บทที่ 4 (2)
จากที่เคยเป็นคนพูดภาษาอังกฤษได้คล่องเร็วปรือไม่ต่างจากเจ้าของภาษา ป้าสมศรีได้กลายเป็นคนติดอ่างขึ้นมาทันที คำพูดที่จะสนทนาโต้ตอบกับบุรุษชาติอาหรับถูกกลืนหายไปในลำคอหมด
เจ้าชายอีสดรีสส์ทรงจ้องหน้าพนักงานต้อนรับเขม็ง ก่อนจะตรัสต่อว่าอย่างไม่ไว้หน้าใคร
“นี่หรือพนักงานต้อนรับของโรงแรมเกินห้าดาว พูดภาษาอังกฤษแบบติดอ่างฟังแทบไม่รู้เรื่อง มีใครที่พูดได้คล่องกว่าเจ้าไหม หรือถ้าไม่มีก็ไปตามเจ้าของโรงแรมมาคุยกับเราซะ”
อามิลและองครักษ์อีกสองนายต่างก็นึกสยอง หากได้ตรัสเป็นชุดเช่นนี้ แสดงว่าเจ้าเหนือหัวหนุ่มเริ่มจะอารมณ์เสียขึ้นมาบ้างแล้ว ซึ่งเขารู้ว่าสิ่งที่ทำให้เจ้าชายอีสดรีสส์ไม่พอพระทัยเอามาก คือการที่พนักงานต้อนรับทำท่าจะติดช่อดอกกล้วยไม้ให้กับพระองค์ เจ้าชายหนุ่มไม่ชอบให้คนแปลกหน้ามาแตะต้องพระวรกาย และที่สำคัญพระองค์ทรงแพ้เกสรดอกไม้ทุกชนิด
ป้าสมศรียกมือไหว้ พร้อมกันนั้นก็ได้เอ่ยขอโทษเสียงสั่น “ดิฉันต้องขอโทษด้วยค่ะ ที่กระทำการไม่สมควร เดี๋ยวดิฉันจะไปตามพนักงานคนอื่นมาให้การต้อนรับค่ะ”
ไม่ต้องรอให้เจ้าของสายตาคมกริบตะคอกสั่งเป็นครั้งที่สอง พอยกมือไหว้และเอ่ยขอโทษเรียบร้อยแล้ว ป้าสมศรีก็พยักหน้าให้พนักงานอีกสองคนที่ตกใจหน้าซีดไม่แพ้กันรีบถอยทัพออกมา ก่อนที่จะเจอพายุลูกใหญ่กว่านี้ นางเดินเร็วๆ เกือบเป็นวิ่ง ตรงไปยังห้องทำงานของเจ้านายหนุ่ม เพราะรู้ว่างานนี้ต้องให้คนรักของคุณเฟรดร์ดิโค้ซึ่งเป็นลูกครึ่งอาหรับ เป็นคนมาให้การต้อนรับแขกวีไอพีแทนนาง
ก๊อก...ก๊อก...
ป้าสมศรีเคาะประตูห้องเบาๆ อย่างเกรงใจเจ้าของห้อง ในใจนั้นร้อนรนแทบรอให้ได้ยินเสียงห้าวทุ้มเอ่ยอนุญาตให้ตนเองเข้าไปในห้องไม่ไหว
“เชิญครับ”
พอได้ยินเสียงอนุญาตจากคุณเฟรดร์ดิโค้ ก็รีบเปิดประตูออกกว้าง แล้วก้าวเท้ายาวๆ เข้าไปในห้องพร้อมด้วยสีหน้าเคร่งเครียด จนเจ้านายหนุ่มต้องร้องถามเพราะความเป็นห่วง
“เจอแขกซีเรียสมาหรือครับ”
“แขกไม่เรื่องมากหรอกค่ะ แต่ป้าต่างหากที่ซีเรียส เพราะคุยกับแขกไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไร”
ป้าสมศรีตอบด้วยน้ำเสียงที่เป็นกังวล ก่อนจะพยักหน้ารับไหว้จากปาลิตา นางรู้จักปาลิตาเป็นอย่างดี เพราะก่อนเดินทางไปเรียนต่อที่เมืองนอกปาลิตาได้มาหาเฟรดร์ดิโค้ที่โรงแรมอยู่บ่อยๆ
“ลูกค้าของรีน่าหรือคะป้าสมศรี”
อัลรีน่าลุกขึ้นมายืนอยู่ใกล้หัวหน้าพนักงานต้อนรับ หากได้เอ่ยว่าพูดกับลูกค้าไม่รู้เรื่อง หญิงสาวมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์เลยว่าต้องเป็นลูกค้าชาวตะวันออกกลางอย่างแน่นอน แม้ป้าสมศรีจะสนทนาภาษา
