บทที่ 4 (2)
เขานอนแน่นิ่งให้นันท์นลินรับรู้ว่ายังมีตัวเขาอยู่ในกายเธอ นัยน์ตาสีทองเหลือบสายตามองใบหน้าหวานด้วยความแปลกใจกับมนต์ตราที่เธอร่ายใส่เขา ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนทำให้เขาสุขสมมีความสุขกับการบรรเลงเพลิงรักที่เร่าร้อนและไม่เคยมีใครทำให้เขาต้องการเป็นครั้งที่สอง ครั้งที่สามและต่อไปอีกหลายๆ ครั้งไม่มีจบสิ้นได้เท่ากับนันท์นลิน
‘บ้าชะมัด!’
บารอนสบถกร้าวอยู่ในใจ เวลาผ่านไปแค่ไม่กี่นาที ร่างกายเขาก็พร้อม
พรักสำหรับเพลงรักอีกบท เขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน แต่กับนันท์นลิน...เธอเป็นแม่มดร้ายที่ร่ายมนต์จนทำให้เขาลุ่มหลงในรสเสน่หาจนขาดการควบคุม เขาพลิกกายลงจากร่างบางเดินกระแทกเท้าเข้าไปห้องน้ำจากนั้นก็ปล่อยให้สายน้ำเย็นฉ่ำรินรดกายดับไฟร้อนที่กำลังปะทุขึ้นมาอีกครั้ง
“ระยำ!”
คราวนี้บารอนสบถเสียงดังลั่นห้อง เขาก้มลงมองหลักฐานตรงแก่นกายที่ไม่ยอมสงบสิโรราบง่ายๆ สายน้ำที่เย็นฉ่ำไหลรินทั่วกายไม่สามารถทำให้ไฟรักสงบลงได้ มีวิธีเดียวเท่านั้นที่จะทำให้สงบได้คือการกลับไปหานันท์นลินอีกครั้ง เขาอยากให้ตัวเองมีเวลามากกว่านี้เพื่อที่จะได้ร่วมรักกับนันท์นลินเป็นครั้งที่สอง สามตามที่ใจและร่างกายต้องการ แต่ภาระหน้าที่บนเรือที่กำลังรออยู่ทำให้เขาไม่สามารถทำดังใจปรารถนาได้ และอีกอย่างร่างกายของนันท์นลินเองก็ควรได้รับการพักผ่อนเช่นเดียวกัน การที่เธอสามารถรับและตอบสนองอารมณ์ดิบของเขาได้อย่างเต็มเปี่ยมทำให้ร่างกายเธออ่อนล้า การโรมรันครั้งที่สองอาจจะหนักเกินไปสำหรับเรือนร่างบอบบางของเธอ
นันท์นลินยันกายพิงหัวเตียงเย็นเฉียบ มือบางดึงผ้าห่มมาแนบกระชับกาย นัยน์ตาคู่สวยแดงก่ำปวดร้อนจากน้ำตาที่กำลังไหลรินลงมาอย่างบังคับไว้ไม่อยู่ ริมฝีปากอวบอิ่มเม้มเข้าหากันจนเป็นเส้นตรงด้วยความอดสูในตัวเอง
เธอทำตัวไม่ต่างจากผู้หญิงที่กัปตันดี ทีสต์ เคยซื้อมาหลับนอนชั่วคราว ไม่ว่ากัปตันเรือผู้ยิ่งใหญ่สั่งให้ทำอะไรเธอก็ทำตามราวกับผู้หญิงที่ร่านราคะ ร่างกายตอบสนองกัปตันดี ทีสต์ อย่างเร่าร้อนไม่เอียงอาย เธอกำลังตกอยู่ในบ่วงรักของกัปตันดี ทีสต์ ที่ไร้ซึ่งหัวใจ
