4
“งั้นคุณก็ปล่อยพี่ชายฉันสิ”
“ปล่อยแน่ แต่ต้องหลังจากที่เธอทำตามข้อตกลงซะก่อน แล้วฉันถึงจะปล่อยตัวพี่ชายเธอ”
“คุณกลัวฉันเบี้ยว แล้วคุณไม่คิดเหรอว่าฉันจะกลัวคุณผิดคำพูด” กชนิภาโต้กลับทันควัน
“ฉันไม่เดือดร้อนนะ กับการไม่ไว้ใจฉันของเธอ เพราะคนที่ตายไม่ใช่ญาติพี่น้องของฉัน แต่เป็นพี่ชายเธอ” อัสวานยักไหล่พูด ไม่แยแสใครทั้งสิ้น “ฉันเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น ไม่มีตุกติกหรือเล่นแง่”
กชนิภามองชายหนุ่มที่เป็นต่อตนทุกทาง อัสวานเหมือนผู้คุมเกม ไม่มีทางที่เธอจะต่อกรกับเขาได้
“ตกลงค่ะ คุณว่ายังไงฉันว่าตามนั้น” อัสวานกระตุกยิ้ม
“ฉันจะให้พี่ชายเธอกับเพื่อนอยู่ที่นี่จนกว่าหน้าที่ของเธอจะเสร็จ แล้วฉันจะปล่อยมันสองตัว”
กชนิภามองชายหน้าตาหล่อเข้มทว่าจิตใจโหดเหี้ยมทั้งน้ำตา เธอไม่เคยรู้สึกอดสูและตัวเองไร้ค่าเท่าวันนี้เลย แต่ถึงกระนั้นกชนิภาก็ไม่อาจต่อรองกับบุรุษที่ถือถ้วยรางวัลแห่งชัยชนะได้เลย กชนิภาเดินตามร่างสูงใหญ่ของอัสวานออกไปจากห้องใต้ดิน เพื่อทำหน้าที่นางบำเรอตามข้อตกลง
ความแค้นในใจชีคอัสวานมีมากขึ้น เมื่อโซเฟียรับสภาพตัวเองและเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้ แม้ว่าเขาจะบอกกับเธอว่า ยอมรับเรื่องที่เกิดขึ้นได้ และจะยังคงแต่งงานกับเธอตามกำหนด ทว่าโซเฟียคิดย้ำในหัวว่า ตัวเองไร้ค่า มีราคีติดตัว และไม่อยากให้เขาเกิดความเสื่อมเสีย อีกทั้งบิดามารดายังต้องอับอายขายหน้าเรื่องบุตรีถูกข่มขืน โซเฟียจึงฆ่าตัวตาย แล้วไม่ใช่แค่โซเฟียเท่านั้นที่จากโลกนี้ไป มารดาของโซเฟียทำใจยอมรับการตายของลูกสาวเพียงคนเดียวไม่ได้ อีกหนึ่งเดือนต่อมา นางตรอมใจตายตามไปอยู่กับลูกสาวบนสวรรค์
อัสวานเสียใจมาก และรู้สึกสงสารชะตากรรมของคู่หมั้น คนดีๆ อย่างโซเฟียไม่สมควรพบเจอคนชั่วร้ายสามคนนั้น ในเมื่อคนเลวตายไปแล้วสองก็เหลืออีกหนึ่ง อัสวานจึงนำความโกรธแค้นที่มีต่อยศวินมาลงกับกชนิภา จนเธอบอบช้ำทั้งกายและใจ แล้วคงเป็นเช่นนี้ไปจนกว่า ความแค้น แรงโทสะในหัวใจเขาจะลดเลือนลง และปล่อยเธอให้เป็นอิสระเหมือนนกบินออกจากกรง...สักวันหนึ่ง
เมืองไทย
อังคณานั่งทำงานด้วยสีหน้าเคร่งเครียด จิตใจอัดแน่นไปด้วยความสับสน คิดไม่ตกว่าจะจัดการเรื่องกลัดกลุ้มในอกอย่างไรดี สองปีแล้วที่กชนิภาเป็นเชลยสวาทให้ชายหนุ่มผู้มีอิทธิพลสูงคนหนึ่งของประเทศจามาล โดยที่ไม่ได้กระทำความผิดใดใดสักนิดเดียว ส่วนคนที่ผิดหาได้รู้สำนึกไว้ ไม่เคยพูดและถามถึงกชนิภาเลยสักครั้ง มองข้ามความผิดของตัวเองอย่างคนสิ้นไร้ความคิด ไร้หัวใจ
