บท
ตั้งค่า

บทที่ 2 สวีหลงเยียนเสียตัว

บทที่ 2 สวีหลงเยียนเสียตัว

รุ่งเช้าวันต่อมา ราชโองการสั่งกักบริเวณเฟิ่งฟางเซียนให้อยู่ในตำหนักเย็นก็ส่งมาถึง เนื้อความมีดังนี้

เฟิ่งผินกระทำการต่ำช้า หวังทำลายพระวรกายฝ่าบาท มีโทษประหารชีวิต แต่เพราะความเมตตาจากฮ่องเต้ จึงสั่งกักบริเวณนางไม่มีกำหนด จบราชโองการ

เฟิ่งฟางเซียนเบ้ปากด้วยความดูแคลน นางยื่นมือไปรับราชโองการฉบับนั้นมาเก็บเอาไว้ หึ!!! ไล่ปากเปล่าก็เข้าใจแล้ว จะประกาศทำไมกัน อยากให้นางขายหน้าหรือไร?

"เฟิ่งผิน โทษอมของสูง มีโทษถึงประหารชีวิตนะพ่ะย่ะค่ะ อย่าคิดทำอีก"

เฟิ่งฟางเซียนขมวดคิ้วมุ่น จ้องมองขันทีด้วยสายตาที่งุนงง

"อมของสูง โทษอะไรข้าไม่เคยได้ยิน"

"กระหม่อมก็มิทราบ ฝ่าบาททรงฝากกระหม่อมให้มาเตือนพระองค์เพียงเท่านี้พ่ะย่ะค่ะ เชิญเสด็จที่ตำหนักเย็นเถิดพ่ะย่ะค่ะ"

เฟิ่งฟางเซียนคร้านที่จะใส่ใจมากนัก นางรีบเก็บข้าวของและไปที่ตำหนักเย็นทันที มีนางกำนัลสูงวัยนามว่าหลิวหลง ที่เรียกกันติดปากว่าหลิวหมัวหมัว นางเป็นนางกำนัลข้างกายของเฟิ่งฟางเซียนที่ถูกส่งมาดูแล และจะคอยติดตามรับใช้เฟิ่งฟางเซียนที่ตำหนักเย็นด้วย

เพราะร่างนี้คือจินตนาการที่นางเป็นคนสร้างขึ้นมา จึงไม่มีความหลังฝังใจหรือสิ่งใดที่อยากแก้แค้นในความคิดเดิมของเฟิ่งฟางเซียน มีเพียงความรู้สึกที่หวาดกลัวและหดหู่จากการถูกทำร้ายจิตใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า

นางจำได้ว่าสวีหลงเยียนเคยกดศีรษะของนางลงไปในสระน้ำ จนนางแทบจะขาดใจตาย เขาทรมานนางทั้งทางร่างกายและจิตใจ

ชั่วช้าจริง ๆ!!! ทำไมถึงเลวกว่าต้นฉบับที่วางเอาไว้!!!

เฟิ่งฟางเซียนเป็นบุตรสาวของภรรยารองอยู่ในเรือน แม้จะเป็นคุณหนูรอง แต่ความเป็นอยู่และการใช้ชีวิตของนางนั้นค่อนข้างลำบากเป็นอย่างยิ่ง นางถูกเฟิ่งชิงฮวากดขี่ข่มเหง และต้องกลายมาเป็นแพะรับบาปในโทษทัณฑ์ที่นางไม่ได้เป็นคนก่อ

ตำหนักเย็น

เฟิ่งฟางเซียนถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เมื่อได้มาพบกับตำหนักเย็นที่แสนจะทรุดโทรม หน้าต่างบานหนึ่งหลุดออกมา ประตูก็ชำรุด ด้านข้างมีแปลงผักโกโรโกโสอยู่สองสามแปลงที่มีหญ้าขึ้นรกทึบ สร้างความอนาถใจแก่นางไม่น้อย

นิยายยังเขียนไม่จบ นางเองก็ยังไม่รู้ว่าตอนต่อไปนางจะต้องพบเจอกับอะไร?

