บทที่ 2 (2)
นีราพรรณจอดรถเก๋งใต้อาคารจอดรถภายในโรงแรมจากนั้นก็รีบเดินเป็นวิ่งไปขึ้นลิฟท์ กระเป๋าเอกสารสีดำใบใหญ่ถูกกอดไว้ในอ้อมแขน มือบางอีกข้างยกขึ้นมองเวลาบนนาฬิกาข้อมือ ใบหน้างามซีดเป็นกังวลเมื่อเห็นว่าเลยเวลาประชุมมาเกือบสองชั่วโมงแล้ว วันนี้เป็นวันซวยของเธอจริงๆ นอกจากจะทะเลาะกับมารดาแล้วยังเจออุบัติเหตุแต่เช้า พอขับรถออกมาจากบริเวณเกิดเหตุได้นิดเดียวก็ต้องเจอกับปัญหารถติดอีกยาวเหยียด กว่าจะขับรถมาถึงโรงแรมได้เล่นเอาเธอเหนื่อยแทบพับ
เมื่อลิฟท์วิ่งมาถึงชั้นบนสุดหญิงสาวก็รีบก้าวเท้ายาวๆ เข้าไปยังห้องทำงานของตนเอง กระเป๋าสะพายใบเล็ก กระเป๋าเอกสารพร้อมกุญแจรถถูกโยนไปบนโต๊ะทำงานจากนั้นก็รีบเข้าไปในห้องน้ำสำรวจความเรียบร้อยของผมเผ้าหน้าตาเสร็จแล้วก็คว้ากระเป๋าเอกสารเดินตรงดิ่งไปยังห้องประชุมซึ่งอยู่ถัดจากห้องทำงานของตนเองไม่กี่เมตร
หญิงสาวยกมือเคาะประตูห้องประชุมเบาๆ เพื่อให้คณะกรรมการได้รับรู้การมาถึงของเธอจากนั้นก็เปิดประตูออกกว้างก้าวเข้าไปในห้องพร้อมด้วยรอยยิ้มหวานขอลุแก่โทษสำหรับการมาประชุมสาย ใบหน้างามเนียนลออที่แย้มยิ้มหวานก่อนหน้านี้มีอันต้องซีดเผือดไร้สีเลือดเมื่อสายตาทุกคู่ได้จับจ้องมองที่เธอจากนั้นก็หันไปมองคนตัวใหญ่ที่นั่งอยู่หัวโต๊ะแล้วพากันก้มหน้านิ่งไม่พูดไม่จา
“นี่อะไรกันคะ...ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้มานั่งที่เก้าอี้ของน้ำเหนือ”
นีราพรรณเอ่ยถามคณะกรรมการทุกคนด้วยน้ำเสียงสั่นเทา เธอจำบุรุษชาติชาวอาหรับที่นั่งอยู่หัวโต๊ะได้แม่นยำว่าเขาคือเจ้าชายฮารีฟร์ อัล ริฟาอีลส์ คู่กรณีที่เธอเพิ่งขับรถชนเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา แต่เธอไม่เข้าใจว่าชาวอาหรับสองคนนี้ทั้งคนที่เป็นเจ้าชายและองครักษ์มาทำอะไรที่ห้องประชุมและนั่งลงบนเก้าอี้ที่เคยเป็นตำแหน่งของเธอมาก่อน
‘ปยุต’ หนึ่งในคณะกรรมการโรงแรมที่อาวุโสน้อยที่สุดและแอบชอบนีราพรรณมานานแล้วได้ผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ก้าวเท้าไปหานีราพรรณพร้อมกับจับต้นแขนขาวเนียนไว้แน่นขณะที่เอ่ยบอกข่าวร้ายที่สุดในชีวิตของหญิงสาว
“คุณแม่ของน้ำเหนือขายหุ้นเดอะธาราแกรนด์โฮเทลที่มีทั้งหมดให้กับเจ้าชายฮารีฟร์ อัล ริฟาอีลส์ ตอนนี้เจ้าชายเป็นท่านประธานคนใหม่และเป็นเจ้าของเดอะธาราแกรนด์โฮเทลไปแล้ว”
“อะ...อะไรนะคะ”
