บทที่ 7 เครื่องดักฟัง
วันต่อมา
บริษัท JRV LOGISTICS
แพรวามาทำงานตามปกติ ตระเตรียมเอกสารการประชุมและแฟ้มงานมากมายให้ประธานหนุ่ม วันนี้ก็เป็นอีกวันที่วุ่นวาย ปัญหาภายในเล็กน้อยยิบย่อยมากมายคอยให้หญิงสาวไปจัดการ
เสียงฝีเท้ากระทบพื้นหินอ่อนทำให้เลขาสาวเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสาร เธอส่งยิ้มให้ผู้มาใหม่อย่างเป็นมิตร
"สวัสดีค่ะคุณไทเป ไม่เจอกันนานเลย" เธอเอ่ยทักทายคนสนิทของเจ้านาย การที่ทำงานกับโอนิกซ์หลายปี ทำให้มีโอกาสพบเจอลูกน้องของเขาหลายครั้ง
"ครับ ตอนนี้นายว่างอยู่หรือเปล่า"
"คุณโอนิกซ์ไม่มีแขกค่ะ น่าจะเซ็นเอกสารอยู่"
ไทเปพยักหน้าให้เลขาสาว ไม่ได้สนใจการแต่งกายแปลกประหลาดล้าสมัยของเธอ แพรวาเตรียมจะลุกเคาะประตูแจ้งเจ้านายให้ก่อน แต่ชายหนุ่มก็ส่ายหน้าทำให้เธอนั่งลงตามเดิม
ก๊อก ก๊อก
"ไทเปครับ"
"อืม เข้ามา" เสียงทุ้มตอบกลับ
"คุณไทเปรับกาแฟหรือของว่างไหมคะ"
"ไม่ครับ ขอตัวก่อน"
ว่าจบชายหนุ่มก็ผลักประตูห้องทำงานใหญ่เข้าไป แพรวาจึงกลับมาสนใจกับกองเอกสารต่อ
"ได้อะไรไหม" โอนิกซ์เอนกายพิงพนักเก้าอี้เอ่ยถามขึ้นทันทีเมื่อพบหน้าคนสนิท
"เท่าที่ผมตรวจสอบดู ยังไม่พบความผิดปกติของลูกน้องเราคนไหนนะครับ"
"..."
"พวกลูกน้องที่มีหน้าที่ส่งของ ผมให้คนตามดูห่างๆ แล้ว ว่ามีแอบติดต่อกับใครลับหลังหรือเปล่า"
"..."
โอนิกซ์ระบายลมหายใจเฮือกใหญ่ เมื่อวานเขาก็ทำการไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดหมดแล้ว ก็ไม่เห็นว่าใครจะมีท่าทางน่าสงสัย แต่ลึกๆ อย่างไรเขาก็เชื่อว่าต้องมีคนในแอบส่งข้อมูลให้ศัตรูแน่นอน
ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ ไทเปยืนนิ่งที่หน้าโต๊ะทำงานปล่อยให้โอนิกซ์ครุ่นคิด มาเฟียหนุ่มเท้าคางกับเก้าอี้ มืออีกข้างหมุนควงปากกา เหม่อมองไปทั่วห้องอย่างใช้ความคิด ก่อนจะรู้สึกตงิดใจเมื่อเห็นองศาของโต๊ะเตี้ยหน้าโซฟาขยับเปลี่ยนไปจากเมื่อวาน
ด้วยไอคิวที่มากกว่าคนปกติ ทำให้ชายหนุ่มสามารถจดจำรายละเอียดเล็กน้อยได้แม่น แต่ที่ตอนแรกไม่ทันได้สังเกตเพราะไม่ได้ใส่ใจมอง
