บทที่ 3 (2)
นันทิตามารดาของนีราพรรณจ้องมองลูกสาวของตนเองด้วยอาการขัดเคืองเมื่อเปิดประตูห้องคอนโดออกกว้างแล้วเห็นว่าเป็นคนที่นางไม่ต้องการพบมากที่สุด
“แกตามมารังควานฉันถึงคอนโดมีเรื่องด่วนอะไรยัยน้ำเหนือ”
นีราพรรณมองมารดาด้วยสายตาเจ็บปวด การมาหาคนที่เป็นแม่กลับถูกมองว่าเป็นการมารังควานมารบกวนเวลาอันมีค่าของท่าน
“แม่คิดว่าการที่น้ำเหนือมาหาแม่เป็นการรบกวนเวลาของแม่หรือคะ”
“ใช่ แกก็เห็นนี่ว่าฉันไม่ว่าง”
“ไม่ว่างเพราะแมงดาที่คอยเกาะชายกระโปรงแม่อยู่ใช่ไหมคะ”
เผี้ยะ!!...
ฝ่ามือของผู้ที่เป็นแม่สะบัดตบลงไปบนแก้มนวลของลูกสาวสุดแรงตามอารมณ์โกรธอันเกิดจากฝีปากของลูกสาว
“ถ้าแกมาที่นี่เพื่อมาก้าวร้าวฉันกับคุณอติรุธ แกก็กลับไปได้แล้ว ฉันไม่ต้อนรับแก”
แทนที่จะรู้สึกเสียใจกับการทำร้ายลูกสาวที่เลี้ยงมาเองกับมือ นันทิตากลับชี้หน้าตวาดไล่ลูกสาวเสียงดังลั่น
ใบหน้างามลออที่ถูกมารดาตบจนหน้าหันเห็นรอยนิ้วทั้งห้าได้อย่างชัดเจนค่อยๆ หันกลับมามองมารดาด้วยสายตาแดงก่ำเจ็บปวดยิ่งกว่าสิ่งใด เพียงเพราะผู้ชายคนที่นั่งสูบบุหรี่สบายอารมณ์อยู่หน้าทีวีทำให้แม่ตบตีทำร้ายลูกได้ลงคอ
นีราพรรณกัดเม้มริมฝีปากจนห้อเลือด มือบางกำเข้าหากันแน่นจากนั้นก็เอ่ยบอกความต้องการของตนเองด้วยน้ำเสียงราบเรียบเท่าที่สามารถทำได้
“น้ำเหนือต้องการคุยกับแม่เรื่องการขายโรงแรม”
นันทิตาหน้าถอดสีให้เห็นเล็กน้อยเมื่อได้รับรู้วัตถุประสงค์การมาพบของลูกสาว
“ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับแก”
“แต่น้ำเหนือมี!...”
นีราพรรณเอ่ยสวนกลับแทบทันทีหลังจากที่ได้ยินคำปฎิเสธของมารดา หญิงสาวจับบานประตูห้องไว้เมื่อมารดาทำท่าจะปิดหนีเพื่อหลบเลี่ยงตอบคำถามในเรื่องที่เธอต้องการรับรู้ในขณะนี้
“น้ำเหนือต้องการคุยกับแม่”
หญิงสาวดันประตูออกกว้างจากนั้นก็ผลุบเข้ามาในห้องของมารดาอย่างรวดเร็วเกินกว่าที่เจ้าของห้องจะห้ามไว้ได้ ดวงตาคู่สวยที่แดงก่ำกวาดสายตามองช้าๆ ไปยังผู้ชายของแม่ด้วยความรังเกียจแล้วเน้นย้ำด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“น้ำเหนือต้องการคุยกับแม่เป็นการส่วนตัวโดยไม่มีคนนอกและในชุดที่สุภาพมากกว่านี้”
“ยายน้ำเหนือ!” นันทิตาตวาดลั่นด้วยความไม่พอใจขณะที่มองตามสายตาของลูกสาว
“เดี๋ยวนี้ค่ะคุณแม่”