"เฟิ่งผินเพคะ บ่าวจะไปก่อฟืนต้มน้ำให้พระองค์ได้ทรงชำระพระวรกาย อีกเดี๋ยวบ่าวจะจัดการซ่อมหน้าต่างและประตูนะเพคะ"

เฟิ่งฟางเซียนหันไปมองหลิวหมัวหมัวชราก่อนจะถอนหายใจออกมาเล็กน้อย

"ช่วยกันทำเถิด หลิวหมัวหมัวอายุขนาดนี้แล้วยังต้องมาลำบากกับข้าอีก"

"ไม่ลำบากเลยเพคะ หม่อมฉันยินดีรับใช้พระสนมด้วยชีวิต"

หลิวหมัวหมัวมองเฟิ่งฟางเซียนด้วยสายตารักใคร่ นางเอ็นดูสนมน้อยนางนี้ยิ่งนัก เพราะความชั่วช้าของคนอื่น ทำให้นางต้องมารับโทษที่แสนทรมานเช่นนี้ ทุก ๆ คืนนางจะได้ยินเสียงของเฟิ่งฟางเซียนกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว ครั้งแล้วครั้งเล่า ช่างน่าสงสารจับใจ นางเองก็จนปัญญาที่จะช่วยเหลือด้วยเป็นเพียงนางกำนัลผู้ต่ำต้อย

ตำหนักมังกร

"ถวายพระพรฝ่าบาทเพคะ"

"อืม ลุกขึ้นเถิดไม่ต้องมากพิธี หลินกุ้ยเฟย"

สวีหลงเยียนเอ่ยโดยที่ไม่ได้เงยหน้าไปมองนางแม้แต่น้อย หลินกุ้ยเฟย หรือ หลินหลานฮวา เป็นบุตรสาวของท่านเสนาบดีกรมพระคลัง ด้วยความดีความชอบของบิดา ทำให้นางได้เข้าวังมาเป็นกุ้ยเฟย ต่างกับเฟิ่งฟางเซียนที่เป็นถึงบุตรสาวของกรมขุนนาง บิดามีอำนาจมากมาย สามารถสั่งย้ายหรือปลดขุนนางได้ แต่เป็นเพราะเฟิ่งชิงฮวาทำงามหน้าเอาไว้ แทนที่จะได้ขึ้นเป็นฮองเฮากลับทำให้เฟิ่งฟางเซียนเข้าวังมาในตำแหน่งผินเพียงเท่านั้น ทำให้ตอนนี้ดูเหมือนตระกูลหลินจะมีอำนาจมากกว่าตระกูลเฟิ่งเสียอีก

หลินกุ้ยเฟยชำเลืองมองสวีหลงเยียนด้วยแววตารักใคร่ ฝ่าบาทช่างรูปงามและทรงเสน่ห์เหลือล้น เป็นที่หมายปองของสตรีในใต้หล้า

สวีหลงเยียนนั้นเพิ่งจะได้ขึ้นครองราชย์เป็นปีแรกหลังจากที่พระบิดาและพระมารดาสิ้นพระชนม์ไปเมื่อหนึ่งปีก่อน เขาเองยังไม่คิดแต่งตั้งฮองเฮา และวังหลังก็ไม่มีไทเฮาคอยกำกับดูแล ทำให้ค่อนข้างไร้ระเบียบกฎเกณฑ์ไม่น้อย

หลินกุ้ยเฟยค่อย ๆ เดินเข้าไปบีบนวดที่หัวไหล่ให้สวีหลงเยียน เขารู้สึกดีไม่น้อย จึงเคลิบเคลิ้มตามการบีบนวดของนางไปด้วย

"ฝ่าบาทเพคะ หม่อมฉันได้ยินท่านพ่อเล่าให้ฟังว่า เหล่าขุนนางกดดันพระองค์ให้ทรงแต่งตั้งฮองเฮา...โอ๊ย!!! ฝ่าบาท!!!"