เขาหรี่ตาจ้องมองมันนิ่งๆ จนไทเปที่ยืนอยู่สงสัย หันไปมองตามสายตาเจ้านาย แต่ก็ไม่อาจเข้าใจความคิดชายหนุ่มได้
โอนิกซ์เลื่อนเก้าอี้ลุกเดินตรงไปยังโต๊ะเตี้ยตัวนั้น เพื่อมองหาสิ่งผิดปกติ
"อีก 3 วันส่งของรอบหน้า เราจะเปลี่ยนสถานที่ เรื่องเมื่อวานทำให้ลูกค้าหัวเสียมาก"
ไทเปขมวดคิ้วงุนงงในทีแรก แต่เมื่อเห็นสายตาของผู้เป็นนายก็เริ่มเข้าใจ เพราะความจริงนัดครั้งต่อไปคืออาทิตย์หน้า ร่างโปร่งของมือขวาคนสนิทเริ่มเดินไล่ดูสิ่งของต่างๆ ภายในห้อง พลางพูดตอบโต้เจ้านายไปด้วย
"ที่ไหนครับ"
"กูว่าแถวเลียบแม่น้ำ xx ตรงนอกเมือง"
"ของรอบนี้ล็อตใหญ่มาก เราเตรียมคนไปคุ้มกันเยอะหน่อยดีกว่าครับ"
สองหนุ่มเดินไปทั่วห้อง หยิบจับข้าวของขึ้นมาดู ทั้งแจกันดอกไม้ ชั้นวางของ หลังกรอบรูป จนไทเปเดินไปยังชั้นวางแฟ้มเอกสารเก่าอีกด้านของห้องทำงาน หยิบรื้อแฟ้มมากองวางไว้บนพื้นเพื่อตรวจเช็กให้ละเอียด
นิ้วเรียวสัมผัสแตะถูกวัตถุบางอย่างบนหลังแฟ้มเล่มหนึ่ง ชูมันขึ้นมาเงียบๆ บอกเจ้านายว่าพบเจอของน่าสงสัยแล้ว
"ถ้าส่งคนไปเยอะจะเป็นที่น่าสงสัยได้ คัดเฉพาะมือดี 20 คนพอ"
โอนิกซ์ตอบเสียงเรียบตามเดิม แต่แววตาใต้กรอบแว่นลุกโชนด้วยโทสะ เมื่อเห็นเครื่องดักฟังขนาดเล็กแปะอยู่ที่หลังแฟ้มเอกสาร มือหนากำแฟ้มแน่นจนเส้นเลือดแขนปูดโปนบ่งบอกถึงอารมณ์ตอนนี้ได้เป็นอย่างดี
แสดงว่าไอ้คนทรยศมันอยู่ใกล้ตัวเขากว่าที่คาดคิดเสียแล้ว
"มึงไปเตรียมการให้เรียบร้อย 4 ทุ่ม เลียบแม่น้ำ xx ไม่ต้องให้คนรู้เยอะ"
ว่าจบโอนิกซ์ก็จัดการขยี้เครื่องดักฟังจิ๋วจนมันแหลกคามือ ไทเปลอบกลืนน้ำลายด้วยความหวาดเสียว รู้สึกจะมีคนไม่กลัวตาย ถึงกล้าเข้ามาติดเครื่องดักฟังถึงภายในห้องทำงานส่วนตัวของมาเฟียหนุ่ม
"..."
ร่างสูงไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก เพียงแค่ใช้สายตาคมตวัดมองคนสนิท และก้าวยาวๆ ผ่านลูกน้องไป ไทเปก็เข้าใจความหมายแล้วว่าจะไปพูดคุยกันต่อที่อื่น
ปัง!
"ประธานจะไปไหนคะ อีก 5 นาที มีประชุม" แพรวารีบลุกขึ้น ร้องถามตามหลังเมื่อร่างสูงเดินดุ่มๆ ออกจากห้องมา รังสีอันตรายกระจายทั่วบริเวณทำเลขาสาวขนลุกวาบอย่างไร้สาเหตุ
"..."
