4
Chapter 4
“ข้าสัญญาว่าจะรีบตามเจ้าไป ดูแลตัวเองให้ดีเถิด” ฮาฟิซกุมมือหญิงสาวแนบแน่นเป็นการให้คำมั่นสัญญา
“รีบไปเถอะ คงถึงบ้านข้าก่อนรุ่งสาง” กิมรอกับรานีพยักหน้าให้รีบเดินทางโดยเร็ว
“ข้าฝากซูไรดาด้วย” ฮาฟิซฝากฝังอีกครั้ง
“ไม่ต้องเป็นห่วง ข้าและรานีจะดูแลให้เป็นอย่างดี เจ้าจงเดินทางปลอดภัย หากมีอันใดไม่ชอบมาพากลจะรีบส่งข่าวบอกเจ้าทันที” กิมรอยิ้มอย่างอบอุ่นให้ญาติผู้น้อง
ซูไรดามองชายคนรักอีกครั้งก่อนที่จะควบม้าตามกิมรอและรานีไปในราตรีกาล
มาราตีพลิกกายไปมาด้วยความกังวล เธอปลอบใจตัวเองว่าคิดถูกแล้วที่ทำเช่นนี้ หญิงสาวพยายามข่มตาให้หลับ ก่อนที่จะหลับลงในที่สุด
ร่างงามดิ้นทุรนทุราย เหงื่อผุดพรายเต็มใบหน้า งูยักษ์สีดำมะเมื่อมรัดรอบกายจนแทบหายใจไม่ออก ไม่ว่าจะสลัดเช่นไรก็สลัดไม่ยอมหลุด รวมถึงยังตัวใหญ่มหึมาจนเธอหวาดกลัว หญิงสาวอยู่ในพันธนาการของมันจนหมดแรงเลิกดิ้นไปเอง แล้วผวาตื่นจากความฝันด้วยอาการหอบแรง สะท้อนในอกระลอกใหญ่
“ฝันไปเหรอนี่” มาราตีเช็ดเหงื่อที่ผุดพรายทั่วใบหน้า หญิงสาวนั่งบนเตียง เธอผูกพันกับเรื่องฤกษ์ยามและคำทำนาย ดังนั้นเรื่องฝันครั้งนี้จึงทำให้หญิงสาวใจเต้นแรง“ข้าจะเจอเนื้อคู่รึ” มาราตีหันไปมองผ้าคลุมสีเขียวใบตองผืนสวยที่ปักสลับลายด้วยลูกปัดหลากสีอย่างงดงาม“ท่านเป็นใครกันนะ” เธอหยิบผ้าผืนโปรดที่เพิ่งได้รับเป็นของกำนัลจากชายหนุ่มนิรนามมาลูบคลำ
พลันนึกไปถึงเหตุการณ์ที่ตลาดเมื่อหลายวันก่อน มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งคงจะเป็นเด็กแถวตลาดนั้น นำผ้าผืนนี้มามอบให้โดยบอกว่ามีคนฝากมาให้ แล้ววิ่งจากไปโดยไม่เหลียวหลัง เธอพยายามวิ่งตามและเรียกหา... แต่กลับตามไม่ทันเสียแล้ว พอเพ่งดูดีๆ กลับเป็นผ้าผืนเดียวกับที่เธออยากได้ แต่ถูกซื้อตัดหน้าไปเสียก่อน ยิ่งมองก็รู้สึกชอบอย่างประหลาด จึงนำมาวางไว้ใกล้ตัวด้วยความรู้สึกผูกพันที่ไม่เข้าใจว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร... ตอนไหน... แถมกับหนุ่มนิรนามที่เธอเห็นเพียงด้านหลังเท่านั้นแต่กลับรู้สึกว่าเขาสง่างาม หากได้เห็นเบื้องหน้าหัวใจสาวคงแทบหลอมละลายเป็นแน่
“ยูดาหายไปได้อย่างไร เจ้าให้คนออกตามหาทั่วแล้วรึ”
อับดุลอาซิหัวหน้าเผ่ากัวลาหงุดหงิดและเคร่งเครียดเป็นอันมากเมื่อบุตรสาวคนเล็กหายไป การส่งตัวบุตรสาวเข้าถวายตัวแก่ชีคอัฟฟาน ประมุขของซาลก็เป็นวันนี้เสียด้วย หากไม่มีตัวซูไรดาส่งไปในวันนี้ คงเกิดเรื่องใหญ่เป็นแน่เพราะจะถูกข้อหาแข็งข้อและคิดกบฏ
“หาจนทั่วแล้วแต่ไร้ร่องรอยของคุณหนู” ฮาฟิซบอกผู้เป็นหัวหน้าเผ่าด้วยน้ำเสียงราบเรียบไร้พิรุธประการใด แต่ภายในใจเต้นโครมครามด้วยความที่กลัวจะมีใครรู้ถึงแผนการครั้งนี้
“ท่านพ่อ ถึงเวลาต้องส่งตัวน้องแล้วนะขอรับ” โมฮัมหมัดบอกกับบิดาที่กำลังนั่งกุมขมับอยู่บนเก้าอี้
“เจ้าจะให้พ่อส่งใครไปล่ะอาหมัด ในเมื่อซูไรดาหายไปอย่างไร้ร่องรอย” อับดุลอาซิพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด คิ้วขมวดเป็นปมยุ่งเหยิง ถอนหายใจหนักหน่วงติดกันหลายครั้ง
“ท่านพ่อลืมใครไปอีกคนหนึ่ง ข้าคิดว่านางทดแทนซูไรดาได้ และได้ดีเสียด้วย” โมฮัมหมัดลูบปลายคางเบาๆ เมื่อคิดบางอย่างขึ้นมาได้ ที่สำคัญก็สามารถแก้ปัญหาในตอนนี้ได้เสียด้วย
ฮาฟิซถึงกับสะดุ้งมองหัวหน้าเผ่าด้วยความตระหนก หากเขาคิดไม่ผิดคงไม่ได้หมายความว่า... !!!