นีราพรรณร้องถามเสียงหลงจ้องมองไปที่บุรุษชาติชาวอาหรับผู้หล่อเหลาด้วยสายตาไม่เชื่อสักเท่าไหร่ แล้วก็ต้องหลุบตาลงเมื่อพานพบกับกระแสแห่งความไม่พอใจที่กำลังจ้องมองเขม็งมาที่เธอเช่นเดียว
“ที่...คุณปยุตพูดเมื่อสักครู่เป็นเรื่องจริงหรือคะ”
นีราพรรณเอ่ยถามเสียงเบาหวิว ไม่อยากเชื่อว่ามารดาจะทำดังคำบอกเล่าของปยุต
“ออกไปคุยกันข้างนอกก่อนน่ะน้ำเหนือ”
ปยุตไม่ได้รอให้นีราพรรณปฏิเสธหรือเอ่ยตอบรับ เขากระชับต้นแขนขาวผ่องไว้แน่นแล้วดึงเรือนร่างบางระหงของหญิงสาวที่ตนแอบนิยมชมชอบให้เดินออกจากห้องประชุมด้วยกัน
เจ้าชายฮารีฟร์กัดฟันกรอดนัยน์ตาคมกริบจ้องมองตามมือสีแทนของชายหนุ่มที่กำต้นแขนเนียนขาวของนีราพรรณไว้ด้วยความไม่พอใจ ใครก็ไม่มีสิทธิ์มาจับแตะต้องหญิงสาวที่เขาต้องตาต้องใจ เรือนร่างใหญ่โตในชุดสูทผุดลุกขึ้นแล้วผลักเก้าอี้ออกอย่างรวดเร็วจนเก้าอี้ตัวใหญ่แบบมีล้อเลื่อนไถลไปปะทะกับผนังห้องดังโครม!...
คณะกรรมการทุกคนต่างก็ตกใจเมื่อได้เห็นเจ้าชายฮารีฟร์ตีสีหน้าถมึงทึงกัดฟันกรอดขณะที่เดินกระแทกเท้าออกไปจากห้องประชุม
อานีสต์นั่งนิ่งเฉยขณะมองตามเจ้าเหนือหัวที่กำลังตีหน้าบึ้งกระแทกเท้าปึงปังออกไป เขารู้ว่าเจ้าชายกำลังไม่พอใจเอาอย่างมากที่ไอ้หนุ่มหน้าจืดคนตะกี้บังอาจเอื้อมมือไปจับแตะต้องหญิงงามที่เจ้าชายได้พึงพอใจตั้งแต่แรกเห็น
นีราพรรณสะบัดแขนให้หลุดพ้นจากการจับเกาะกุมของเพื่อนร่วมงานพลางเอ่ยถามเสียงสั่นเทาถึงเรื่องที่เธอไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น
“ปล่อยมือน้ำเหนือน่ะปยุต แล้วเล่าเรื่องทั้งหมดให้น้ำเหนือฟังเดี๋ยวนี้”
ปยุตปล่อยมือจากต้นแขนเนียนนุ่มอย่างแสนเสียดาย เขาหันซ้ายหันขวาเมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่ตรงบริเวณทางเดินจึงได้เอ่ยบอกเรื่องราวความเป็นมาตามที่ตนเองได้รับรู้ก่อนหน้านี้แค่ไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา
“คือคุณนันทิตาขายหุ้นของโรงแรมที่มีอยู่ทั้งหมดให้กับเจ้าชายฮารีฟร์ อัล ริฟาอีลส์ เจ้าชายแห่งประเทศอัลนูรีน หุ้นของคุณนันทิตาที่มีทั้ง 70 เปอร์เซ็นต์ทำให้เจ้าชายคนนี้เป็นเจ้าของเดอะธาราแกรนด์โฮเทลไปโดยปริยาย”
“ไม่จริงใช่มั้ยปยุต คุณแม่ไม่ได้ขายหุ้นทั้งหมดให้เขาใช่มั้ย”
นีราพรรณหลุดเสียงร้องถามสั่นเครือด้วยไม่เชื่อว่ามารดาจะทำกับเธอกับน้องและกับพ่อได้ ดวงตากลมโตสีน้ำตาลเข้มมีหยาดน้ำตาเอ่อคลอด้วยความเสียใจกับการกระทำของมารดา
“แม่ของเจ้าขายหุ้นเดอะธาราแกรนด์โฮเทลให้เราทั้งหมดแล้ว...น้ำเหนือ”