สวีหลงเยียนยื่นมือไปบีบที่ข้อมือของหลินกุ้ยเฟยอย่างแรง แววตาของเขาฉายแววอำมหิต จ้องมองหลินกุ้ยเฟยอย่างไม่ลดละ

เขาเห็นความโสมมในวังหลวงมามากมายเหลือเกิน สตรีที่เคยเรียบร้อยอ่อนหวานงดงามราวกับดอกไม้แรกแย้ม พอได้เหยียบย่างเข้ามาในวังหลวงก็กลับกลายเป็นนางงูพิษ คิดหวังแต่จะเสพสุขกับอำนาจของเขา

"ฝะ ฝ่าบาท!!!"

"ท่านพ่อของเจ้าสั่งให้เจ้ามาหว่านล้อมข้าหรือ?"

"ไม่ใช่นะเพคะ!!! ท่านพ่อเพียงแค่มาเล่าให้หม่อมฉันฟัง"

"เล่าให้เจ้าฟัง เพื่อจะให้เจ้ามายั่วยวนข้า และมอบตำแหน่งฮองเฮาให้แก่เจ้า?"

"ไม่ใช่นะเพคะ"

หลินกุ้ยเฟยใบหน้าซีดเผือด ในบรรดาสนมของฝ่าบาท นางนับว่าได้ใกล้ชิดและสนิทสนมกับฝ่าบาทมากกว่าสนมนางอื่น

"หุบปากของเจ้าเสีย หากข้าได้ยินเจ้าพูดเรื่องแต่งตั้งฮองเฮาอีก ข้าจะตัดลิ้นเจ้าทิ้ง"

"เพคะ!!!"

"ไสหัวไป!!!"

หลินกุ้ยเฟยรีบลนลานออกไปจากตำหนักของสวีหลงเยียนทันที

ขันทีคนสนิท ส่ายหน้าไปมาอย่างช้า ๆ เหตุใดนางสนมเหล่านี้จึงชอบสร้างความขุ่นเคืองพระทัยให้แก่ฝ่าบาท

"ฝ่าบาท"

สวีหลงเยียนหันไปมองเล็กน้อย คิ้วที่ขมวดเป็นปมคลายออกจากกันทันที

"มีอะไร?"

"คืนนี้ต้องทรงเปิดป้ายนะพ่ะย่ะค่ะ เพื่อให้พระสนมได้เข้ามาปรนนิบัติรับใช้ พระองค์ไม่ได้ทรงเปิดป้ายนานแล้วนะพ่ะย่ะค่ะ"

สวีหลงเยียนปรายตามองขันทีคนสนิทด้วยความเบื่อหน่าย

"ข้าไม่เลือก ข้าไม่มีอารมณ์ หากข้าอยากทำข้าจะไปหาพวกนางเอง ป้ายพวกนี้ไม่จำเป็น อีกอย่างวันนี้ข้าเหนื่อยไม่อยากทำสิ่งใดทั้งสิ้น"

"ฝ่าบาท"

"เจ้าไม่เชื่อหรือ ข้าจะให้ดู"

สวีหลงเยียนถอดเสื้อผ้าออกจนหมด เผยให้เห็นท่อนเอ็นลำมังกรที่เหี่ยวแห้ง ขันทีคนสนิท ถอนหายใจอย่างนึกปลง

"เหี่ยวเช่นนี้ทรงบรรทมเถิดพ่ะย่ะค่ะ"

สวีหลงเยียนหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาสวมใส่ ในหัวของเขานึกถึงใครบางคน ก่อนจะแสยะยิ้มมุมปากด้วยความพึงพอใจ

เฟิ่งฟางเซียน!!!