หญิงสาวรีบยกมือปาดน้ำตาออกจากใบหน้าเมื่อเสียงน้ำหยุดไป ใบหน้างามแดงก่ำร้อนผ่าวลงไปถึงลำคอเมื่อเงยหน้าขึ้นมองกัปตันหนุ่มที่กำลังเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยกายเปลือยเปล่า เธอรีบยกผ้าห่มคลุมหัวแล้วไถลตัวลงไปนอนเงียบใจเต้นตึกตักอยู่บนเตียงนุ่ม
หลังจากที่ข่มกายให้สงบนิ่งได้ กัปตันบารอนก็เริ่มอารมณ์ดีหัวเราะร่วนกับท่าทางนอนคลุมโปงของนันท์นลิน เขาเดินไปหยิบเสื้อผ้ามาสวมใส่ จากนั้นก็เดินด้วยปลายเท้าไปกระชากผ้าห่มมาถือไว้ด้วยมือข้างเดียวเปิดเปลือยร่างบางระหงให้ปรากฏต่อนัยน์ตาสีทอง
“เอาผ้าห่มคืนมาน่ะ”
นันท์นลินร้องลั่นโผเข้าไปแย่งผ้าห่มคืน เธอนั่งคุกเข่าอยู่บนเตียงเอนตัวเปล่าเปลือยไปพิงอกกว้างกำยำ มือบางก็พยายามเอื้อมไปคว้าผ้าห่มที่ถูกยกขึ้นสูงจนสุดแขนแข็งแกร่ง
“เก่งจริงก็แย่งคืนให้ได้สินลิน”
บารอนเอ่ยท้ายิ้มๆ ร่างกายที่สงบนิ่งเริ่มเดือดพล่านขึ้นมาอีกหนเมื่อหน้าอกอวบอิ่มละมุนมือปะทะกับอกกว้างเต็มแรง เขาแกล้งยกผ้าห่มขึ้นสูงจนสุดแขน พอนันท์นลินเอื้อมมาคว้าก็คว้าได้แต่ลม เป็นแบบนี้อยู่สองสามครั้งจนคนที่ต้องการผ้าห่มมาปิดบังร่างกายเริ่มทำหน้าเง้าผลักอกเขาอย่างแรงด้วยความโมโห
“อยากได้ก็เอาไปเลย นลินไม่ต้องการหรอกไอ้ผ้าห่มเฮงซวย”
นันท์นลินต่อว่าอย่างโกรธๆ ทำท่าจะผละออกแต่ถูกอ้อมแขนแข็งแกร่งโอบกอดไปรอบเอวบางคอดกิ่วแล้วดึงเข้ามาปะทะอกกว้างจนเธอรู้สึกจุกไปชั่วขณะ
“ยอมแพ้แล้วหรือนลิน” บารอนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงขบขำชิดกับริมฝีปากนุ่มหวาน
“ไม่ยอม แต่ไม่มีแรงสู้”
นันท์นลินเอ่ยตอบเสียงแผ่วเบาพลางก้มหน้างุดรู้สึกอับอายที่สุดเมื่อท้องร้องจ๊อกๆ ประท้วงเพราะความหิว...
บารอนหัวเราะร่วนด้วยความขบขำ มือหนาเชยคางมนให้เงยหน้าขึ้นสบตากันพร้อมกับกดจูบหนักหน่วงที่เรียวปากอวบอิ่มอย่างอดใจไว้ไม่อยู่
“เธอมันแม่มดร้ายชัดๆ”
บารอนคำรามชิดกับซอกคอก่อนจะเงยหน้าขึ้นเหลือบสายตามองเวลาบนนาฬิกาที่แขนติดกับผนังห้อง เกือบสิบโมงเช้าแล้ว เขายิ้มบางๆ ให้หญิงสาวพร้อมกับเอ่ยบอกแกมสั่งในตัว