“ใครกัน” อับดุลอาซิถามบุตรชายด้วยความสงสัย
“รตียังไงล่ะท่านพ่อ ก็ในเมื่อชีคอัฟฟานไม่เคยได้เห็นหน้ายูดามาก่อน เหตุใดท่านพ่อไม่ส่งนางไปเล่า ลูกคิดว่าชีคอัฟฟานคงถูกใจนางไม่แพ้ยูดาเพราะความสวยงดงามที่ไม่ได้ต่างกันเลยแม้แต่น้อย บางครั้งอาจจะติดใจเสียด้วยซ้ำ เพื่อเป็นการถ่วงเวลาในการคิดแผนการของเราต่อไป”
... คำพูดของลูกชายทำให้อับดุลอาซินิ่งเงียบอย่างใช้ความคิด นี่คือข้อดีอีกอย่างที่เขาส่งซูไรดาและมาราตีไปอยู่ซาลาลหลายปี และทั้งสองก็ได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจากยะห์นาคนสนิทของกอมารียะห์ภรรยาของพี่ชายที่เสียชีวิตไปแล้ว
“มาราตีจะยอมรึ นางคงไม่ยอม” หัวหน้าเผ่าสูงวัยมองลูกชายนิ่งด้วยความไม่แน่ใจ
“เหตุใดจะไม่ยอมเล่า ในเมื่อท่านพ่อเป็นคนขอร้อง ข้าเชื่อว่ารตีจะไม่ปฏิเสธท่านพ่ออย่างแน่นอน”
โมฮัมหมัดรู้ว่ามาราตีรักและเกรงใจผู้เป็นบิดามากมายนัก หลังจากอับดุลอาเหม็ดเสีย บิดาของเขาก็เป็นผู้ชุบเลี้ยงดูแลจนเติบใหญ่ แม้จะส่งไปอยู่ต่างแดนแต่ก็ให้การศึกษา รวมถึงฝึกวิชาการต่อสู้ให้ตั้งแต่เด็ก อีกอย่างก็รักเหมือนลูกในไส้ หมั่นไปเยี่ยมเยียนหญิงสาวเสมอ เขาคิดว่าเธอจะต้องยอมตอบแทนบุญคุณครั้งนี้ โดยไม่ปฏิเสธเป็นแน่
“แต่ข้าคิดว่าควรถามนางก่อน” ฮาฟิซที่เริ่มเป็นห่วงน้องสาวต่างสายเลือดรีบเสนอความคิดบ้าง
..เขาลืมคิดเรื่องนี้ไปเสียสนิท หากซูไรดาไม่อยู่ ชีคอัฟฟานคงไม่ยอมโดยง่าย ที่สำคัญก็คืออับดุลอาซิก็คงไม่ล้มเลิกความตั้งใจ เพราะกว่าจะสร้างอำนาจให้เป็นปึกแผ่นมาได้ขนาดนี้ ต้องใช้ความพยายามสูง คงไม่ยอมพังทลายลงเพราะถูกข้อหาแข็งข้อและกบฏไม่ยอมส่งบุตรสาวไปเป็นบรรณาการตามธรรมเนียมของซาลตั้งแต่สมัยชีคอัสมิน
“นางต้องยอม ข้าเชื่อเช่นนั้น” โมฮัมหมัดหันไปบอกกับคนสนิทของบิดา ที่เติบโตมาพร้อมกับเขา รวมถึงยังรับราชการทหารพร้อมกัน แต่เขาและฮาฟิซถูกส่งมาประจำการที่กัวลาเนื่องจากเหตุปัญหาความไม่สงบของชายแดน และกลุ่มโจรที่ส่งจดหมายข่มขู่เรื่องแบ่งแยกดินแดน อีกทั้งยังปล้นสะดมสร้างความเดือดร้อนให้แก่ราษฎรอยู่เนืองๆ
โมฮัมหมัดเมื่อย้ายมาประจำการก็สามารถจัดการกับพวกโจรก่อการร้ายได้มากพอสมควร แล้วเหตุการณ์ก็ค่อยๆ ทุเลาเบาบางลง แม้ยังมีความไม่สงบเกิดขึ้นบ่อยครั้งแต่ก็ดีกว่าผู้ที่มาประจำการคนก่อน เพราะเหตุการณ์ร้ายแรงจนเสียกำลังไปมาก
ฮาฟิซเคร่งเครียดกว่าเดิมเมื่อได้ยินคำพูดนั้น เขาก็เชื่อว่ามาราตีจะไม่มีทางปฏิเสธอาของนางแน่นอน...
