3
Chapter 3
..ถ้าเขาจะมีเมียเก่งแบบนี้คงดีมิใช่น้อย คงดีว่าหญิงสาวมากมายที่รายล้อมรอบกาย มีเพียงเรือนกายน่าปรารถนาและการเอาอกเอาใจดีเยี่ยม ทำตามทุกคำสั่งไม่คิดขัดใจ จนบางครั้งก็นึกระอาในมารยาพวกนั้น
“มีเหตุอันใดกัน” ฮาฟิซคนสนิทของโมฮัมหมัดบุตรชายของชีคอับดุลอาซิหัวหน้าเผ่ากัวลารีบมาดูเหตุการณ์ด้วยความตระหนก ยิ่งเห็นหญิงสาวทั้งสาม ด้วยแล้วก็ยิ่งตกใจใหญ่
“พี่ฮาฟิซ ท่านเอาทหารมาจัดการมันพวกนี้ทีที่กล้าใช้กำลังกับผู้หญิงในดินแดนของเรา นำมันไปไต่สวนให้รู้ความว่าเหตุใดจึงทำการทรามเช่นนี้” มาราตีมองชายหนุ่มที่ร้องโอดโอยด้วยดวงตาแข็งกร้าว
“ได้ เดี๋ยวพี่จะให้ลูกน้องจัดการ เจ้าไม่เป็นอันใดใช่ไหม”
“ข้าไม่เป็นอันใด” มาราตีหันไปยิ้มให้ชายหนุ่มที่นับถือดั่งพี่ชาย
“กลับกันเถอะ ท่านอาซิเจรจาการค้าเสร็จสิ้นแล้ว” ฮาฟิซบอกหญิงสาวทั้งสองผู้มีศักดิ์เป็นนายและน้องสาวที่รักยิ่ง
เมื่ออับดุลอาซิกับโมฮัมหมัดตกลงเจรจากับพ่อค้าที่มาจากรัฐต่างๆ เสร็จสิ้นลง ทำให้ได้สินค้ามากมาย เพื่อให้พ่อค้าคนกลางมาซื้อต่อและขายในทางตอนเหนือรวมถึงส่งไปขายทางตอนใต้และวังหลวง แค่นี้กัวลาก็มีเม็ดเงินไหลบ่าเข้ามามหาศาลจากการค้าเสรีเช่นนี้
“นางเป็นบุตรสาวของอดีตหัวหน้าเผ่ากัวลา นามว่ามาราตี”
คำกระซิบของคนสนิทเรียกรอยยิ้มจากใบหน้าคมเข้มแค่เพียงกระตุกริมฝีปากหยักลึกเท่านั้นก็กระชากใจสาวทุกคนที่ได้พบเห็น ดวงตาสีเหล็กวาววับทอดมองร่างงามที่เดินจากไปด้วยประกายตาประหลาด แม้แต่คนสนิททั้งสองก็หาได้คาดเดาความคิดได้
“ไปเถอะ เราคงต้องไปเจรจาการค้าขายกับรัฐมุไซ ซาลาลและ ซามาลอีกนาน” ร่างสูงเดินจากไปพร้อมกับผ้าคลุมสีเขียวใบตองที่ยื่นให้คนสนิท ก่อนจะกระตุกยิ้มอีกครั้งอย่างมีเสน่ห์ชวนหลงใหล
ร่างสูงใหญ่ทุรนทุรายเมื่อโดนงูรัดจนแทบหายใจไม่ออก ตะเกียกตะกายด้วยความตกใจ ก่อนที่มันจะคลายตัวออกจากการรัดรึง เขาก้มมองเจ้างูสีขาวที่ยังรัดกายอย่างหลวมๆ ด้วยความประหลาดใจ มันไม่มีท่าทีดุร้ายแต่อย่างใด แถมยังดูเชื่องกว่าตอนที่รัดครั้งแรกขณะหลับอยู่บนเตียงเสียด้วย
...แต่อยู่ดีๆ มันก็คลายตัวออกจากร่างเขาลงไปนอนขดอยู่แทบเท้าก้มหัวให้อย่างเชื่องๆ คล้ายถูกคนเลี้ยง ดูแล้วไม่มีพิษมีภัยอันใด แถมดูท่าจะประจบเสียมากกว่า มันเลื้อยมาพันแข้งพันขาแบบน่าเอ็นดู เขารู้สึกประหลาดใจ...ที่ไม่กลัวงูขาวตัวนี้สักนิด แต่กลับรู้สึกเอ็นดูเสียมากกว่า เขาวางมือบนหัวตอนที่มันผงกหัวขึ้นมา ก่อนที่มันจะเข้ารัดเขาอีกครั้งแนบแน่นเหมือนเป็นพันธนาการที่ไม่มีวันหลุดได้อีกตลอดชีวิต
เขารู้สึกเช่นนั้น!!!