อังกฤษได้คล่องแคล่ว แต่ลูกค้ากลุ่มนี้ก็มีบางคนที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้
ป้าสมศรีพยักหน้ารับก่อนจะขยายความ “ลูกค้าของรีน่าแหละจ้ะ พูดภาษาอังกฤษได้ทุกคน แต่ไม่ค่อยอยากเสวนากับป้าสักเท่าไร”
“แล้วพนักงานคนอื่นๆ ล่ะหายไปไหนหมด”
เฟรดร์ดิโค้ถามเป็นกังวล ในใจนั้นไม่อยากให้อัลรีน่าออกไปต้อนรับแขกในขณะนี้ เพราะเกรงว่าชายหนุ่มทั้งหลายจะมาจีบคนรักของเขาอีก
“ลาคลอดหนึ่งคน ลาป่วยไปอีกหนึ่ง ส่วนคนอื่นๆ ที่เหลือกำลังพาลูกค้าที่เช็กอินก่อนหน้านี้ไม่กี่นาทีไปเข้าห้องพักค่ะ”
ป้าสมศรีรายงานให้เจ้านายทราบ ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วกำข้อมือเล็กของอัลรีน่าไว้ จากนั้นก็หันไปขออนุญาตเจ้านายหนุ่มด้วยความเกรงใจ
“ป้าขอยืมตัวคุณรีน่าไปต้อนรับลูกค้าก่อนนะคะ”
“ลูกค้าวีไอพีหรือคะป้าสมศรี”
อัลรีน่าไม่มีแง่งอนเรื่องไปดูแลลูกค้า เพราะตอนนี้เธออยากหลบออกจากห้องทำงานของเฟรดร์ดิโค้เหลือกำลัง ด้วยไม่อยากทะเลาะกับชายหนุ่มเรื่องการไปพักที่คฤหาสน์เลมาร์โค้
“ยิ่งกว่าวีไอพีซะอีก เป็นเจ้าชายค่ะ มีองครักษ์ติดตามมาด้วยอีกสามคน”
ป้าสมศรีอยากจะบอกความจริง ว่าเธอหวาดกลัวเจ้าชายหนุ่มรูปงามซึ่งมองดูน่าเกรงขาม ส่วนองครักษ์แต่ละนายก็ใช่ย่อย ใบหน้าถมึงทึงราวกับยิ้มไม่เป็นทำให้เธอตกใจกลัว จนพูดผิดพูดถูกตอนที่เข้าไปต้อนรับ
“เดี๋ยวรีน่าไปดูแลลูกค้าให้เองค่ะ”
อัลรีน่าตอบเสียงหวานโดยไม่สนใจการห้ามปรามของเฟรดร์ดิโค้ที่ส่งผ่านสายตาคมกริบ หญิงสาวหันไปยิ้มยักคิ้วให้ปาลิตาพร้อมกับเอ่ยชวน
“น้องลิต้าไปด้วยกันไหมคะ”
“รอให้ชวนตั้งนานแล้วค่ะ” ปาลิตาตอบกลั้วหัวเราะ พลางลุกขึ้นอย่างกระฉับกระเฉง
เฟรดร์ดิโค้กลอกตาขึ้นอย่างเซ็งๆ จากนั้นก็เอ่ยห้ามเสียงทุ้มลึก
“ลิต้า! พี่ขอร้องอย่าไล่ลูกค้า อย่าชวนทะเลาะ ถ้าเจอข้อหาทำร้ายร่างกาย พี่จะไม่ไปประกันตัวแน่นอน”
“สัญญา...ไม่ก่อเรื่องแน่นอนค่ะ”
ปาลิตาหัวเราะคิก ไม่ได้นึกกลัวคำขู่ของพี่ชายสักนิด เพราะถ้าหากเกิดเรื่องขึ้นมาจริงๆ หญิงสาวรู้ดีว่าคนที่จะไปถึงสถานีตำรวจเป็นคนแรกก่อนพ่อแม่เธอ ก็คือเฟรดร์ดิโค้คนที่ห้ามนักห้ามหนานั่นเอง
“สงสัยปีนี้ต้องไปทำบุญเสริมดวงกันยกใหญ่ เพราะดวงพี่ท่าจะแพ้รีน่ากับลิต้าในทุกๆ เรื่อง”
เฟรดร์ดิโค้บ่นอุบ ก่อนจะเดินตามสุภาพสตรีทั้งสามไปด้วย
อัลรีน่ากับปาลิตาพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ขณะพากันเดินไปยังล็อบบีของโรงแรม แต่แล้วรอยยิ้มสดใสมีอันต้องจางหายไป กลายเป็นความหวาดหวั่นเข้ามาแทนที่ เท้าเล็กถอยกรูดโดยอัตโนมัติ เมื่อได้เห็นใบหน้าหล่อเหลาของบุรุษหนุ่มที่เธอลืมไปแล้วนับตั้งแต่เดินทางมาถึงเมืองไทย
“เจ้าชายอีสดรีสส์ อัลดาลีฟ...”