เมื่อเจอน้ำเสียงและกริยาที่เอาจริงของลูกสาวทำให้นันทิตาชักหวาดๆ ไม่กล้าปฏิเสธ นางสะบัดหน้าหนีจากนั้นก็
สาวเท้าเข้าไปหานายแบบหนุ่มพร้อมกับก้มลงไปบดจูบที่ริมฝีปากของชายคนรักโดยไม่แคร์สายตาของลูกสาว
นีราพรรณเบือนหน้าหนีด้วยความอดสูน้ำตาคลอเบ้าเมื่อได้เห็นภาพที่ไม่อาจรับได้ มารดาเธอเปลี่ยนไปมากตั้งแต่ได้พบกับทากดูดเลือดคนนี้
อติรุธลุกขึ้นจากโซฟาด้วยกริยากระปรี้กระเปร่าหญิงแก่หนังเหี่ยวเดินเข้าไปในห้องนอนแล้วก็ถึงเวลาที่เขาจะขบ
เนื้อสาวเล่นให้ชื่นใจ ถ้าไม่ใช่เพราะเงินที่มีให้ใช้อย่างไม่หยุดมือกอปรกับการมีลูกสาวที่แสนสวยถึง 3 คน เขาไม่มีทางทน
อยู่กับหญิงแก่มากตัณหาอย่างคุณนันทิตา ดวงตาหื่นกระหายเนื้อสาวจ้องมองนีราพรรณตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า นิ้วมือที่ไม่เคยทำงานหนักมาเลยชั่วชีวิตนอกจากการเกาะผู้หญิงกินเอื้อมไปจับเส้นผมยาวสีน้ำตาลอ่อนนุ่มมาจรดจมูกพร้อมกับสูดกลิ่นหอมแชมพูอ่อนเข้าปอดลึกๆ
เพราะมัวแต่เสียใจกับการกระทำของมารดาทำให้นีราพรรณลืมระวังตัวขณะที่อยู่กับทากดูดเลือดเพียงลำพังและเมื่อรับรู้ว่าเส้นผมของตนเองตกไปอยู่ในมือสกปรกหน้าตัวเมียหญิงสาวก็รีบหันควับพร้อมกับล้วงหยิบมัจจุราชสีดำมะเมื่อมออกมาจากกระเป๋าสะพาย
“ถอยออกไปเดี๋ยวนี้”
นีราพรรณตวาดลั่นเล็งปืนไปยังหัวสมองของผู้ชายที่เธอเกลียดที่สุดในชีวิต มือบางที่กำด้ามปืนไว้แน่นไม่มีสั่นเทาส่ายไปส่ายมาให้เห็น ดวงตาคู่สวยแข็งกร้าวพร้อมลั่นไกทุกเวลาถ้าหากชายคนนี้ขยับเข้ามาใกล้เธออีกก้าวเดียว
“โอ๊ะโอ๋!...ใจเย็นๆ น่าน้ำเหนือ จะยิงพ่อเลี้ยงของเธอได้ลงคอเชียวหรือ”
อติรุธยิ้มยั่วสายตาที่จ้องมองนีราพรรณเต็มไปด้วยความหื่นกระหายแต่ก็ไม่กล้าขยับกายเข้าไปใกล้ด้วยกลัวหญิงสาวจะลั่นไกออกมาจริงๆ
“ฉันไม่เคยมีพ่ออย่างแก ถอยออกไป! ถ้าแกขยับมาใกล้อีกแค่ก้าวเดียวฉันจะยิงสิ่งที่แกรักนักหนาให้แหลกเป็นจุน”
นีราพรรณขึ้นไกปืนอย่างใจเย็น ดวงตาแข็งกร้าวโกรธเคืองหน้าตัวเมียที่ยืนอยู่เบื้องหน้า ปืนในมือถูกลดลงเล็งไป
ยังของสงวนที่อยู่เบื้องล่าง แต่ดวงตากลมโตสีน้ำตาลยังจับจ้องมองที่ใบหน้าของอติรุธเหมือนเดิม
เสียงขึ้นไกปืนพร้อมกับปลายกระบอกปืนที่เล็งมายังของสงวนกอปรกับท่าทางเอาจริงของนีราพรรณทำให้ผู้ชายที่ดี
แต่เกาะผู้หญิงกินอย่างอติรุธถึงกับหน้าซีดเผือดลดมือไปกุมของสงวนไว้จากนั้นก็รีบวิ่งกลับเข้าไปที่ห้องนอนอย่างรวดเร็ว
นีราพรรณถอนหายใจยาวทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หญิงสาวเก็บปืนคู่ใจไว้ในกระเป๋าตามเดิมแล้วซบหน้านิ่งกับฝ่ามือของตัวเอง หญิงสาวเรียนรู้ที่จะป้องกันตนเองจากอติรุธหลังจากเมื่อสามเดือนก่อนมารดาได้พานายแบบคนนี้มาที่บ้านพร้อมกับแนะนำให้เธอและพ่อได้รู้จักว่าเป็นเพื่อนร่วมหุ้นเปิดร้านอาหารด้วยกัน แต่หญิงสาวไม่เชื่อเช่นนั้น...ท่าทางสำออยอ่อนปวกเปียกหยิบจับอะไรไม่เป็นของอติรุธทำให้เธอไม่คิดว่าชายคนนี้จะมีมันสมองทำธุรกิจเหมือนคนอื่นและทุกครั้งที่พ่อกับแม่เธอเผลอ อติรุธจะเข้ามาแทะโลมเธอแทบตลอดเวลา ครั้งสองครั้งยังพอทนได้แต่เมื่อมีครั้งที่สามหญิงสาวก็ตัดสินใจไปซื้อปืนและหัดยิงจนแม่นไม่ถึงกับจับวางแต่ก็สามารถปลิดชีวิตของคนชั่วอย่างอติรุธได้
ไม่กี่นาทีต่อมาเจ้าของห้องชุดก็ทรุดตัวลงนั่งตรงข้ามลูกสาวด้วยชุดอยู่บ้านสบายๆ ตามความรู้สึกของนาง แต่คนที่เป็นลูกไม่ได้คิดเช่นนั้น
“มีเรื่องด่วนอะไรก็รีบๆ คุยแล้วก็รีบกลับไปฉันไม่มีเวลามานั่งฟังแกทั้งวัน”
สีหน้าและแววตาของนีราพรรณเต็มไปด้วยความเสียใจกับการเอ่ยปากไล่ตรงๆ ของมารดา หญิงสางมองชุดอยู่บ้านที่มารดาสวมใส่ออกมารับแขกแล้วทำให้รู้สึกอับอายทนมองไม่ได้ เสื้อแขนกุดสีขาวเนื้อบางเบาไม่ได้ช่วยปกปิดสัดส่วนของผู้สวมใส่เพราะสามารถมองเห็นเนื้อในของผู้สวมได้อย่างชัดเจน กางเกงสีเนื้อก็ไม่ได้ดูดีไปกว่าเสื้อที่สวม กางเกงตัวสั้นไม่ได้ช่วยปิดบังเรือนกายของผู้สวมใส่เท่าใดนัก
“ว่าไงยายน้ำเหนือ จะพูดธุระหรือจะนั่งวิจารณ์ชุดที่ฉันใส่ด้วยสายตาคมๆ ของแก”
นันทิตาต่อว่าด้วยความโมโหกึ่งไม่พอใจ รู้ว่าบุตรสาวไม่ชอบใจชุดที่ตนสวมใส่แต่ก็ไม่คิดใส่ใจไม่คิดเข้าไปเปลี่ยนชุดใหม่ที่ดูรัดกุมกว่านี้
นีราพรรณสูดลมหายใจเข้ากายพยายามขจัดประเด็นอื่นที่ก่อกวนออกไปจากใจแล้วมุ่งตรงที่เรื่องของเดอะธารา
แกรนด์โฮเทล แต่เพียงอย่างเดียว
“แม่ขายโรงแรมให้เจ้าชายฮารีฟร์ อัล ริฟาอีลส์จริงหรือเปล่าคะ”
หญิงสาวเอ่ยถามเสียงเย็น ดวงตาคู่สวยสีน้ำตาลจ้องมองมารดาเขม็ง ในใจอยากได้ยินคำปฏิเสธจากปากของมารดา อยากให้เรื่องที่เกิดขึ้นในเดอะธาราแกรนด์โฮเทลเมื่อไม่มีกี่ชั่วโมงที่ผ่านมาเป็นแค่เพียงความฝันที่จะจางหายไปเมื่อเธอตื่นขึ้นมา แต่คำตอบที่หญิงสาวได้รับไม่เป็นเช่นนั้น...