อัฟฟานสะดุ้งตกใจตื่นจากความฝัน เขาลูบหน้าที่ชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อแรงๆ มองรอบกายที่ยังมืดมิดเสียงลมหายใจหอบเหนื่อยปลดปล่อยออกมาจนอกกว้างสะท้อนขึ้นลง
“เราฝันไปเหรอนี่ ทำไมเหมือนจริงแบบนี้” ร่างสูงเดินไปยืนทอดอารมณ์ที่ริมหน้าต่าง สายลมเย็นพัดโชยมาปะทะผิวกายทำให้รู้สึกหนาวเหน็บ
“กอร์เด” ชายหนุ่มเรียกเหยี่ยวคู่ใจที่บินถลาตรงมาที่ริมหน้าต่าง “ออกสำรวจความเรียบร้อยรึ” ชีคหนุ่มคุยกับเหยี่ยวสีขาวที่แวะเข้ามาทักทายอย่างคุ้นเคย “ข้านอนไม่หลับ เลยออกมาตากลม ข้าฝันอะไรบางอย่าง” อัฟฟานคุยกับกอร์เดเรื่อยๆ เหมือนว่ามันรับฟังเพื่อผ่อนคลายอารมณ์“ข้ากำลังจะนอนเจ้าไปเถอะ” ชายหนุ่มลูบหัวของมันก่อนยื่นมือให้มันเกาะและโยนมันขึ้นไปบนท้องฟ้าอีกครั้ง
ร่างสูงเดินไปทิ้งกายลงนอนเพื่อข่มตาให้หลับ เพียงไม่นานก็เข้าสู่ห้วงนิทรารมย์อันแสนสุข
“เหตุใดท่านจึงยิ้มเล่า” ชีคอัฟฟานถามอาริฟีนพ่อเฒ่าคนสนิทที่เลี้ยงดูเขามาตั้งแต่เด็ก
“ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอันใดหรอก อย่าได้เป็นกังวลไปเลย ท่านจะได้พบเจอกับเนื้อคู่ในเวลาอันใกล้นี้ต่างหากเล่า”
“เนื้อคู่รึ” อัฟฟานได้ยินก็หัวเราะ คล้ายสิ่งที่รับฟังเป็นเรื่องขบขันเสียเต็มประดา
อาริฟีนเพียงแต่ยิ้มไม่ปริปากคัดค้านหรือสนับสนุนความคิดเห็นอันใดอีก ด้วยรู้นิสัยของชีคหนุ่มดีว่าหากต้องการปรึกษาก็เพียงแค่อยากรู้ แต่จะปักใจเชื่อหรือไม่นั้นอีกเรื่องหนึ่ง
“ท่านควรดูฤกษ์ยามเรื่องการออกรบให้ข้าจะดีกว่า ว่าควรยกกำลังทหารไปปราบพวกโจรก่อการร้ายทางตอนเหนือในวันเวลาใด พวกมันเหิมเกริมไม่เกรงกลัว ข้าอยากสังหารพวกมันให้สิ้นซาก ส่วนเรื่องเนื้อคู่เหลวไหลสิ้นดี”
แม้จะเชื่อคำทำนายการดูฤกษ์ยามดวงดาวของอาริฟีนอยู่บ้าง แต่เรื่องที่ได้รับฟังจากการทำนายฝันเมื่อครู่นี้... เขาคิดว่ามันไร้สาระ เพราะยังไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนทำให้จิตใจเขาสั่นไหวได้เลยแม้แต่คนเดียว
ไม่สิ... ยกเว้น หญิงคนหนึ่งที่อยู่ในห้วงความคิดของเขาตลอดเวลา ถ้าจะให้ดีทุกลมหายใจเข้าออกเลยก็ว่าได้
“แต่ตอนนี้ยังไม่ควรออกรบหรือกระทำการอันใดทั้งนั้น เพราะมีแต่จะเสียไพร่พลโดยใช่เหตุ บางครั้งในอนาคตท่านอาจปราบพวกมันได้โดยไม่ต้องเสียเลือดเนื้อ”
คำเตือนของพ่อเฒ่าสูงวัยทำให้อัฟฟานนิ่งเงียบ ขมวดคิ้วเป็นปม แม้จะเป็นคนใจร้อน แต่ก็ฟังคำเตือนทุกครั้ง
เขาอยากปฏิเสธว่าไม่ค่อยอยากเชื่อเรื่องพวกนี้นัก แต่เพราะทุกครั้งที่อาริฟีนทำนาย มักถูกต้องแม่นยำเสมอ แม้จะมีความเชื่อมาแต่ครั้งโบราณว่า โหราศาสตร์เป็นศาสตร์ที่เต็มไปด้วยความงมงาย เป็นการสุ่มเดา เป็นการเชื่อว่าดวงดาวมีอิทธิพลกับชีวิตมนุษย์ ดั่งคำพูดที่ว่า
“โหรโกหกแม้ว่าจะทำนายถูกต้องก็ตาม”
...คำทำนายที่ถูกต้องก็ช่วยเหลือในการตัดสินใจของมนุษย์ แต่อย่างไรเสียพระผู้เป็นเจ้าก็คือผู้สร้างทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้
...ดึกคืนหนึ่งที่ชนเผ่ากัวลา...