อัลรีน่าครางอยู่ในลำคอ ใบหน้าถอดสี ดวงตาคู่สวยสีอ่อนใสเบิกกว้างด้วยความตกใน ขณะที่เท้าเล็กก็ถอยกรูดไปข้างหลังหลายก้าว จนชนกับเฟรดร์ดิโค้ที่รีบโอบเอวเธอไว้ทันที ชายเจ้าของโรงแรมหรูรีบประคองร่างบางที่เซมาปะทะอกกว้างของตนเองไว้ พอได้เห็นใบหน้าที่ซีดเผือดก็เอ่ยถามเสียงร้อนรนด้วยความเป็นห่วง
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับรีน่า”
“มะ...ไม่ค่ะ รีน่าไม่ได้เป็นอะไร”
หญิงสาวละล่ำละลักตอบ บีบต้นแขนแข็งแกร่งไว้แน่น แล้วดึงร่างกำยำให้เดินกลับไปทางเดิมด้วยเกรงว่าเจ้าชายอีสดรีสส์หรือเหล่าองครักษ์คนใดคนหนึ่งจะเห็นเธอเข้า
“พี่รีน่าเป็นอะไรคะ”
ปาลิตาเอ่ยถามอัลรีน่าอย่างเป็นห่วง พยายามกวาดสายตาทั่วล็อบบีโรงแรมเพื่อมองหาต้นเหตุที่ทำให้ว่าที่พี่สะใภ้หวาดกลัวจนต้องถอยกรูดไม่เป็นท่า พอดวงตาคู่สวยปะทะกับบุรุษหนุ่มหล่อเหลาที่ตนเองบังคับหัวใจให้เกลียดทุกครั้งที่ได้เห็น หัวใจดวงน้อยก็มีอันต้องกระตุกวาบด้วยความตื่นเต้น
‘ทำไมอีตาเจ้าชายจอมเจ้าชู้ถึงมาโผล่ที่เมืองไทยได้’
หญิงสาวเอ่ยแขวะเจ้าชายหนุ่มที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ด้วยอยู่ในใจ
อัลรีน่ายิ้มเจื่อนๆ ให้ปาลิตา แล้วรีบเดินมาหลบอยู่ข้างหลังเฟรดร์ดิโค้ ใช้เรือนกายใหญ่โตบดบังตัวเธอจากสายตาของชาวดาลิยา ที่เธอมั่นใจว่าพวกเขาเดินทางมาที่เมืองไทยด้วยวัตถุประสงค์เดียวเท่านั้นคือพาเธอกลับไปเข้าพิธีอภิเษกสมรสกับเจ้าชายอีสดรีสส์
“เอ่อ...พี่ปวดหัวนิดหนึ่ง รบกวนน้องลิต้าไปต้อนรับลูกค้าแทนพี่จะได้ไหมคะ”
แม้รู้ว่าเป็นการโกหกที่ไม่เนียบเนียน ฟังดูไม่น่าเชื่อว่าจู่ๆ ก็เกิดไม่สบายอย่างกะทันหัน แต่อัลรีน่าก็จำเป็นต้องทำ เพราะหากให้ไปต้อนรับเจ้าชายอีสดรีสส์ เธอก็คงไม่ต่างจากนกน้อยที่กำลังจะถูกจับขังอยู่ในกรงทอง
ปาลิตามองตามสายตาของว่าที่พี่สะใภ้ เมื่อจับสังเกตได้ว่าดวงตาสีอ่อนใสจ้องมองอยู่ที่เจ้าชายอีส
ดรีสส์แต่เพียงผู้เดียวก็พยักหน้ารับคำอย่างว่าง่ายๆ
“เดี๋ยวลิต้าต้อนรับขับสู้ดูแลลูกค้าท่านนี้เอง พี่รีน่าไปพักผ่อนเถอะค่ะ”
ปาลิตาอาสาอย่างขันแข็ง จากนั้นก็ก้าวเท้าฉับๆ เดินตรงไปหาเจ้าชายจอมเจ้าชู้ พร้อมกับเอ่ยพึมพำคาดเดาเหตุการณ์ที่ทำให้ว่าที่พี่สะใภ้มีอาการหวาดหวั่นเมื่อได้เห็นเจ้าชายนักรัก
“พี่รีน่าต้องเคยถูกทาบทามให้ไปเป็นนางในฮาเร็มแน่ ถึงได้แสดงอาการหวาดกลัวเจ้าชายอีส
ดรีสส์อย่างมาก”
คำเล่าลือถึงกิตติมศักดิ์ในเรื่องรักของเจ้าชายหนุ่มที่ดังกระฉ่อนทั่วทั้งรัฐมิชิแกน ทำให้ปาลิตาเชื่อว่าอัลรีน่าคงถูกเจ้าชายอีสดรีสส์ ซึ่งมีอำนาจล้นมือบังคับขู่เข็ญให้ไปเป็นทาสรักของพระองค์อย่างแน่นอน