“แม่เฒ่า ข้าควรทำเช่นไรเล่า เหตุใดชีคเอาแต่ใจผู้นั้นถึงได้บังคับผู้หญิงไปเป็นเมียเช่นนี้เล่า ได้ข่าวว่ามีนางในฮาเร็มออกมากมาย ยังจะต้องการอีกรึไงกัน ผู้ชายแบบนี้เขาเรียกว่ามักมาก”
มาราตีไม่คิดว่าการที่เธอช่วยเหลือซูไรดาให้หนีไปแล้วความซวยจะมาตกถึงเธอแบบนี้ คิดว่าชีคหนุ่มคงเลิกล้มความตั้งใจ ในเมื่อผู้หญิงไม่ตกลงปลงใจ เหตุใดต้องบังคับกันเช่นนี้ด้วย เธอไม่เห็นด้วยกับความบ้าอำนาจของผู้เป็นประมุขโดยการขอบุตรสาวหัวหน้าเผ่าใหญ่น้อยภายในรัฐไปบรรณาการ ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือไปบำเรอความต้องการของคนเพียงคนเดียว แม้จะเป็นประมุขแต่ไม่ควรบังคับข่มเหงคนอื่นแบบนี้
“ท่านควรไป” ยะห์นา แม่เฒ่าสูงวัยบอกนายสาวเสียงเรียบ
“เหตุใดเล่า ท่านก็รู้ว่าชีคอัฟฟานโหดร้าย ทารุณและเห็นผู้หญิงเป็นเพียงเครื่องบำเรอความใคร่ ที่พี่ยูดาหนีไปเช่นนี้ก็ด้วยเสียงลือเสียงเล่าอ้างที่ได้ยินกันทั่วแผ่นดิน ใครจะอยากไปถวายตัว แล้วท่านไม่คิดจะช่วยเหลือข้ารึ ข้าไม่ใช่บุตรสาวของหัวหน้าเผ่า ข้าไม่ใช่ตัวประกันที่สำคัญสักนิด”
คำพูดของสาวน้อยวัยสิบแปดทำให้แม่เฒ่ายะห์นายิ้มน้อยๆ ด้วยความเอ็นดูมากกว่าจะตำหนิติเตียน สิ่งที่นางรู้มาโดยตลอดก็มาถึง... ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงจนได้
“มันเป็นชะตาของท่าน ที่หลีกหนีไม่พ้น ข้าคิดว่าท่านควรทำตามที่ท่านหัวหน้าเผ่าบอก ตอนนี้ทางเราขอเลื่อนกำหนดการส่งตัวคุณหนูซูไรดา แจ้งว่าเกิดเหตุให้ต้องเดินทางช้า เพื่อไม่ให้ชีคอัฟฟานต้องโมโหกริ้วโกรธไปมากกว่านี้ ท่านจึงควรทำตามความประสงค์ของท่านอาซิ ถือว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณ... บุญคุณอันยิ่งใหญ่ที่ท่านหัวหน้าเผ่าได้เลี้ยงดูท่านมาจนถึงบัดนี้” ยะห์นาเตือนหญิงสาวให้ตระหนัก
บุญคุณก็ส่วนบุญคุณ... แต่เรื่องอื่นมันเป็นสิ่งที่ชะตาฟ้าลิขิต พระเจ้าทรงกำหนดมาให้ทุกสิ่งเกิดขึ้นและดับไป...