“รออยู่ที่นี่ เดี๋ยวให้ลูกเรือยกอาหารมาให้”
“นลินขอขึ้นไปข้างบนได้มั้ยคะ ไม่อยากอุดอู้อยู่ในเคบิน” หญิงสาวร้องขอเสียงหวานช้อนสายตาจ้องมองนัยน์ตาสีทองอย่างรอคอย
บารอนหลุบสายตามองเรือนร่างอรชรงดงาดยิ่งกว่าภาพวาด ยั่วยวนรัญจวนใจยิ่งกว่านางใดในโลก เขาเกือบใจอ่อนกับน้ำเสียงหวานๆ ที่กำลังร้องขอ
“ไม่! คุณต้องรออยู่ในนี้ ห้ามขึ้นไปบนดาดฟ้าเรือเด็ดขาด”
“แต่นลินอยากขึ้นไปบนดาดฟ้า อยากไปสูดอากาศบริสุทธิ์”
ถ้าคาดหวังว่าจะได้ยินคำว่า ‘ค่ะ’ จากปากของหญิงสาวก็คงทำให้กัปตันบารอนผิดหวังอยู่ไม่น้อย เพราะนันท์นลินเถียงกลับอย่างไม่ยอมแพ้ นัยน์ตาคู่งามจ้องมองอีกฝ่ายเขม็งโดยไม่นึกเกรงกลัวสักนิด
“ทำไมคุณถึงได้ดื้อนักนันท์นลิน จะตอบรับง่ายๆ เหมือนผู้หญิงคนอื่นไม่ได้หรือยังไง”
บารอนเอ่ยงึมงำชิดกับปทุมคู่งามหอมละมุนติดจมูก มือหนาลูบไล้แผ่นหลังเรียบเนียนหนักมือขึ้นกว่าเดิมเลือดในกายร้อนฉ่าเดือดพล่านจนปวดร้าวไปทั่วกาย
“ให้นลินขึ้นไปด้วยนะคะ นลินทำงานบ้านและทำกับข้าวเป็นทุกอย่าง”
“ไม่!...นั่นไม่ใช่หน้าที่ของเธอ”
บารอนกัดฟันตอบระงับความต้องการได้จนสุดกำลัง เขาจ้องมองใบหน้างามแล้วเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงห้วนเย็นชาไร้ความรู้สึกทำให้คนฟังถึงกับสะอึกน้ำตาคลอเบ้า
“หน้าที่ของเธอไม่ใช่นางก้นครัว แต่เป็นนางบำเรอ...คอยให้ความสุขกับกัปตันดี ทีสต์”
นันท์นลินเม้มริมฝีปากที่สั่นระริกแน่น กะพริบตาถี่ๆ ไล่น้ำตาให้ไหลย้อนกลับไปดังเดิม ใบหน้าที่ซีดเผือดเชิดขึ้นอย่างถือดี นัยน์ตาคู่สวยจ้องมองอีกฝ่ายเขม็ง
“สามเดือนเท่านั้นคุณดี ทีสต์ จากนั้นนลินจะหลุดพ้นจากขุมนรก...หลุดพ้นจากการเป็นนางบำเรอของคุณ”
“ดี! คุณรู้หน้าที่ของคุณดีนี่ เพราะฉะนั้นจำไว้ว่าผมกลับลงมาที่เคบินคราใด คุณต้องทำหน้าที่ของคุณให้สมบูรณ์ บทรักเมื่อสักครู่ออกจะแข็งทื่อไปหน่อย ครั้งต่อไปแสดงให้นุ่มนวลกว่านี้ให้คุ้มกับเงินหนึ่งล้านที่ผมจ่ายไป”
บารอนกัดฟันกรอดเอ่ยย้อนเสียงลอดไรฟัน
“ค่ะ นลินจะจำใส่หัวสมองไว้”
คำตอบรับประชดประชันของนันท์นลินเป็นเชื้อเพลิงชั้นดีที่สาดเข้ากองไฟที่กำลังคุกรุ่นรอเวลาระเบิดออกมา
“บัดซบ!”