นีราพรรณหันควับไปตามน้ำเสียงห้าวทุ้มที่เอ่ยตอบอยู่ด้านหลัง แล้วก็ต้องผงะถอยหลังด้วยความตกใจเมื่อจมูกโด่งได้รูปสวยโฉบเข้ามาใกล้กับแก้มเนียนแดงปลั่งของเธอขณะที่เอ่ยย้ำคำตอบอีกครั้ง
“ตอนนี้เราเป็นเจ้าของเดอะธาราแกรนด์โฮเทลโดยไม่ต้องสงสัย และเจ้าก็ไม่ได้อยู่ในฐานะของประธานโรงแรมอีกต่อไปแล้ว”
นีราพรรณถึงกับเซผงะถอยหลังเอนกายพิงกับผนังทางเดินราวกับว่าต้องการให้ผนังสีขาวเย็นเฉียบช่วยยึดร่างเธอไว้ไม่ให้ทรุดลงไปกองกับพื้น
“น้ำเหนือ...”
ปยุตเอ่ยเรียกหญิงสาวที่ตนแอบชอบด้วยความเป็นห่วง เขาสืบเท้าเข้าไปใกล้ร่างบางระหงที่เอนกายพิงผนังสีขาวอย่างอ่อนแรง แขนสีแทนกำลังจะเอื้อมเข้าไปช่วยพยุงหญิงสาวก็มีอันต้องชะงักอยู่กลางอากาศเมื่อเจอเสียงตวาดห้ามทุ้มลึกจากเจ้าชายฮารีฟร์
“ห้ามแตะนีราพรรณอีก”
ปยุตรีบหดมือกลับพร้อมกับก้าวถอยห่างออกมาจากนีราพรรณหลายก้าวขณะได้ยินเสียงสั่งห้ามลอดผ่านไรฟัน นัยน์ตาคมกริบที่จ้องมองเขม็งออกคำสั่ง ‘ไล่’ ผ่านทางสายตาทำให้เขาต้องรีบเดินกลับไปที่ห้องประชุมอย่างรวดเร็ว
นีราพรรณมองตามปยุตที่เดินไปอย่างรวดเร็วก็ทำท่าจะผละหนีบ้างแต่ก้าวเดินไม่ทันพ้นบริเวณก็ถูกมือหนาใหญ่แข็งแกร่งปานเหล็กไหลกระชากต้นแขนขาวเนียนเข้าไปปะทะกับอกกว้างบึกบึน
“จะไปไหน”
เจ้าชายฮารีฟร์ตะคอกถามห้วนๆ ด้วยความโมโห ยิ่งเห็นดวงตาคู่สวยสีน้ำตาลเข้มมองตามชายหนุ่มหน้าจืดยิ่งทำให้ โมโหหนักเข้าไปอีก ความรู้สึกเช่นนี้ไม่แน่ใจว่าเรียกว่าอาการหึงหวงหรือเปล่าแต่ที่แน่ๆ คือเจ้าชายผู้ยิ่งใหญ่ทระนงอย่างเขาไม่เคยมีอาการแบบนี้กับหญิงสาวผู้ใดมาก่อน
“ปล่อยแขนฉันเดี๋ยวนี้น่ะ”
นีราพรรณพยายามสะบัดแขนให้หลุดจากพันธการของมือใหญ่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเหล็กไหล แต่สะบัดทำไหร่ก็สะบัดไม่หลุดแถมต้นแขนอีกข้างของเธอถูกจับไว้มั่นแล้วดึงเข้าไปปะทะกับอกกว้างจนเธอรู้สึกเจ็บทั่วบริเวณที่ปะทะกับกำแพงมนุษย์
“เจ้าจะตามไอ้ผู้ชายหน้าจืดคนนั้นไปหรือ”
เจ้าชายฮารีฟร์กระซิบถามเสียงลอดไรฟันด้วยความขุ่นเคือง มือหนาที่จับต้นแขนทั้งสองไว้บีบลงไปอย่างหนักมือด้วยความลืมตัว
“ฉันจะกลับไปที่ห้องทำงานของฉัน”
นีราพรรณกำลังเสียใจกับการกระทำของมารดาจึงไม่มีอารมณ์มาต่อล้อต่อเถียงกับใครหน้าไหนทั้งนั้น มือบางพยายามผลักเรือนกายกำยำใหญ่โตให้ถอยห่างออกไป ในขณะนี้เธอต้องการโทรศัพท์ติดต่อสอบถามมารดาว่าเรื่องที่เธอได้ยินมานั้นเป็นความจริงหรือว่าเป็นเพียงฝันร้าย...