ต่างกับอังคณาที่คิดถึงน้องสาวทุกลมหายใจ หากวันนั้นตนไม่หมดสติ เรื่องร้ายคงไม่เกิดขึ้นกับกชนิภา เธอจะให้ยศวินรับโทษกับเรื่องที่ตัวเองกระทำ หาใช่ให้กชนิภารับผิดชอบแทน ซึ่งมันไม่ถูกต้อง ไม่มีความถูกต้องสักนิดเดียว วันที่เธอกับยศวินเดินทางกลับเมืองไทย เธอได้ขออัสวานพบน้องสาวเพื่อกล่าวลา อัสวานยอมให้พี่น้องได้เจอกัน แต่ต้องอยู่ในสายตาเขาและต้องพูดภาษาอังกฤษเพื่อเขาจะได้เข้าใจคำสนทนาของทั้งคู่
ทันทีที่อังคณาเห็นสภาพน้องสาว เธอปล่อยโฮออกมาด้วยความสงสาร รอยจ้ำแดงชัดและจางปรากฏรอบลำคอกชนิภา ความที่กชนิภาเป็นคนผิวขาวนวลทำให้อังคณามองเห็นรอยฝ่ามือหลายจุดตรงช่วงแขน คล้ายรอยบีบอย่างไรอย่างนั้น ส่วนยศวินไม่ได้มองหน้าใคร เขาเอาแต่ก้มหน้าเพราะไม่กล้าสบตาอัสวาน เกรงว่าจะทำให้อีกฝ่ายโกรธ แล้วอาจลงมือฆ่าตนได้ เขาจึงเร่งให้อังคณากล่าวลากชนิภา เพื่อจะได้ออกไปจากวังของอัสวานให้เร็วที่สุด
“คุณจะให้โรสอยู่ที่นี่นานเท่าไหร่ ฉันจะได้มารับน้องสาวฉัน” อังคณาใจกล้าถามอัสวาน แม้ว่าจะเตรียมใจกับคำตอบไว้แล้วก็ตาม
“ไม่มีกำหนด” น้ำตากชนิภารินไหลกับคำตอบ เธอช้อนตามองพี่สาวทั้งน้ำตา ก่อนหันไปมองต้นเหตุที่เอาแต่ก้มหน้า คลี่ยิ้มให้อังคณาที่อดร้องไห้ตามไม่ได้
“ไม่เป็นไรพี่นิด โรสไหว ฝากดูแลพ่อกับแม่ด้วยนะ” กชนิภาเผลอพูดภาษาไทยกับพี่สาว น้ำเสียงอันทรงพลังของอัสวานดังขึ้นทันทีที่ได้ยินภาษาไทย
“พูดภาษาอังกฤษ พูดให้ฉันเข้าใจด้วย” สองพี่น้องถึงกับสะดุ้ง อยู่ใกล้แค่นี้ไม่เห็นเขาต้องแผดเสียงดัง “พูดประโยคเมื่อกี้ใหม่ พูดให้ฉันเข้าใจ”
กชนิภาทำตามที่อัสวานต้องการ เธอเอ่ยอีกครั้งทั้งน้ำตา ทว่าใบหน้าอัสวานกลับมีรอยยิ้มบางๆ นัยน์ตาสีนิลมองกชนิภาด้วยสายตาสะใจ
“ฉันขอโทรศัพท์มาหาโรสบ้างได้ไหม ถ้าคุณไม่ให้ฉันติดต่อกับโรสเลย พ่อกับแม่ของฉันจะสงสัยนะ แล้วถ้าท่านรู้เรื่องนี้คงไม่ยอมแน่ อีกอย่างฉันไม่อยากให้ท่านมารับรู้เรื่องนี้ด้วย ได้ไหมท่านชีค”
อังคณาขอร้องอัสวานทั้งน้ำเสียงและสายตา อัสวานใช้มือลูบคางมีเคราขึ้นเล็กน้อย มองไปยังกชนิภาที่หันหน้ามองเขาพอดี
“ก็ได้” อัสวานตอบตกลง “แค่เดือนละหนึ่งครั้งเท่านั้น และทุกครั้งที่คุยกัน แต่ฉันต้องอยู่ข้างนิสรีน และการสื่อสารคือภาษาอังกฤษเท่านั้น ตกลงไหม”
“ค่ะ ตกลงค่ะ” อังคณาไม่มีปัญหาเรื่องนี้ ขอแค่เขาอนุญาตเป็นพอ
“เธอกับพี่ชายรีบไปจากที่นี่ซะ ก่อนที่ฉันจะทนไม่ไหว ละเมิดสัญญาที่ตกลงกันไว้” จบคำพูดอัสวาน ยศวินรีบฉุดข้อมืออังคณา แล้วลากตัวน้องสาวคนกลางออกจากวังอย่างกลัวตาย มุ่งหน้าไปยังสนามบินเพื่อเดินทางกลับประเทศไทย ทิ้งให้กชนิภาอยู่เผชิญหน้ากับความขมขื่นตามลำพัง