บทที่ 6 ถูกก่อกวน
หลายวันต่อมา
พื้นที่รกร้างห่างไกลผู้คน
ช่วงกลางดึกเงียบสงัด ชายฉกรรจ์เกือบ 30 คน ยืนกระจายทั่วบริเวณเฝ้าสังเกตสิ่งผิดปกติ ในขณะที่คนอีกส่วนใช้ชะแลงงัดลังไม้ หยิบอาวุธด้านในส่งให้อีกฝ่ายตรวจเช็ก
หัวหน้ากลุ่มพยักหน้าพึงพอใจ ส่งสายตาให้ลูกน้องที่อยู่ด้านหลังขนถ่ายสินค้าขึ้นท้ายรถบรรทุก
ทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นไปอย่างราบรื่น ก่อนที่เสียงปืนหลายนัดจะดังขึ้น
ปัง ปัง ปัง!
คนทั้งสองกลุ่มรีบล้วงอาวุธปืนเงาวับขึ้นมาเตรียมความพร้อม พยายามยิงตอบโต้ผู้ไม่หวังดี
"เฮ้ย! คุมกันของขึ้นรถ!"
"ชิบหาย ใครว่ะ! พวกมึงยิงสกัดไว้"
เสียงปืนดังขึ้นตามมาอีกหลายนัด ทั้ง 2 ฝ่ายยิงปะทะกันอยู่นาน ต่างพยายามหลบหลังรถเพื่อกำบังกาย พลางยิงตอบโต้อีกฝ่ายไปบ้าง ชายฉกรรจ์สวมไอ้โม่งคลุมปิดบังทั่วใบหน้าจู่ๆ ก็เข้ามาปิดล้อมการซื้อขาย การแต่งกายเช่นนี้ไม่ใช่ตำรวจแน่นอน
"อ๊าาาาก!"
"แม่งเอ๊ย! หมายความว่ายังไงแบบนี้ เจ้านายกูต้องไม่พอใจแน่" หัวหน้ากลุ่มหันมาตะคอกถามลูกน้องของกลุ่มมาเฟียเสียงดัง บ่งบอกถึงความโมโห
"ผมก็ไม่ทราบ ยังไงรีบขนของก่อน ทางนี้พวกผมจัดการให้"
"ฮึ่ย!"
ร่างกำยำสบถคำหยาบออกมาอีกหลายคำ กำอาวุธในมือแน่น โบกมือโบกไม้ให้พวกลูกน้องรีบยกลังไม้ใส่รถ
เสียงร้องโอดครวญดังขึ้นทั่วบริเวณ เปลี่ยนสถานที่รกร้างเงียบสงัดกลายเป็นสนามรบในชั่วพริบตา นานเกือบ 15 นาที กว่าฝั่งมาเฟียจะควบคุมสถานการณ์ได้ด้วยจำนวนที่มากกว่า
"จับไอ้พวกที่ยังไม่ตายไปโกดังให้หมด!"
"ช่วยคนเจ็บฝั่งเราด้วย"
ชายร่างสูงเป็นหนึ่งในลูกน้องของโอนิกซ์ตะโกนสั่งการลูกน้องคนอื่นๆ ด้วยที่ถูกฝึกมาอย่างดี ทำให้สามารถลงมือจัดการปัญหาได้รวดเร็วเป็นระบบไม่ต่างจากทหารกล้า
"นี่มันเรื่องอะไร! ข้อมูลการแลกเปลี่ยนสินค้ารั่วไหลงั้นเหรอ"
ร่างกำยำหันมาถามกรกันอีกครั้ง น้ำเสียงฉุนเฉียวบ่งบอกถึงความไม่พอใจชัดเจน
"ผมจะตรวจสอบแล้วแจ้งไปครับ ทางคุณรีบไปก่อนดีกว่า ที่เหลือผมจัดการเอง"
"ผมจะแจ้งเจ้านายผม ถ้าไม่มีคำตอบดีๆ เจ้านายผมเลิกค้าขายกับคุณแน่"
ชายหัวหน้าส่ายหัวหงุดหงิด ก่อนจะสั่งให้ลูกน้องรีบออกไปจากที่นี่ กรกันถอนหายใจกับเรื่องไม่คาดคิด เดินตรงไปช่วยเหลือเหล่าลูกน้องคนอื่น
"ใครส่งมึงมา!" เสียงเหี้ยมเกรียมถามหนึ่งในคนร้ายที่นอนหอบหายใจรวยรินบนพื้น หน้าท้องของชายคนร้ายแดงฉานจากกระสุนปืน
"..."
"ตอบกูมา!"
แต่ก็ไร้ซึ่งคำตอบ มือหยาบกำเข้าคลายออกเพื่อควบคุมอารมณ์
"ใครยังไม่ตายจับมัดแล้วส่งไปสอบสวนที่โกดังให้หมด"
"ครับลูกพี่!"
กรกันย้ำอีกครั้ง มองดูลูกน้องจัดการกับคนร้ายที่ยังมีชีวิต 7 8 คนด้วยสายตาหนักใจ ก่อนจะกดต่อสายรายงานเจ้านาย
"นายครับ มีคนป่วนการส่งของครับ"
(ใคร!) น้ำเสียงเย็นชาลอดไรฟันถามขึ้น กรกันแอบขนลุกรีบรายงานต่อ
"ผมยังไม่ทราบแน่ชัด ถามพวกมันแล้วแต่ไม่มีใครยอมพูด ฝั่งนั้นตาย 5 คน ฝั่งเรา 3 บาดเจ็บอีกหลายคน พวกที่รอดชีวิตผมให้คนคุมตัวไปเค้นคอที่โกดังต่อครับ"
(แล้วการส่งเป็นไง)
"เรียบร้อยดีครับ แต่ฝั่งนั้นหัวเสียมาก ต้องการคำอธิบาย"
(จัดการให้เรียบร้อย เดี๋ยวพรุ่งนี้กูเข้าไป)
"ครับนาย"
วันต่อมา
โกดังเก็บสินค้า
เรื่องน่าปวดหัวเมื่อคืนทำให้โอนิกซ์เดินทางมายังโกดังเพื่อสอบสวนคนร้ายที่จับมาได้ ห้องใต้ดินอับชื้นส่งกลิ่นน่าสะอิดสะเอียน มีร่างบอบช้ำของชาย 5 คน ถูกล่ามโซ่ไว้กับผนัง มี 3 คน ที่หมดลมหายใจเพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหวตั้งแต่เมื่อคืน
"กูถามมึงอีกครั้ง ใครส่งมึงมา"
แววตาไร้ปรานีจ้องตรงไปยังชายโชคร้ายผู้หนึ่ง น้ำเสียงของเขาราบเรียบเช่นเดียวกับใบหน้า แต่กลับแผ่รังสีอันตรายออกมามากมาย มือข้างหนึ่งกระชับมีดสั้น
"..."
โอนิกซ์ไม่ใจดีนานนัก ปักมีดตรงไปที่ข้อมืออีกฝ่ายทันที
"อ๊ากกกกกก"
"ตอบ!"
"ฆ่ากูสิ ไอ้เวรเอ๊ย!"
"หึ" ร่างสูงแค่นหัวเราะ นัยน์ตาสีเข้มใต้กรอบแว่นวาวโรจน์ไม่ต่างจากนักล่า กระชากมีดออกจากแผลเดิม จ้วงเข้าที่ลำคอเชลยอย่างรวดเร็วตามคำขอ โดยสีหน้าไม่เปลี่ยนแม้แต่น้อย
ชายฉกรรจ์เบิกตากว้าง อ้าปากพยายามส่งเสียงร้องแต่ก็ไม่มีแรง ลำธารเลือดไหลทะลักจากบาดแผลราวกับน้ำก๊อก ร่างใหญ่เริ่มเกร็งกระตุก จ้องมองโอนิกซ์ด้วยแววตาอาฆาตเมื่อชีวิตจ่อชิดปากนรก
ลูกน้องหลายคนที่ยืนเฝ้าภายในห้องยังต้องเบือนหน้าหนี ไม่อยากมองภาพโหดร้ายนี้
"เอ้า มึงล่ะ เห็นเพื่อนมึงไหมว่าจุดจบเป็นยังไง ถ้ายอมเปิดปากพูด กูจะปล่อยมึงไป" รันเวย์มือขวาคนสนิทของวิคเตอร์หันไปถามเชลยอีกคน พลางบังคับให้มันดูร่างเพื่อนที่แน่นิ่งไป
แต่ดูเหมือนไม่ว่าจะข่มขู่ เสนอทางรอดใดๆ พวกมันก็ไม่ยอมเปิดปากแม้แต่น้อย
โอนิกซ์หันไปส่งสายตาให้ลีโอคนสนิทของไคโร หลังจากที่ทรมานเชลยอยู่เกือบชั่วโมง เขาถอยหลังออกมาด้วยใบหน้าเรียบเฉยเพื่อให้อีกฝ่ายจัดการที่เหลือ
ปัง ปัง ปัง
เลือดมากมายกระเซ็นเปรอะทั่วผนังห้อง ส่งกลิ่นคาวคละคลุ้ง ร่างของเชลยทั้ง 3 ที่เหลือแน่นิ่งภายในเสี้ยววิ ตามเพื่อน 2 คนก่อนหน้าไป โดยไม่มีเสียงร้องครวญครางด้วยซ้ำ
ลีโอเก็บอาวุธเข้าที่ดังเดิม ใบหน้าหล่อร้ายช่างไม่ต่างจากมัจจุราช
"พวกมึงจัดการที่เหลือด้วย" รันเวย์ส่ายหัว หันไปสั่งลูกน้องด้วยความเหนื่อยหน่าย เสียเวลาตั้งนานแต่กลับไม่ได้ข้อมูลสักนิด
โอนิกซ์ไม่พูดอะไร ผลักประตูห้องขังออกไปเป็นคนแรกเพื่อประชุมกับเหล่าหุ้นส่วนต่อ โดยมีลีโอและรันเวย์เดินตามหลังมา
แอ๊ดดดด~
ประตูห้องประชุมถูกเปิดทำให้เหล่าบุคคลที่อยู่ภายในหันมามองเขาเป็นตาเดียว
ร่างสูงโปร่งของโอนิกซ์ล้วงผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าขึ้นมา เช็ดทำความสะอาดคราบเลือดเปรอะเปื้อนบนมือด้วยใบหน้าเย็นชา ช่างดูขัดกับภาพลักษณ์ที่ไม่ต่างจากเด็กเนิร์ด
"มันยอมเปิดปากไหม" ลีออนรีบถามขึ้นทันที
"..." โอนิกซ์ไม่ตอบ ส่ายหน้าเบาๆ แทน ก่อนจะโยนผ้าเช็ดหน้าหรูลงถังขยะ เปิดตู้เย็นคว้าเบียร์มากระดกดื่มดับความหงุดหงิดในใจ
"มันไม่ยอมพูดอะไรเลย ท่าทางเตรียมตัวเตรียมใจกันมาดี" รันเวย์เป็นคนอธิบายเพิ่มเติมแทน
"แล้วพวกที่จับมา?"
"ในเมื่อมันไม่พูด ก็ไม่มีประโยชน์ต้องเก็บไว้อีกไหม" ไคโรเอ่ยขึ้นมาอย่างรู้ทัน พลางอัดควันขาวเข้าปอดเฮือกใหญ่
"แม่งเอ๊ย!" ลีออนหัวเสียจนสบถออกมาเสียงดัง
ไม่มีใครสบายใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น การถูกลอบโจมตีโดยศัตรูที่ไม่รู้ชัดว่าเป็นใครทำให้ยากต่อการรับมือ และยังสูญเสียความไว้วางใจจากลูกค้าอีก
"แล้วที่มึงเคยบอกจะลองสืบกลุ่มไอ้อาชาเป็นไง" วิคเตอร์หันไปถามโอนิกซ์ที่ก้มหน้าเปิดหนังสืออ่านต่อ ราวกับตนไม่มีส่วนในบทสนทนานี้
"กำลังสืบ" โอนิกซ์ตอบเสียงเรียบโดยไม่ได้ละสายตาจากหนังสือ
"มึงนี่นะ" เพื่อนสนิทส่ายหัวระอา แต่ก็ไม่ได้ซักไซ้อะไรต่อ
เหล่ามาเฟียพูดคุยเรื่องธุรกิจต่ออยู่สักพัก ก็เริ่มหันไปแซวไคโรที่ช่วงนี้มีพฤติกรรมแปลกประหลาด ทุกคนตกลงจะไปนั่งเล่นที่บ้านของไคโรต่อ มีเพียงโอนิกซ์ที่แยกตัวกลับ ต้องการไปตรวจสอบเรื่องที่ค้างคาใจ
นิ้วเรียวกดรายชื่อของลูกน้องคนสนิท รอสายอยู่ไม่นานอีกฝ่ายก็รับ
(ครับนาย)
"ไอ้อาชามีความเคลื่อนไหวอะไรไหม" น้ำเสียงเนิบนาบถามปลายสาย
(ตัวมันเองอยู่แต่ในเซฟเฮ้าส์ครับ มีเพียงรถของลูกน้องที่ขับเข้าออกตลอด)
"..."
(ผมและลูกน้องบางส่วนสลับเฝ้าเอาไว้แล้ว หากเห็นว่ามันติดต่อกับใครจะแจ้งไปครับ) ตะวันพูดเสียงแข็งขัน
"แบ่งคนตามพวกลูกน้องมันด้วย"
(ได้ครับนาย)
เมื่อวางสายไปแล้วโอนิกซ์ก็เอ่ยขึ้นมาทำลายความเงียบบนรถ
"ตามไทเปไปเจอกูที่เพนต์เฮ้าส์ด้วย"
"ครับนาย"
เพนต์เฮ้าส์โอนิกซ์
ร่างสูงปลดกระดุม ดึงปลายเสื้อออกนอกกางเกง ยืนสูบบุหรี่ครุ่นคิดอยู่เพียงลำพังตรงระเบียงกว้าง สายลมยามเย็นปะทะกายแต่ก็ไม่อาจดับความร้อนรุ่มในจิตใจได้ เขาไม่ชอบการที่ไม่สามารถควบคุมอะไรได้
"นายเรียกหาผมเหรอครับ"
เสียงทุ้มดังขึ้นที่ด้านหลัง ทำให้โอนิกซ์หลุดออกจากห้วงความคิด
"อืม ไปสืบมาว่าฝั่งเรามีใครเป็นหนอนบ่อนไส้หรือเปล่า"
"ทำไมนายคิดแบบนั้น" เทไปมีสีหน้าแปลกใจ ไม่เห็นด้วยกับความคิดของผู้เป็นนาย โอนิกซ์เด็ดขาดโหดเหี้ยมแค่ไหนลูกน้องทุกคนรู้ดี คงไม่มีใครโง่พอจะกล้าหักหลังมาเฟียคนนี้
"สถานที่แลกเปลี่ยนสินค้ามีแค่ทางฝั่งเราที่รู้ล่วงหน้า ลูกน้องไอ้พวกนั้นจะรู้แค่ตอนไปส่ง"
ไทเปพยักหน้าเข้าใจ การที่ถูกป่วนการส่งของถึง 2 ครั้ง แสดงว่าฝ่ายตรงข้ามล่วงรู้วันเวลาและสถานที่มาก่อน ไม่แปลกที่โอนิกซ์จะสงสัยลูกน้องของตัวเองก่อน
"ครับ แล้วผมจะตรวจสอบให้"
มือขวาคนสนิทโค้งตัวแล้วจากไป ปล่อยให้ร่างสูงยืนอยู่ที่เดิม แม้ภายนอกจะดูสงบเยือกเย็นแต่ภายในกลับร้อนระอุ แววตาอินทรีย์หรี่ลง เตรียมบทลงโทษแสนโหดร้ายเอาไว้สำหรับคนทรยศในหัว