กัปตันบารอนสบถเสียงดังลั่นห้อง ใบหน้าคมแดงก่ำด้วยความโกรธ เขาก้มลงกระแทกริมฝีปากกดจูบแดกดันหนักหน่วงรุนแรงอย่างต้องการลงโทษหญิงสาวจากนั้นก็ผลักร่างบางให้ล้มลงไปนอนแผ่หลาบนเตียงนุ่ม
นันท์นลินจ้องมองกัปตันดี ทีสต์ ด้วยสายตาเจ็บปวดน้ำตารื้นขอบตาทั้งๆ ที่พยายามกลั้นไว้จนสุดกำลัง เธอเม้มริมฝีปากแน่นก่อนจะพลิกตัวหันหลังหนีสายตาสีทองที่จ้องมองมาอย่างลุแก่โทษที่เธอไม่มีโอกาสได้เห็น
บารอนสบถในลำคออีกครั้ง ใบหน้าคมเข้มสีแทนบึ้งตึง นัยน์ตาลุกโชนด้วยดวงไฟแห่งความโกรธ เขาเดินไปกระชากประตูเคบินออกกว้างแล้วกระแทกปิดอย่างแรง ทำไมนันท์นลินคอยแต่ย้ำเตือนถึงกำหนดเวลาที่ต้องอยู่ด้วยกัน แค่ครั้งแรกที่ได้กอดได้จูบลูบไล้และประทับรอยรักก็ทำให้เขาลุ่มหลงรักใคร่ในตัวเธอจนรู้สึกว่าสามเดือนมันเร็วเกินไปสำหรับเขา เขาไม่ต้องการให้กาลเวลานั้นมาถึง ต้องการเก็บเธอไว้เป็นสมบัติของเขาคนเดียว ไม่ต้องการให้เธอขึ้นไปบนดาดฟ้าเรือ ทั้งเนื้อทั้งตัวเธอมีแค่เสื้อเชิ้ตสีฟ้าบางๆ ปกปิดกาย เขาไม่อยากให้เธอขึ้นไปอวดเรือนร่างสวยงามน่าทะนุถนอมต่อสายตาของลูกเรือทั้งลำ
มาร์ค กำลังเดินมาบนทางเดินแคบๆ ถึงกับสะดุ้งโหยงหน้าซีดเผือดเมื่อได้ยินเสียงสบถดังลั่นของกัปตันหนุ่ม เขาไม่แน่ใจว่าเรื่องที่กำลังจะบอกให้กัปตันรับทราบจะเป็นการเติมเชื้อเพลิงเข้าไปในกองไฟที่กำลังลุกโชนหรือเปล่า
“เอ่อ...กัปตันครับ”
“อะไร”
บารอนกระชากถามเสียงห้วนดัง หันกลับไปมองประตูเคบินนิดหนึ่งก่อนจะสาวเท้ายาวๆ ขึ้นไปบนบันไดแคบๆ
“คือ...ลุกซ์อยากให้กัปตันขึ้นไปบนห้องทำงานของกัปตันหน่อยครับ”
มาร์คก้าวถอยหลังก้าวหนึ่งขณะที่เอ่ยตอบเสียงแผ่วเบาด้วยกลัวอารมณ์โกรธของกัปตันหนุ่มที่พร้อมจะตะบันแบบไม่เลือกหน้า กัปตันบารอนพยักหน้ารับ ใบหน้าคมเข้มหล่อเหลายังบึ้งตึงอยู่ขณะเดินตรงไปยังห้องทำงานของตนเอง
มาร์คมองตามจนกัปตันหนุ่มเดินลับสายตา เขาขมวดคิ้วด้วยความไม่แน่ใจพร้อมกับเอาใบหน้าแนบชิดกับประตูเคบิน ถ้าฟังไม่ผิดเขาได้ยินเสียงหญิงสาวใจกล้าที่ชื่อนันท์นลินสะอื้นร้องไห้เบาๆ เขาถอนหายใจยาวเฮือกใหญ่ด้วยความหนักใจที่ไม่อาจช่วยอะไรเธอได้ เขาได้แต่หวังว่าความดี ใจกล้าเด็ดเดี่ยวระคนอ่อนหวานของเธอจะทำให้กัปตันบารอนใจอ่อนลงได้
นันท์นลินสะอื้นร้องไห้เบาๆ ขณะที่ก้าวลงจากเตียงแล้วเดินตรงไปยังห้องน้ำ เธอยืนร้องไห้ตัวสั่นโยนใต้ฝักบัวที่กำลังปล่อยน้ำอุ่นไหลรินรดใบหน้า เธอใช้เกลือหอมถูตัวแรงๆ หวังลบรอยเพลิงรักแสนหวานล้ำออกไปจากกาย แต่ยิ่งลบล้างเธอยิ่งจดจำทุกลำนำท่วงทำนองเพลิงรักที่กัปตันดี ทีสต์ มอบให้ ยิ่งล้างออกมากเท่าใดเธอก็ยิ่งจดจำถึงการตอบสนองที่แสนเร่าร้อนที่เธอยอมทำตามคำสั่งของกัปตันดี ทีสต์ ทุกอย่าง มือบางยกขึ้นทุบไปบนกำแพงห้องน้ำติดๆ กันหลายครั้งจนข้อมือแตกเลือดออกซิบๆ ร่างบางค่อยๆ ทรุดตัวลงซบหน้ากับขอบอ่างอาบน้ำ น้ำตาอุ่นไหลลงเป็นทางยาวด้วยความอดสูชิงชังตัวเองเป็นที่สุด ปากเธอบอกว่าไม่...แต่ร่างกายเธอกลับร่ำเรียกร้องหากัปตันดี ทีสต์ ตลอดเวลา...