ด้านเฟิ่งฟางเซียนนั้น ตอนนี้นางซ่อมบานหน้าต่างและประตูเสร็จเรียบร้อยแล้ว มันค่อนข้างจะแน่นหนาใช้ได้ ตอนที่ยังอยู่ในร่างปัจจุบันเวลาที่ของในบ้านพังหรือชำรุดนางก็ซ่อมเองเช่นนี้

"พระสนม เสวยชาดับกระหายก่อนเพคะ"

"ขอบใจมากนะหลิวหมัวหมัว"

เฟิ่งฟางเซียนยกถ้วยชาขึ้นมาดื่มจนหมด วันนี้นางเหนื่อยเหลือเกิน ซ่อมตำหนักเรียบร้อยก็ควรพัก พรุ่งนี้ค่อยช่วยหลิวหมัวหมัวถางหญ้าที่สวนผักจะได้ปลูกผักกินได้

หลิวหมัวหมัวไปเตรียมอาหารให้นางที่ด้านนอกตำหนัก ส่วนนางเองก็กำลังนั่งแช่น้ำอุ่นอยู่ในอ่างน้ำ ทำให้รู้สึกผ่อนคลายจากความเหนื่อยล้าลงไปได้มาก

เฟิ่งฟางเซียนหลับตานอนแช่น้ำไปได้เพียงครู่เดียว นางก็ได้ยินคล้ายกับเสียงฝีเท้าของใครบางคนกำลังเดินเข้ามาหานาง

ยังไม่ทันที่นางจะได้สวมเสื้อผ้าอาภรณ์ สวีหลงเยียนก็เปิดม่านและเดินเข้ามาหานางอย่างถือวิสาสะ

"ว้าย!!! ฝ่าบาท"

"ตกใจหรือ? สนมรักของข้า"

เฟิ่งฟางเซียนลอบสบถด่าทอเขาในใจ เขาเห็นนางร่างกายเปลือยเปล่าแล้วยังกล้าเดินเข้ามาอีก น่าเกลียดที่สุด!!!

สวีหลงเยียนหยิบเสื้อผ้าของนางที่วางอยู่บนโต๊ะ โยนทิ้งออกไปที่นอกหน้าต่าง เฟิ่งฟางเซียนถลึงตามองเขาด้วยความโกรธไม่น้อย

"ฝ่าบาท โยนเสื้อผ้าหม่อมฉันทิ้งทำไมเพคะ?"

"หึ ทำไมหรือ? เจ้าจะถอดหรือจะใส่ ก็ไม่สำคัญกับข้า ข้าไม่มีวันหลงใหลเรือนร่างสกปรกของเจ้าหรอก"

เฟิ่งฟางเซียนหันไปมองโดยรอบเพื่อจะหาผ้าคลุมหรืออะไรสักอย่างที่สามารถปกปิดเรือนร่างของนางได้ แต่ก็พบเพียงความว่างเปล่า

คนผีทะเล!!! นิสัยไม่ดี!!!

"วันนี้ข้าอารมณ์ไม่ดี จึงอยากจะมาหาเจ้าเพื่อระบายอารมณ์เสียหน่อย"

"หม่อมฉันอาบน้ำอยู่เพคะ"

"ลุกขึ้นมา!!!"

"อะไรนะเพคะ?"

"ลุกขึ้นมา!!!"

"หม่อมฉันไม่ได้.."

"ข้าดูก็ไม่รู้สึกอันใดกับเจ้า!!! อย่าหลงตนเองให้มันมากนัก!!! ลุกขึ้นมา"

"ไม่เพคะ"

"ฟางเซียน!!! "

"โอ๊ะ!!! ฝ่าบาท!!!"

สวีหลงเยียนดึงร่างของนางให้ลุกขึ้นมาจากอ่างน้ำอุ่น เขามองพิจารณาเรือนร่างของนางด้วยสายตาที่ล้ำลึก

หน้าอกอวบอิ่มใหญ่โต เอวบางระหง เนินสวาทที่ไร้ขน

เขาชอบมาก!!!

ไม่สิ!!! ไม่ชอบ!!!

เฟิ่งฟางเซียนอับอายเป็นอย่างยิ่ง ตั้งแต่เกิดมานางไม่เคยต้องมาอับอายเช่นนี้ ตอนยังอยู่ในโลกปัจจุบันแม้นางจะเคยผ่านการมีแฟน ผ่านการร่วมหลับนอนด้วยกัน แต่ก็ไม่เคยมีใครมาทำกับนางเช่นนี้!!!