นันทิตาเอนกายพิงพนักโซฟาอย่างสบายอารมณ์ไม่ได้ทุกข์ร้อนกับสิ่งที่ลูกสาวเอ่ยถาม
“ฉันขายโรงแรมให้เจ้าชายคนนั้นจริง ขายได้ราคาด้วยน่ะยายน้ำเหนือ ต้องขอบใจพ่อหน้าโง่และก็แกที่อุตส่าห์อดหลับอดนอนบริหารโรงแรมให้เจริญรุ่งเรืองพลอยทำให้ฉันได้รับเงินจำนวนมหาศาลด้วย”
“ทำไมแม่ไม่บอกน้ำเหนือสักคำ” นีราพรรณครางถามเสียงแผ่วเบาคิดไม่ถึงว่ามารดาได้ทำเช่นนั้นจริงๆ
“ทำไมฉันต้องบอกแกด้วย โรงแรมนั้นมีชื่อฉันเป็นเจ้าของเป็นหุ้นส่วนใหญ่ ฉันจะทำอะไรกับโรงแรมของฉันก็ได้”
“แต่เดอะธาราแกรนด์โฮเทลเป็นโรงแรมที่คุณพ่อภาคภูมิใจและสร้างขึ้นมากับมือ ทำไมแม่ถึงขายให้คนอื่น”
นีราพรรณร้องถามเสียงปนสะอื้น น้ำเสียงของมารดาที่เอ่ยถึงบิดาไม่มีวี่แววอาลัยอาวรณ์หรือคิดว่าพ่อของเธอเป็นคู่ชีวิตสักนิด
นันทิตายิ้มเยาะตรงมุมปากมองลูกสาวด้วยความสมเพช
“พ่อแกอยากโง่โอนหุ้นทั้งหมดของโรงแรมให้ฉันเอง ฉันไม่อยากทำงานไม่อยากหน้ามันเยิ้มไปบริหารงานที่โรงแรม
ฉันก็เลยขายไปแกจะทำไมฉัน”
“แม่ขายโรงแรมไปแล้ว น้ำเหนือจะหาเงินที่ไหนส่งให้น้องเรียนต่อ”
นีราพรรณกระซิบถามแผ่วเบาคิดถึงอนาคตของน้องสาวฝาแฝดที่กำลังริบหรี่เพราะการกระทำของมารดา ‘นาราภัทรและนาราพรรณ หรือน้ำหนาวกับน้ำค้าง’ ฝาแฝดเทียมอันเป็นน้องสาวที่รักของเธอกำลังศึกษาต่อระดับปริญญาโทอยู่ที่อเมริกาด้วยกันทั้งคู่ ค่าใช้จ่ายที่ต้องส่งไปให้น้องทั้งสองในแต่ละเดือนก็มากโขเอาการ ถึงแม้ว่าน้ำหนาวกับน้ำค้างจะช่วยแบ่งเบาภาระด้วยการหางานทำในร้านอาหารของคนไทยในรัฐที่อาศัยอยู่ แต่เธอก็ต้องส่งเงินให้น้องๆ ทุกเดือน เมื่อก่อนเธอเป็นประธานโรงแรมมีเงินเดือนค่อนข้างมากสามารถส่งน้องทั้งสองได้อย่างสบายๆ ไม่เดือดร้อนอะไร แต่ตอนนี้ถูกลดตำแหน่งมาเป็นแค่เลขาฯ ของเจ้าชายฮารีฟร์ ซึ่งแน่นอนว่าเงินเดือนต้องลดตามตำแหน่งอย่างแน่นอน แต่ไม่ว่าจะอับจนหนทางอย่างไรหญิงสาวก็จะส่งเสียให้น้องสาวทั้งสองเรียนจบปริญญาโทให้ได้
นันทิตาได้ยินถ้อยคำตัดพ้อของลูกสาวก็หัวเราะหยันออกมาโดยไม่รู้สึกเดือดร้อนกับปัญหาที่กำลังรอนีราพรรณอยู่ในภายภาคหน้า
“แกจะหาเงินจากไหนมาส่งน้องฝาแฝดของแกเรียนต่อฉันไม่สน และฉันขอสั่งห้ามแกว่าอย่ามายุ่งกับเงินที่ฉันขายโรงแรม”
