได้ยินเช่นนั้น จึงหันกลับไปมองเสิ่นเทียนเหยาด้วยสายตาดูแคลนอย่างไม่ปิดบัง
"มีสิ่งใดหรือเพคะ?"
"เจ้าอย่าเล่นตัวไปหน่อยเลย สตรีเช่นเจ้าข้ากล้าพนันว่าไม่มีบุรุษใดคิดเอาไปทำภรรยา!!!"
"แล้วอย่างไรเล่าเพคะ?"
"หึ!!! แต่งเป็นอนุของข้าซะ แม้จะไม่ได้เป็นภรรยาเอก แต่ข้าก็จะไม่ยอมให้เจ้าอดอยาก อย่างไรเสียข้าจะแวะเวียนไปหลับนอนกับเจ้าบ้าง เจ้าคงจะพอใจ"
เสิ่นเทียนเหยาต่อว่าหลี่ซูฮวาด้วยน้ำเสียงที่ดูถูกดูแคลนเป็นอย่างยิ่ง หลี่ซูฮวายกยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก ก่อนจะจ้องมองเสิ่นเทียนเหยาอย่างรังเกียจ
"หม่อมฉันไม่อยากเสียเวลาทะเลาะกับคนบ้าเพคะ ขอทูลลา อ้อ อีกอย่าง เราสองคนไม่ได้เป็นคู่หมั้นกันแล้ว ขอพระองค์ทรงให้เกียรติหม่อมฉันด้วยนะเพคะ"
หลี่ซูฮวาเอ่ยเพียงเท่านั้น ก่อนจะเดินกลับไปที่เรือนปีกซ้ายตามเดิม ยามนี้นางยังมีงานที่ต้องสะสางอีกมากมาย นั่นคือนางต้องส่งภาพวาดร่วมรักให้แก่ร้านหนังสือสราญรมย์
หลี่ซูฮวามีความสามารถพิเศษคือการวาดรูป เท่าที่นางศึกษาภาพวาดจากร้านหนังสือร้านนั้นมาก็ไม่ได้ถือว่าโดดเด่นมากเท่าใดนัก ออกจะเป็นท่วงท่าเดิม ๆ เสียมากกว่า หึ!!! นางจะต้องเพิ่มลูกเล่นเข้าไปอีกนิด เมื่อคิดได้เช่นนั้นนางจึงจัดการวาดภาพเหล่านั้นทันที
ตกดึกหลี่ซูฮวาก็แต่งกายเป็นชายนางปกปิดใบหน้าอย่างมิดชิดก่อนจะออกไปจากจวนตระกูลหลี่ นางมีนัดหมายกับเถ้าแก่ร้านสราญรมย์ ร้านหนังสือร่วมรักที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในต้าเฉวียน นางลองนำภาพวาดไปให้เขาดูคราก่อน เถ้าแก่ร้านเอ่ยปากชมว่าเป็นภาพวาดที่งดงาม ท่วงท่าก็เร่าร้อนเสียจนทนไม่ไหว นางต้องนัดหมายส่งสินค้าในตอนดึก เพราะตอนกลางวันนางไม่สะดวกเท่าใดนัก
เมื่อมาถึงที่ร้านสราญรมย์ หลี่ซูฮวาก็นำหนังสือเกือบร้อยเล่มมามอบให้กับเถ้าแก่ร้านทันที
"โอ้วว นายน้อยท่านมาแล้วหรือ"
"อืม นี่เป็นหนังสือต้นฉบับร้อยแปดกระบวนท่า ข้าขายให้ท่านทั้งหมด"
หลี่ซูฮวาแกล้งดัดเสียงเป็นบุรุษได้อย่างไร้พิรุธ เถ้าแก่ค่อย ๆ รับสมุดภาพวาดเหล่านั้นมาเปิดดู ก่อนจะเบิกตากว้างด้วยความพึงพอใจ
ไอหยา!!! ดูกลีบบุปผาสองกลีบนั่นสิ ช่างเหมือนจริงยิ่งนัก
"พอใจหรือไม่?"
"วันนี้มีแค่นี้หรือ?"
"เกือบร้อยเล่มเชียวนะเถ้าแก่ ข้าใช้เวลาวาดตั้งหลายวันเชียวละ มากกว่านี้ข้าคงวาดให้ท่านไม่ทัน"
"นายน้อยจะคิดเท่าใด?"
"หนึ่งหมื่นตำลึงขาดตัว"
"ไอหยา!!! มันจะไม่มากไปหรือ?"
"ข้ารับรองว่าท่านจะขายได้เยอะเสียจนต้อนรับลูกค้าไม่ทันเชียวละ"
"จริงหรือ?"
"จ่ายมา มิเช่นนั้นข้าคงต้องนำไปขายที่ร้านอื่น"
"ไม่ได้!!! หนึ่งหมื่นตำลึงข้าก็ยอมจ่าย รอข้าสักครู่"
หลี่ซูฮวาพยักหน้าเล็กน้อย ไม่นานนักเถ้าแก่ร้านก็นำตั๋วเงินหนึ่งหมื่นตำลึงมามอบให้กับนาง หลี่ซูฮวายื่นมือไปรับตั๋วเงินเหล่านั้นมาเก็บเอาไว้ด้วยความยินดี
"นายน้อย หากมีลูกค้าถามว่าใครเป็นนักวาด จะให้ข้าบอกพวกเขาเช่นไร?"
"บอกว่าข้าคือนักวาดเงามืดก็พอ"
"นายน้อย สนใจค้าขายกับข้าหรือไม่ ท่านนำภาพวาดใหม่ ๆ มา ข้าก็จะแบ่งให้ท่านเล็ก ๆ น้อย ๆ"
"ครึ่งหนึ่งของยอดขาย!!!"
"ไอหยา!!!"
"ไม่รับปากข้าก็ไม่นำภาพวาดมาส่งให้เจ้า เฮ้อ ฝีมืออย่างข้า หากไปร้านอื่นก็จะต้องขายได้มากกว่าร้านเจ้าเป็นแน่"
เถ้าแก่ร้านมีสีหน้าครุ่นคิดคราหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย
"ตกลง"
"ดี ไว้ข้าจะมาส่งภาพวาดอีก"
หลี่ซูฮวาเอ่ยเพียงเท่านั้นก่อนจะรีบกลับจวนตระกูลหลี่ทันที
รุ่งเช้าก็มีข่าวลือหนาหูว่าร้านสราญรมย์มีภาพวาดร่วมรักออกใหม่ ท่วงท่าเร่าร้อน ผู้คนต่างพากันไปแย่งซื้อเพื่อนำกลับไปลองทำกับภรรยาของตนที่จวน
จ้าวเฉินอวี้ไม่ได้ใส่ใจเท่าใดนัก ต้าเฉวียนค่อนข้างเปิดกว้างในเรื่องเช่นนี้มานานแล้ว เขาจึงปิดตาข้างหนึ่งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น แต่หากมีบางสิ่งที่มากเกินไป หรือทำให้เกิดเหตุลวนลามเอาเปรียบสตรีเรื่องนั้นเขาก็ไม่มีทางยอมให้เกิดขึ้นเช่นกัน
จ้าวเฉินอวี้เดินเข้าไปในร้านสราญรมย์ เพื่อซื้อหนังสือที่หลี่ซูฮวาเป็นคนวาดมาเล่มหนึ่ง ก่อนจะมุ่งหน้ากลับจวนตระกูลจ้าวทันที
เมื่อกลับมาถึงจวนตระกูลจ้าว เขาก็รีบเปิดหนังสือเล่มนั้นดูอย่างไม่รอช้า อยากจะรู้ยิ่งนักว่ามีอะไรดีมากมายกัน ผู้คนถึงแย่งชิงกันซื้อขนาดนั้น
แต่ทว่าเมื่อเขาเปิดดูก็ถึงกับต้องตกตะลึง
เหตุใดจึงงดงามเช่นนี้เล่า ใครเป็นคนวาดกัน!!! ช่างเหมือนกับคนจริงไม่มีผิด ฝีมือเยี่ยมยอดไม่เบา อีกทั้งท่วงท่าก็ยังแปลกใหม่ แล้วยังมีบางท่าที่เขาไม่เคยเห็นอีกด้วย
จ้าวเฉินอวี้กวาดตามองภาพวาดเหล่านั้นภาพแล้วภาพเล่า จนกระทั่งมาถึงภาพหนึ่ง ที่มีสตรีน้อยนางหนึ่งที่เรือนกายไร้ซึ่งอาภรณ์ใดใดปกปิด กำลังอ้าเรียวขางามออกจนกว้าง เผยให้เห็นกลีบกุหลาบสวยสองกลีบที่ชวนมอง
ฉับพลันจ้าวเฉินอวี้ก็คิดถึงบั้นท้ายของหลี่ซูฮวาขึ้นมา
บั้นท้ายของนางใหญ่มากช่างเย้ายวนเหลือเกิน บั้นท้ายยังขนาดนี้ กลีบ...จะขนาดไหน!!! จะเหมือนในภาพวาดหรือไม่?
ให้ตายเถอะเขาจะทนไม่ไหวแล้ว!!!
เมื่อคิดได้เช่นนั้นจ้าวเฉินอวี้จึงลุกขึ้นถอดเสื้อผ้าออกจนหมด มือหนาใหญ่เลื่อนไปกอบกุมและสาวชักลำแท่งเอ็นร้อนของตนอย่างถี่ระรัว ปากก็ส่งเสียงครวญครางอย่างไม่ขาดสาย
"ซูฮวา ซี้ดดดด"
ยิ่งคิดถึงใบหน้างดงามราวนางสวรรค์ของนาง จ้าวเฉินอวี้ก็รู้สึกหลงใหลเป็นอย่างมาก ตั้งแต่วันที่ได้พบนาง เขาก็ทำเช่นนี้แทบทุกวัน เขาไม่เคยหลงใหลเพ้อฝันถึงสตรีใดมาก่อนจนได้มาพบเจอกับนาง เหตุใดเขาจึงหลงใหลนางถึงเพียงนี้!!!
"โอ้ววว ซูฮวาาา ข้าไม่ไหวแล้ว อื้อออ!!!"
เขาเร่งจังหวะมือให้เร็วแรงมากยิ่งขึ้น ปากก็ร่ำร้องเรียกนางมิหยุดหย่อน ไม่นานนักน้ำรักก็พุ่งกระฉูดออกมาจากลำแท่งแก่นกายขนาดใหญ่ยาวของเขา จนเลอะเทอะเต็มพื้นไปหมด
ท่านแม่ทัพจ้าวผู้เป็นบิดาที่เพิ่งกลับมาถึงจวน กำลังมุ่งหน้ามาที่เรือนของบุตรชายคนโต แต่เมื่อเข้ามาถึงเขากลับได้ยินเสียงร้องโหยหวนปานจะขาดใจของจ้าวเฉินอวี้ ก่อนจะต้องขมวดคิ้วมุ่น พลางลอบก่นด่าบุตรชายในใจ
บัดซบ!!! มันชักอีกแล้วลูกเวร!!!
เขารอจนกระทั่งเสียงเงียบลง จึงถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปทันที ภาพตรงหน้าทำให้เขาถึงกับทำหน้าไม่ถูก!!!
มารดามันเถอะ!!! ยาวกว่าเขาสมัยหนุ่ม ๆ เสียอีก
จ้าวเฉินอวี้ที่เห็นว่าผู้เป็นบิดาเข้ามาก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจเท่าใดนัก ท่านพ่อก็ช่างวุ่นวายนัก มาตอนเขาทำเช่นนี้ตลอดเลย!!!
"ท่านพ่อ"
"เฉินอวี้ เจ้าไม่เห็นหรือว่ามันเลอะเทอะเพียงใด?"
"อีกเดี๋ยวพ่อบ้านคงจะมาเก็บกวาดขอรับ แต่ท่านพ่อช่วยบอกให้เขารอก่อนนะขอรับ ลูกวางแผนว่าอาจจะชักอีกสักรอบในไม่ช้านี้"
แม่ทัพจ้าว "..."
แม่ทัพจ้าวจ้องมองกล้ามแขนของบุตรชายที่ดูจะใหญ่ขึ้นมาบ้างเล็กน้อย ก็ลอบถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง
"อาเฉิน เจ้าเบา ๆ บ้างเถิด เกิดมันเสียหายก่อนแต่งภรรยาจะทำเช่นไร อย่าคิดว่าข้าไม่รู้นะ พ่อบ้านมาแจ้งข้า ว่าหลายวันมานี้เจ้ามิหยุดพักมือเลย"
จ้าวเฉินอวี้ที่ได้ยินเช่นนั้น ดวงตาคมก็ฉายแววเย็นเยียบ
พ่อบ้านบัดซบ!!! คงจะอยากตายสิท่า!!!
"อาเฉิน"
"ท่านพ่อมาพูดเพียงเรื่องนี้หรือขอรับ ลูกไม่ได้ทำสิ่งใดผิด นี่คือความพอใจของลูก เวลาท่านพ่อแอบไปทำลูกยังไม่เคยว่าสักคำ!!!"
"อาเฉิน!!!"
"ท่านพ่อทำลูกยังไม่ว่า!!!"
"ข้านาน ๆ จะชักสักครา ไม่เหมือนเจ้า!!!"
แม่ทัพจ้าวเพิ่งรู้ตัวว่าตนเองเอ่ยวาจาเลอะเทอะไปเสียแล้ว จึงรีบถลึงตาใส่บุตรชายทันที
ลูกเวร!!!
แต่ก็มีบางช่วงที่ข้าทำถี่ ๆ เช่นกัน
บัดซบ!!! จะมาสนทนาเรื่องการศึก เหตุใดจึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้เล่า