ชายหนุ่มนิ่งเงียบไม่ตอบอะไรกลับมา ทำให้หญิงสาวต้องส่งสายตาเต็มไปด้วยคำถามใส่ลูกน้องคนสนิทของเขาแทน
"เอ่อ...คือ"
"นายมีธุระครับ คุณแพรวาเข้าประชุมแทนเลย" ว่าจบก็ก้มหัวเป็นการบอกลาเธอและก้าวตามหลังประธานหนุ่มไป
แพรวาอ้าปากค้างยืนมึนงงอยู่พักใหญ่ กว่าจะได้สติเจ้านายก็ลงลิฟต์หายไปแล้ว ปล่อยหน้าที่รับผิดชอบทุกอย่างไว้กับเลขาสาวคนเดียว
"โอ๊ย อะไรเนี้ย อีแพรวารับจบอีกแล้ว!" ร่างเล็กพึมพำด้วยความหงุดหงิด รีบรื้อหาเอกสารที่ต้องใช้และรีบตรงไปยังห้องประชุม แม้จะเหนื่อยใจกับผู้เป็นเจ้านาย แต่เห็นแก่เงินเดือนหลักแสนที่ได้รับ สุดท้ายก็ไม่มีทางเลือก ต้องเข้าประชุมโดยไร้เงาของประธานบริษัท
โอนิกซ์ไม่ได้ไปไหนไกล แต่ขึ้นมานั่งในรถยนต์ส่วนตัวที่จอดไว้หน้าบริษัท คว้าโน๊ตบุ๊คราคาแพงที่ข้างเบาะขึ้นมา รัวแป้นพิมพ์เพื่อรื้อหาไฟล์วิดีโอย้อนหลัง ไอเย็นเฉียบถูกส่งออกมาจากร่างกำยำเป็นระยะ ทำให้ไทเปและลูกน้องอีกคนไม่กล้าพูดอะไรแม้แต่น้อย กลัวว่าจะไปกระตุ้นให้เจ้านายระเบิด
อารมณ์ของโอนิกซ์เรียกได้ว่าเดือดพล่าน การที่เครื่องดักฟังถูกติดภายในห้องทำงานส่วนตัวถือเป็นการหยามหน้าจนเกินไปแล้ว เขาไล่มองภาพไปเรื่อยๆ ฝ่ามือหนากำเข้าและคลายออกอยู่หลายครั้ง
โทสะในกายเริ่มพุ่งสูง แม้จะติดกล้องไว้ภายในห้อง แต่มุมที่คนร้ายแอบติดเครื่องดักฟัง ดันเป็นมุมอับสายตาที่กล้องวงจรปิดถ่ายไปไม่ถึง แต่ถึงกระนั้นเขาก็พอได้รายชื่อของบุคคลต้องสงสัยมาบ้าง
ส่วนโต๊ะรับรองภายในห้อง มีแม่บ้านคนหนึ่งเผลอชนมันจึงขยับไปจากตำแหน่งเดิมเท่านั้น แต่นั้นก็ทำให้เขานึกเอะใจขึ้นมา และตรวจพบของที่ถูกซุกซ่อนเอาไว้จนได้
"มึงจัดการสืบข้อมูล แล้วลาก 2 คนนี้ไปสอบสวนซะ"
โอนิกซ์หันหน้าจอโน๊ตบุ๊คให้ไทเปที่นั่งเบาะหน้าดู ปรากฏใบหน้าของบุคคล 3 คน ขึ้นมาบนจอ สองคนในนั้นเป็นแม่บ้านที่เข้าไปทำความสะอาดในห้องของเขา
"เอ่อแล้ว..."