เจ้าชายฮารีฟร์หัวเราะหยันในลำคอ ใบหน้าคมหล่อเหลาก้มลงมาใกล้จนจมูกโด่งได้รูปสวยสัมผัสแผ่วเบาตรงปลายจมูกโด่งของนีราพรรณ
“เจ้าพูดผิดแล้วน่ะน้ำเหนือ ห้องทำงานของเจ้าไม่มีแล้ว”
“ทำไม...”
นีราพรรณกระซิบถามแทบไม่พ้นลำคอ ดวงตาคู่สวยมีน้ำตาเอ่อคลอจนเจ้าตัวต้องกะพริบตาถี่ๆ ไล่น้ำตาให้เหือดแห้งไป
“เพราะห้องนั้นเป็นห้องทำงานของท่านประธานคนใหม่นั่นก็คือตัวเรา ส่วนเจ้า...ตอนนี้ไม่ได้อยู่ในฐานะประธานของเดอะธาราแกรนด์โฮเทล เจ้าเป็นแค่พนักงานโรงแรมเหมือนคนอื่นๆ”
เจ้าชายฮารีฟร์ยิ้มเยาะตรงมุมปาก มือใหญ่ร้อนผ่าวกระชับต้นแขนเนียนแล้วดึงเข้ามากอดไว้แนบแน่นยิ่งกว่าเดิมเมื่อนีราพรรณพยายามดิ้นรนเบี่ยงกายให้หลุดพ้นจากพันธการแข็งแกร่ง
ถ้อยคำที่ตอกย้ำถึงฐานะหน้าที่การงานทำให้นีราพรรณตกใจหน้าขาวซีดยิ่งกว่าตอนที่เธอขับรถชนรถเบ็นซ์คันงามของเจ้าชายผู้นี้เสียอีก มือไม้แข้งขาไร้เรี่ยวแรงไม่อาจพยุงกายไว้ได้จนเจ้าตัวเผลอเอนกายไปพิงอกกว้างแข็งแรงไว้
“คุณแม่ขายโรงแรมให้คุณจริงหรือคะ”
นีราพรรณเอ่ยถามออกมาได้อย่างยากเย็น ถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริงเธอกับน้องสาวอีก 2 คนจะทำเช่นไร และถ้าหากพ่อที่กำลังไม่สบายอยู่ได้รับรู้เรื่องนี้เข้าท่านคงทำใจยอมรับไม่ได้
เจ้าชายฮารีฟร์ลอบอมยิ้มด้วยความพึงพอใจเมื่อรับรู้ได้ถึงปทุมอวบอิ่มที่ปะทะกับอกกว้างของตนเองขณะที่นีราพรรณลืมตัวเอนกายมาพิงกายเขาไว้ นิ้วเรียวยาวเชยคางมนให้เงยหน้าขึ้นสบตากันจากนั้นก็เอ่ยตอบช้าๆ ชัดๆ ให้คำพูดของตนซึมซับไปทั่วกายใจของหญิงสาว
“เราคือเจ้าของเดอะธาราแกรนด์โฮเทลคนใหม่”
‘และเป็นเจ้าของหัวใจของเจ้าด้วย’