“น้ำเหนือไม่ได้อยากได้เงินของแม่ แต่น้ำเหนือไม่เข้าใจว่าทำไมแม่ถึงขายสมบัติที่พ่อรักและภาคภูมิใจไป ทำไมแม่ไม่สนใจน้ำเหนือหรือน้องๆ ว่าจะอยู่กันอย่างไร”
นีราพรรณเอ่ยถามเสียงปนสะอื้น รู้สึกมานานแล้วว่าแม่ไม่เคยสนใจเธอกับน้องๆ แม่ไม่เคยโอบกอดพวกเธอไว้ด้วยความรักหรือเอ่ยชื่นชมพวกเธอเหมือนแม่คนอื่นๆ จะมีก็แต่พ่อเท่านั้นที่คอยให้กำลังใจให้ความรักกับสามสาวสามพี่น้องเสมอมา
นันทิตาจ้องมองลูกสาวเขม็งพลางเอ่ยตอบออกมาอย่างไร้ความรู้สึก
“ฉันไม่สนใจว่าพวกแกจะอยู่กันอย่างไร ตอนนี้ฉันกำลังมีความสุขกับชีวิตของฉันที่มีคุณอติรุธคอยอยู่เคียงข้าง แกกับยายฝาแฝดอย่าได้ยุ่ง”
“แม่พูดเหมือนกับว่าแม่ไม่ได้รักพ่อ ไม่ได้รักพวกหนู”
นีราพรรณครางเสียงปนสะอื้น น้ำตาอุ่นใสร่วงเผาะลงมาตามพวงแก้มเนียนแดงปลั่ง จากนั้นก็ต้องผงะหน้าถอดสีเมื่อได้ยินคำตอบของมารดา
“ฉันไม่เคยรักพ่อแก สมัยสาวๆ ฉันรักอยู่กับผู้ชายอีกคนแต่เขาจนไม่ได้ร่ำรวยเหมือนพ่อของแก เพื่อไม่ให้ท้องร้องปากหิวฉันต้องเลือกเงินแทนความรัก ฉันไม่เคยอยากมีลูกที่ร้องไห้กระจองอแงยามค่ำคืน หลังจากมีแกแล้วฉันตั้งใจจะทำหมันแต่ก็ผิดพลาดมียายฝาแฝดทั้งสองก่อน ฉันจะเอาเด็กออกแต่พ่อของแกขอร้องไว้โดยแลกเด็กในท้องกับหุ้นทั้งหมดของเดอะธารา
แกรนด์โฮเทล”
นีราพรรณลุกขึ้นยืนอย่างเชื่องช้าตามเรี่ยวแรงที่ลดน้อยถอยลงจากสิ่งที่ได้ยินมารดาเอ่ยบอกมา หญิงสาวจ้องมองมารดาด้วยสายตาเจ็บปวดแดงก่ำน้ำตาเอ่อคลอเบ้าก่อนจะไหลลงไปเป็นทางยาวโดยปราศจากเสียงสะอื้นร้องไห้
“น้ำเหนือเพิ่งเข้าใจเดี๋ยวนี้นี่เองว่าเพราะเหตุใดแม่ถึงไม่สนใจพ่อ ไม่สนใจน้ำเหนือและน้องๆ ขอให้แม่มีความสุขกับผู้ชายที่เป็นเหมือนตัวทากคอยดูดเลือดแม่ วันใดที่แม่ไม่มีเงินให้เขา เขาจะทอดทิ้งแม่ไปทันที ถึงตอนนั้นน้ำเหนือและน้องๆ ก็พร้อมที่จะรอรับแม่เหมือนเดิม”
นีราพรรณคว้ากระเป๋าสะพายกอดไว้แน่นจากนั้นก็ก้าวเดินช้าๆ ไปที่ประตูห้อง แต่ไม่ทันเดินพ้นจากห้องชุดสุดหรูหญิงสาวก็แทบล้มทั้งยืนเมื่อได้ยินคำพูดต่อท้ายของมารดา
“แกอย่าจองหองมาสั่งสอนฉัน ฉันรู้ตัวดีว่ากำลังทำอะไร ฉันบอกให้เอาบุญน่ะยายน้ำเหนือ ฉันไม่ได้ขายแค่
เดอะธาราแกรนด์โฮเทลเท่านั้น แต่ฉันขายบ้านหลังงามที่คุ้มกะลาหัวแกให้กับเจ้าชายฮารีฟร์ อัล ริฟาอีลส์ด้วย”