"คนนี้กูจัดการเอง" โอนิกซ์พูดแทรกขึ้นมา
ใบหน้าหล่อร้ายแสยะยิ้มเหี้ยมเกรียมเอ่ยเสียงลอดไรฟัน ดึงโน๊ตบุ๊คกลับไปวางบนตัก จ้องมองภาพหญิงสาวทรงผมกระเซอะกระเซิง สวมแว่นตาหนาเตอะด้วยแววตายากจะอธิบาย ความรู้สึกหน่วงๆ แปลกประหลาดปรากฏขึ้นเป็นระยะกลางอก
แพรวาฟุบหน้าลงกับโต๊ะทำงานด้วยความเหนื่อยล้า หลังจากต้องเข้าประชุมแทนเจ้านายอยู่เกือบ 3 ชั่วโมง และต้องนั่งจัดการกองเอกสารที่เหลือต่ออีก พลังงานในกายก็แทบไม่เหลือ เธอเหลือบมองนาฬิกาตัวเล็กบนโต๊ะก็รู้สึกท้อแท้ใจ เมื่อเห็นว่าล่วงเลยเวลาเลิกงานไปนานแล้ว
เธอบิดกายเล็กน้อยขับไล่ความเมื่อยล้า ไล่อ่านเอกสารตรงหน้าอีกพักหนึ่ง ก็เหลือบมองไปยังประตูห้องทำงานของโอนิกซ์
ร่างเล็กตัดสินใจผลักประตูเข้าไป เดินตรงไปยังโต๊ะทำงานของชายหนุ่ม ห้องกว้างยังหลงเหลือไอเย็นของเครื่องปรับอากาศอยู่บ้าง ความมืดมิดทำให้ดูวังเวงขึ้นมาเมื่ออยู่เพียงลำพัง หญิงสาวอาศัยแสงสว่างด้านนอกจากประตูที่เปิดทิ้งไว้รื้อแฟ้มบนโต๊ะขึ้นมาเปิดดูทีละเล่ม
ในขณะที่กำลังจดจ่อกับตัวเลขอยู่นั้น ร่างสูงใหญ่ของชายฉกรรจ์สองคนก็ก้าวเข้ามาจากด้านหลังเงียบเชียบ กว่าที่แพรว่าจะรู้ตัวว่าไม่ได้อยู่คนเดียวอีกต่อไป ถุงผ้าสีดำใบใหญ่ก็ครอบศีรษะเธอไว้แล้ว
"กรี๊ดดดดด~ ใคร! ปล่อยฉันนะ"
เธอกรีดร้องสุดเสียงด้วยความตกใจ หัวใจเต้นระรัวราวกับจะหลุดออกมานอกอก พยายามดีดดิ้นขัดขืนด้วยเรี่ยวแรงที่มี แต่ร่างกายก็ถูกโอบรัดจนแน่น แม้มองไม่เห็นแต่ก็พอจะรู้ว่าชายคนร้ายมีร่างกายใหญ่โตกว่าเธอหลายเท่า
มือเล็กจิกข่วนท่อนแขนที่รวบเอวเธอไว้ ใช้ศอกกระแทก ยกเท้าถีบร่างใหญ่ด้านหลังเพื่อหนีเอาชีวิตรอด แต่ดูเหมือนจะไม่อาจทำให้อีกฝ่ายสะดุ้งสะเทือนได้เลย
เธอได้รู้ได้เพียงเสียงลมหายใจหนักหน่วงจ่อชิดข้างใบหู
"ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ ช่วยด้วย! ใครก็ได้ช่วยที" แพรวาแหกปากร้องตะโกน หวังให้มี รปภ. เดินผ่านมาได้ยิน แต่อีกฝ่ายก็ไม่ปล่อยให้เธอโวยวายได้นาน
ปึก
ร่างเล็กวูบหมดสติทันทีเมื่อถูกสันมือกระแทกเข้าที่ท้ายทอยเต็มแรง คงทรุดกายลงกับพื้นแล้ว หากไม่มีมือหนาประคองเอาไว้ เขาจัดการย่อกาย แบกร่างไร้สติของหญิงสาวพาดบ่าและเดินออกไปจากห้องทำงาน โดยมีชายอีกคนปิดประตูห้องให้ตามหลัง ทั้งคู่เดินหายออกไปโดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็นความผิดปกตินี้เลย