"หึ เรือนร่างอุบาทว์ยิ่งนัก"

"อุบาทว์แล้วมองทำไมเพคะ?"

"ใครมองเจ้า!!! หึ เอาเถอะ วันนี้ข้าจะทำให้เจ้าหวาดกลัวจนแทบสิ้นสติ!!!"

สวีหลงเยียนปลดเปลื้องชุดมังกรสีทองที่สวมใส่เอาไว้ออกจนหมด แล้วจึงใช้ฝ่ามือใหญ่กอบกุมลำแท่งไผ่ใหญ่ยาวเอาไว้ สายตาเจ้าเล่ห์จ้องมองเฟิ่งฟางเซียนด้วยความสาแก่ใจ

ใหญ่จัง!!!

เฟิ่งฟางเซียนลอบแลบลิ้นเลียปากตนเอง นางจ้องมองสวีหลงเยียนที่เดินใกล้นางเข้ามาเรื่อย ๆ จนนางต้องถอยหลังหนี

"อย่าเข้ามานะเพคะ"

"เจ้ากลัวหรือ ยิ่งกลัว ข้ายิ่งมีอารมณ์!!!"

โรคจิตที่สุด!!!

"ซี้ดดด!!! อ่าส์!!!"

ยิ่งเฟิ่งฟางเซียนเดินหนี สวีหลงเยียนก็ยิ่งต้อนนางให้จนมุม เขาชักรูดลำแท่งเอ็นร้อนขึ้นลงอย่างถี่เร่า ปากก็พร่ำครวญครางด้วยความเสียวกระสัน

เฟิ่งฟางเซียนหมดคำจะด่าเขาแล้ว สนมมีตั้งมากมายเหตุใดต้องมาทำให้นางดูเช่นนี้ด้วย

"ดู!!! ดูให้เต็มตา!!! กลัวหรือไม่?"

"ไม่กลัวเพคะ!!!"

สวีหลงเยียนชะงักมือค้างกลางอากาศ ก่อนจะผละมือออกมาจากลำแท่งเอ็นใหญ่ยาว และมาลูบไล้ที่ใบหน้าของนางแทน

เฟิ่งฟางเซียนบิดเบ้ใบหน้าด้วยความรังเกียจ

จับตรงนั้นแล้วยังจะเอามาจับหน้าสวย ๆ ของนางอีก!!!

"หน้าด้านขึ้นมาแล้วสินะ!!!"

"ปล่อยเพคะ"

"ไม่!!! เจ้าไม่มีสิทธิ์มาสั่งข้า!!! สตรีตระกูลเฟิ่งหน้าด้านหน้าทนเหมือนกันทั้งพี่ทั้งน้อง"

"ปล่อยเพคะ ก่อนที่หม่อมฉันจะหมดความอดทน!!!"

"เจ้ากล้าหรือ!!!"

"เพคะ โอ๊ะ!!!"

เพราะยื้อแย่งฉุดกระชากกันไปมา ทำให้ร่างบางระหงของเฟิ่งฟางเซียนล้มลงไปทับร่างหนาใหญ่ของสวีหลงเยียนที่พื้นห้อง เขาพยายามผลักนางออก แต่ในจังหวะที่นางกำลังจะลุกขึ้นมานั่งนั้น สวีหลงเยียนกลับลุกตามมาด้วย ทำให้นางไม่ทันระวังล้มลงไปนั่งบนท่อนขาแกร่งของเขา ลำแท่งเอ็นร้อนขนาดใหญ่บดเบียดเข้าไปในรูสวาทของนางจนมิดด้าม

เฟิ่งฟางเซียนซู้ดปากด้วยความจุกแน่น มันทั้งเจ็บทั้งคับและเสียวเหลือเกิน

"อูยยย ฝ่าบาทเพคะ!!!"