ลุกซ์ ต้นหนเรือกับลูกเรืออีกสองสามคนเงยหน้าขึ้นจากจอโน๊ตบุ๊คประสิทธิภาพสูงเมื่อเห็นกัปตันบารอนเดินหน้าถมึงทึงเข้ามาในห้องทำงาน ลูกเรือสองสามคนต่างก็รีบถอยกรูไปด้านหลังเมื่อเห็นใบหน้าและนัยน์ตาสีทองของกัปตันอย่างชัดเจน พวกเขารู้ว่ากัปตันกำลังเดือดเป็นไฟ เพราะฉะนั้นถอยห่างออกมาให้พ้นรัศมีจะเป็นการดีที่สุด
“กัปตันดูนี่ก่อนครับ”
ลุกซ์เอ่ยบอกเสียงเรียบพร้อมกับเลื่อนโน๊ตบุ๊คมาอยู่ตรงหน้ากัปตันหนุ่ม
“มีเรื่องด่วนอะไร”
บารอนกระชากเสียงถาม เดินตรงไปยังโน๊ตบุ๊คที่เปิดค้างอยู่ ใบหน้าคมเข้มค่อยๆ เปลี่ยนสีเป็นแดงก่ำ กัดฟันดังกรอดๆ จนเส้นเอ็นตรงลำคอโป่งพอง มือหนาทุบโต๊ะทำงานดังปัง! ด้วยความโกรธเมื่อเห็นภาพบนหน้าจอที่ถูกส่งมาจากภาคพื้นดิน
“ฝีมือใคร”
กัปตันบารอนหันหน้ามามองลูกเรืออย่างช้าๆ พร้อมกับเอ่ยถามเสียงเย็นยะเยือกจนลูกเรือขนลุกซู่ด้วยความหวาดกลัว
“คาดว่าเป็นฝีมือของไอ้เสี่ยพารุณ”
ลุกซ์มองภาพที่หน้าจอโน๊ตบุ๊คอีกครั้งขณะที่เอ่ยตอบ ภาพที่ภาคพื้นดินส่งมาเป็นความเสียหายของบริษัทเดินเรือที่ถูกกลุ่มอันธพาลลอบเข้าไปทำลายเมื่อคืน ป้ายบริษัทเดอะรอยัล อาดามัส กรุ๊ป ที่ทำด้วยสีทองงดงามแข็งแกร่ง ถูกป้ายด้วยสีดำจนมองไม่เห็นตัวอักษร กระจกตัวอาคารคาดว่าถูกปาด้วยหินหรือวัตถุหนักจนแตกละเอียดเกือบทุกบาน ต้นไม้ดอกไม้ประดับด้านหน้าถูกเหยียบและรื้อถอนจนไม่เหลือสภาพดี
“มีใครได้รับบาดเจ็บมั้ย”
“รปภ. ถูกลอบทำร้ายไปสามคนครับ เท่าที่สอบถามอาการก็มีแขนหักกับหัวแตก ตอนนี้นอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”
ลุกซ์เอ่ยตอบตามข้อมูลที่ได้รับแจ้งมา เขาคาดไม่ถึงว่าไอ้เสี่ยพารุณใจกล้าอาจหาญถึงขนาดมาแหย่เสือหลับอย่างกัปตันบารอน
“สั่งให้หมอดูแลพวกเขาให้ดีที่สุด แล้วก็ย้ายไปอยู่ห้องพิเศษด้วย ส่วนค่ารักษาให้เบิกกับทางบริษัท”
“ครับ แล้วกัปตันจะเอายังไงกับไอ้เสี่ยพารุณ ให้คนของเราไปจัดการกับมันเลยมั้ยครับ”
“ไม่ต้อง! ตีงูอย่าตีให้หลังหัก เราจะจัดการกับมันเอง กลับถึงเมืองไทยเมื่อไหร่มันจะได้รู้สักทีว่าไม่ควรมายุ่งกับคนอย่างกัปตันบารอน ดี ทีสต์”