“พี่ขอบใจเจ้ามากรตีน้องรัก” ซูไรดากอดรัดน้องสาวแนบอก
“ไม่เป็นไรพี่ยูดา ข้าขออวยพรให้พี่โชคดี แคล้วคลาดปลอดภัย” มาราตีกอดรัดพี่สาวด้วยความรักไม่ต่างกัน
“รีบไปเถอะ หากชักช้าจะมีคนจับได้” ฮาฟิซรีบเร่งซูไรดาหญิงสาวอันเป็นที่รัก
“แล้วพี่จะส่งข่าวกลับมาหาเจ้า พี่ฝากเจ้าดูแลท่านพ่อด้วย”
ซูไรดาฝากฝังบิดาอันเป็นที่รัก มองน้องสาวด้วยความรู้สึกผิด ลางสังหรณ์บางอย่างบอกว่าการไปครั้งนี้อาจทำให้น้องสาวต้องลำบาก แต่เธอก็เลือกหนีไปเพราะความขลาดกลัวและเห็นแก่ตัว
“ไม่ต้องเป็นห่วง ข้าจะดูแลท่านอาเป็นอย่างดี ท่านรีบไปเถิด ชักช้าจะเสียการ” มาราตีรีบเร่งผู้เป็นพี่สาว
เธอคิดว่าวิธีนี้คงเป็นหนทางที่ดีที่สุด ชีคอัฟฟานทราบอาจกริ้วโกรธ แต่หากคิดว่าอีกฝ่ายไม่ยินดีคงเลิกราไปเอง รวมถึงอับดุลอาซิกับโมฮัมหมัดต่างก็มีความดีความชอบ คงไว้หน้ากันบ้าง ทั้งสองก็ไม่ได้ช่วยเหลือให้ซูไรดาหนีในครั้งนี้ด้วยซ้ำ ที่สำคัญความสัมพันธ์แต่เก่าก่อนคงพอที่จะทำให้ชีคอัฟฟานเกรงใจกันพอควร
ฮาฟิซโอบเอวคอดของคนรักขึ้นนั่งบนหลังม้า ก่อนจะพาควบออกไปในกลางดึกขณะที่ทุกคนกำลังหลับใหลในราตรีกาล เป้าหมายของเขาคือชายแดนรอยต่อระหว่างชนเผ่ากัวลา
เพียงไม่นานก็มีชายหนุ่มกับหญิงสาวมารอรับทั้งสองอยู่ก่อนแล้ว
“พี่ฮาฟิซ ท่านไม่ไปกับข้าหรอกรึ” ซูไรดามองผู้ที่มารับสลับกับมองหนุ่มคนรัก
“ยูดา เจ้าจงล่วงหน้าไปก่อน ข้าจะตามไปในภายหลัง ท่านพี่กิมรอกับรานีจะพาเจ้าไปซ่อนตัว เจ้าจะไม่มีอันตรายเด็ดขาด ข้าต้องกลับไปรับหน้าท่านอาซิ บิดาของเจ้า หากมิเช่นนั้นจะเป็นที่สงสัยได้ อย่ากังวลไปเลย พี่ของข้าทั้งสองเป็นคนดี พวกเค้าจะนำเจ้าไปสู่ที่ปลอดภัย” ฮาฟิซบอกคนรักด้วยน้ำเสียงอบอุ่น พยักหน้าให้ญาติผู้พี่ที่ไว้ใจซึ่งอยู่ต่างเผ่าพาซูไรดาล่วงหน้าไปก่อน
“ท่านต้องรีบตามข้ามาในเร็ววันนะ ข้าจะรอ” ซูไรดาขึ้นนั่งบนหลังม้ามองคนรักด้วยสายตามีความหวัง