สวีหลงเยียนก็ยังอยู่ในอาการตกตะลึง เขาไม่เคยมีอะไรกับสตรีมาก่อน แม้ภายนอกจะเล่าลือว่าได้ยินเสียงนางสนมร้องครวญครางปานจะขาดใจ แต่แท้จริงแล้วนั้น ทุกครั้งที่ไปตำหนักนางสนม เขาจะช่วยตัวเองให้พวกนางดู และให้พวกนางแหกปากร้องเพื่อเพิ่มอารมณ์ให้แก่เขา และขยับเตียงไปด้วยเพื่อความสมจริง เขาไม่เคยแตะต้องพวกนางเลยแม้แต่น้อย

แต่วันนี้สตรีตระกูลเฟิ่งที่แสนต่ำช้า กลับกล้ารุกล้ำอาณาจักรพรหมจรรย์ที่แสนล้ำค่าของเขา!!!

"ซี้ดดด!!! ออกไป สตรีแพศยา!!!"

"ฝ่าบาทเพคะ อื้อ!!!"

"ออกไป!!! โอ้วว"

"ออกไม่ได้แล้วเพคะ ถ้าฝ่าบาทไม่ทำหม่อมฉันทำเองเพคะ!!!"

สวีหลงเยียนดวงตาเบิกกว้าง จ้องมองเฟิ่งฟางเซียนที่ร่อนสะโพกงอนงามขยับขึ้นลงอยู่บนร่างกายของเขาอย่างรวดเร็วและถี่เร่า

จากอาการต่อต้านในคราแรกเริ่มกลับกลายเป็นความเสียวซ่านที่แทบจะทนไม่ไหว

"โอ้วว ฟางเซียน!!! สตรีชั่ว!!! "

"ชั่วแล้วเสียวหรือไม่เพคะ อ๊าส์!!!"

"ไม่!!! เสียว!!! มาก!!! ซี้ดดด"

เฟิ่งฟางเซียนใกล้จะถึงแดนสวรรค์แล้ว นางเร่งจังหวะขยับบั้นท้ายขึ้นลงที่ลำแท่งแก่นกายขนาดใหญ่ยักษ์ของเขาอย่างเพลิดเพลิน สวีหลงเยียนไม่เคยผ่านมือสตรีใดมาก่อน เขาจึงทำได้เพียงนอนราบไปกับพื้นรองรับแรงกระแทกกระทั้นจากนาง เฟิ่งฟางเซียนคว้าฝ่ามือหนาใหญ่ทั้งสองข้างของเขาให้มากอบกุมบีบเคล้นคลึงที่ยอดปทุมถันอวบอิ่มเต่งตึงทั้งสองข้างของนาง สวีหลงเยียนค่อนข้างตกใจไม่น้อย แต่เมื่อได้ลองสัมผัสมันกลับนุ่มนิ่มเด้งขึ้นลงราวกับเต้าหู้ ยิ่งบีบขยำก็ยิ่งสนุกมือไม่เบา

"อ่าส์!!! ข้าจะไม่ไหวแล้ว!!!"

"หม่อมฉันก็ไม่ไหวเพคะ อื้ออ!!!"

น้ำรักสีขาวขุ่นพุ่งเข้าในร่องหลืบสีหวานของนางจนฉ่ำแฉะ เฟิ่งฟางเซียนทิ้งร่างลงไปนอนบนพื้นด้วยความเหนื่อยหอบ นานแล้วที่นางไม่ได้สุขสมในอารมณ์เช่นนี้

สวีหลงเยียนหันไปมองนางอย่างช้า ๆ บัดนี้นางได้นอนหลับไปเสียแล้ว เขาเองก็ไม่รู้จะทำเช่นไร จึงถอดเสื้อคลุมมาคลุมให้นาง ก่อนจะเดินกลับตำหนักไปด้วยท่าทีร้อนรน

คืนนั้นทั้งคืนสวีหลงเยียนพยายามข่มตาให้หลับเช่นไรก็หลับไม่ลงแม้แต่น้อย เวลาที่หลับเขามักจะเห็นภาพของเฟิ่งฟางเซียนที่ขยับเคลื่อนไหวอยู่บนตัวเขาอย่างเพลิดเพลิน

นี่เขาตกเป็นของนางแล้วเช่นนั้นหรือ?

ไม่จริง!!!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel