บทที่1.ข่าวร้ายที่หัวใจเกือบสลาย 1/5
บทที่1.ข่าวร้ายที่หัวใจเกือบสลาย
เสียงจอแจของผู้คนดังเหมือนฝูงนกตอนเย็นๆ ที่ส่งเสียงทักทายกันหลังจากออกจากรังไปหากินมาทั้งวัน...ไม่ต่างกับมนุษย์ พวกเขาเองก็กำลังเดินเลือกซื้ออาหารมื้อเย็น เมื่อเลิกงานที่ทำมาตั้งแต่เช้าเช่นกัน วิถีชีวิตคนใช้แรงงาน...ต้องดิ้นรนหาเลี้ยงปากท้องตัวเองเป็นประจำทุกวัน แม่ค้าสาวใหญ่ สาวน้อยส่งเสียงเชื้อเชิญลูกค้าเสียงหวานแจ้ว พ่อค้าหนุ่มใหญ่หนวดเคราเฟิ้มก็ไม่ยอมน้อยหน้า ส่งเสียงร้องเรียกลูกค้ามากหน้าเสียงดังลั่น!! เป็นวัฐจักรที่พะแพงเห็นจนชินตา เมื่อเธอเองก็เป็นหนึ่งในบรรดาแม่ค้าที่ขายของอยู่ข้างทางด้วยเหมือนกัน เพราะต้องหาเลี้ยงปากท้องตัวเองเมื่อรายได้ที่เข้ามา ไม่พอเพียงกับรายจ่ายที่จ่ายออก...มันช่วยไม่ได้นี่... เธอไม่ได้เกิดมาในครอบครัวร่ำรวย ครอบครัวเล็กๆ ของเธอ มี3 ชีวิต เธอกับครอบครัวอาศัยอยู่ในห้องเช่าแคบๆ ของชุมชนแออัดด้านหลังตลาดนัดยามเย็นที่พะแพงตั้งแผงขายของอยู่นั่นเอง...บิดาของเธอนั่นเหรอ ก็เป็นแค่ รปภ. แก่ๆ ของกิจการค้าข้าวขนาดใหญ่ ที่ตัวตึกตั้งตระหง่านอยู่ริมถนน หน้าแหล่งชุมชนแออัด แต่ท่านก็ยังสู้อุตส่าห์กัดฟันเลี้ยงลูกน้อยทั้งสอง แม้จะลำบากเลือดตาแทบกระเด็น แต่ก็อยู่รอดมาได้ในปัจจุบัน เพราะความจนบีบบังคับ ชีวิตน้อยๆ อย่างพะแพงจึงต้องดิ้นรน เมื่อเลือกเกิดในครอบครัวที่เพียบพร้อมไม่ได้ พระเจ้าถีบส่งเธอมาในครรภ์มารดา แต่พะแพงไม่เคยเสียใจเลยที่ได้อยู่ในครอบครัวเล็กๆ นี้ เสียใจแค่อย่างเดียว... อีกไม่กี่เดือนที่จะถึงนี่ เธอกำลังเรียนจบ ได้ปริญญามาแปะฝาบ้านให้บิดาได้ชื่นใจ แต่มารดาของเธอนั้นกลับหมดวาสนาไปเสียก่อน นางลาลับจากโลกนี้ไปด้วยโรคที่ใครๆ ก็ขยาด เมื่อมันแทบจะรักษาไม่หาย หากเกิดขึ้นกับผู้ใด ‘มะเร็ง’
“ขายดีมั้ยจ้ะคนสวย” เสียงทุ้มๆ แสนจะคุ้นหู พะแพงเงยหน้าขึ้นจากกระทะทอดมันปลากราย...ใช่...เธอมีอาชีพเสริมหลังเลิกเรียน ด้วยการตั้งแผงขาย ‘ทอดมัน’ ที่ใช้เป็นกับข้าวหรือกับแกล้มก็ได้สำหรับผู้คนทั่วไป
หญิงสาวยิ้มอ่อน “พอได้จ้ะพี่ชาย...” เธอตอบตามวิสัยแม่ค้าที่ดี แม้จะไม่ใคร่จะพอใจสายตากรุ่มกริ่มคู่นั้นสักเท่าใด
“วันนี้ของสองถุงเลยนะแพง พี่ว่าจะตั้งวงสักหน่อย ไหนๆ เงินเดือนก็ออกแล้ว...” ไอ้หนุ่มหน้ามนยิ้มกว้าง เขาตามเทียวไล้ เทียวขื่อแม่ค้าสาวมาเป็นปีๆ ที่หล่อนมอบให้ก็แค่รอยยิ้มกับเสียงหวานๆ ยามที่แวะมาซื้อของ นอกนั้นแทบจะไม่มีอะไรเลย
พะแพงก้มหน้าลง แอบเบ้ปากและนึกดูแคลนคนตรงหน้า ชายหนุ่มน่าจะแก่อ่อนกว่าเธอไม่กี่ปี แต่ใบหน้านำอายุไปไกล เนื่องจากติดนิสัยชอบดื่มสุรา มักจะมีเสียงเฮฮาดังมาเข้าหูเธอเป็นประจำ เพราะห้องเช่าที่เขาพักอาศัยอยู่ไม่ไกลจากห้องพักเธอเท่าไร
“ได้แล้วค่ะ 60 บาทค่ะ”
หญิงสาวยื่นถุงหิ้วที่บรรจุถุงใส่ทอดมันร้อนๆ สองถุงส่งให้พร้อมกับยิ้มน้อยๆ
ปลายนิ้วหยาบๆ ไล้หลังมือพะแพงเบาๆ เธอทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ รีบชักธนบัตรในมือของเขายัดใส่กระเป๋าหน้าของผ้ากันเปื้อน ล้วงสตางค์ทอนส่งให้ ก่อนจะทำเป็นง่วนกับการทำงาน จนไอ้หนุ่มนั่นรู้สึกเก้อ จึงจำใจถอย
“ประจำไอ้นี่!! ตอดนิดตอดหน่อยก็เอา...ไม่เกรงใจเราเลย” ป้าร้านไก่ทอดข้างๆ บ่นตามหลัง เมื่อนางเห็นการกระทำของไอ้หนุ่มสุดฉวยโอกาสนั่นเต็มตา
พะแพงยิ้ม “ช่างเขาเถอะป้า ยังไงเสียเขาก็มาอุดหนุนแพงบ่อยๆ”
“สาวที่ไหนจะสนใจมันว่ะ กินแต่เหล้า งานทำบ้าง ไม่ทำบ้าง ใครเอาไปเป็นผัวซวยตายห่า!!”
นางยังคงบ่น เมื่อเห็นหน้ากันจนคุ้นตา เพราะอาศัยอยู่ในชุมชนเดียวกัน
“นั้นสิยายสาย...หนุ่มๆ สมัยนี้หน้าตาก็งั้นๆ แต่เรื่องขี้เกียจนี่ยกให้เลย...”
“หึ!! ต้องไอ้พะนายมันนั่นล่ะขยันที่หนึ่ง ตาคล้ายมันเลี้ยงลูกดี คนหนึ่งก็ขยันทำงานตัวเป็นเกลียว ส่วนแพงมันก็ขยันเรียน เผลอแปบเดียวใกล้จบแล้วใช่ไหมลูก”