บท
ตั้งค่า

บทที่ 4 (2)

สีหน้าของชีคฟาซิซต์เคร่งเครียดขึ้นทันทีที่ได้ยินคำตอบที่หลุดออกมาจากปากขององครักษ์ เขาถอนหายใจยาวอย่างเบื่อหน่ายก่อนจะเผยความในใจให้องครักษ์รับรู้

‘เมื่อไหร่ท่านลุงอัฟมาส์ ถึงจะล้มเลิกความคิดที่จะโค่นราชบัลลังก์อัสดารานส์’ น้ำเสียงของชีคหนุ่มบ่งบอกถึงความอ่อนล้าเหน็ดเหนื่อยที่ต้องสู้รบกับคนในสายเลือดเดียวกัน

‘ถ้าหากทำได้น่ะยาฟัสส์ เราอยากจะสละบัลลังก์ให้ท่านลุงให้รู้แล้วรู้รอดไป’

ชีคฟาซิซต์เอ่ยบอกกับองครักษ์ด้วยน้ำเสียงเหน็ดเหนื่อยกับปัญหาคลื่นใต้น้ำลูกนี้ ใช่ว่าเขาจะไม่เคยถูกลอบสังหารเสียเมื่อไหร่ การถูกลอบทำร้ายนับครั้งไม่ถ้วนโดยมือสังหารที่ยอมตายแต่ไม่ยอมบอกว่าใครเป็นผู้บงการ แต่ถึงกระนั้นเขาและท่านพ่อก็รู้ดีว่าเป็นฝีมือของท่านลุงอัฟมาส์ เพียงแต่ไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดพอที่จะเอาผิดกับท่านลุงได้หรือถึงมีหลักฐานเขาก็มิอาจทำร้ายคนในสายเลือดเดียวกันได้ลงคอ

ยาฟัสส์หน้าถอดสีตกใจกับความคิดของท่านชีคหนุ่ม ถ้าหากท่านชีคฟาซิซต์ยอมสละบัลลังก์ให้กับท่านอัฟมาส์ ซัลฮาบินด์ อัลวาสต์ แล้วประชาชนอัสดารานส์จะอยู่เย็นเป็นสุขได้อย่างไร อัสดารานส์ที่แปลว่าความสงบร่มเย็นจะเป็น

อัสดารานส์ที่ร่มเย็นได้อย่างไรเมื่อต้องถูกปกครองโดยคนที่บ้าอำนาจลุ่มหลงในความสุขความร่ำรวยส่วนตัวจนไม่นึกถึงประชากรตาดำๆ ที่อยู่ทั่วราษฎร์อาณาจักร

‘กระหม่อมไม่เห็นด้วยกับความคิดของพระองค์ ถ้าหากให้ท่านอัฟมาส์ขึ้นปกครองบัลลังก์อัสดารานส์ คราวนี้บ้านเมืองเราคงได้ลุกเป็นไฟแน่พะยะค่ะ’

‘เรารู้ดียาฟัสส์ เพราะเราทิ้งประชาชนอัสดารานส์ที่จงรักภักดีต่อท่านพ่อและตัวเราไม่ได้ไง จึงทำให้เราต้องอยู่เป็นเป้านิ่งให้ท่านลุงจนถึงทุกวันนี้’

‘กระหม่อมและองครักษ์ทุกคนสัญญาว่าจะไม่ให้พระองค์ได้รับอันตรายแม้แต่เล็กน้อย’

ยาฟัสส์รวมถึงองครักษ์อีก 3-4 คนที่อยู่ในห้องพากันเดินมายืนอยู่หน้าเจ้าเหนือหัวของตนเองจากนั้นก็พากันโค้งคำนับและทรุดตัวลงจุมพิตเบาๆ ที่เท้าของท่านชีคฟาซิซต์ ซึ่งพิธีนี้เป็นการให้สัตยาบันขององครักษ์ทุกคนที่บ่งบอกว่าพวกเขาจะจงรักภักดีสละชีพของตนเพื่อเจ้าเหนือหัว

‘พวกเจ้าลุกขึ้นเถอะ’ ชีคฟาซิซต์เอ่ยบอกเสียงอบอุ่นซาบซึ้งในน้ำใจขององครักษ์ทุกนาย

‘ขอบใจพวกเจ้ามากที่เสียสละชีวิตเพื่อเรา เรื่องของท่านลุงอัฟมาส์เราอยากให้ทุกคนเงียบๆ ไว้อย่ากระโตก

กระตากให้ท่านลุงรู้ตัว’

‘พะยะค่ะ’ องครักษ์ทุกนายโค้งคำนับรับคำสั่งพร้อมๆ กัน

‘เอาล่ะ แยกย้ายกันไปพักผ่อนได้แล้ว’

องครักษ์ทุกนายยกเว้นยาฟัสส์โค้งคำนับให้ท่านชีคอีกครั้งก่อนจะแยกย้ายกันไปทำหน้าที่องครักษ์รักษาความปลอดภัยให้เจ้าเหนือหัวของตนเอง

‘พระองค์ก็ต้องพักด้วยพะยะค่ะ’ ยาฟัสส์เอ่ยย้ำแกมขอร้องอีกครั้ง

‘เฮ้อ!...เจ้านี่ยังตื้อไม่เลิกเลยน่ะยาฟัสส์’

ท่านชีคหนุ่มบ่นออกมาไม่จริงจังนักก่อนจะขมวดคิ้วเอ่ยถามด้วยความสงสัยเมื่อเห็นสีหน้าขององครักษ์หนุ่มจอมตื้อ

‘ทำไมต้องทำหน้าเซ็งถอดใจขนาดนี้ด้วยยาฟัสส์’

ชีคเอ่ยแซวยิ้มๆ รับบรั่นดีมาจากลาร์ไคบ์แล้วค่อยๆ จิบชิมรสชาติที่ละนิดไม่ได้ดื่มรวดเดียวหมดแก้วเหมือนรอบแรก

‘ไม่ให้เมื่อยได้ยังไงล่ะพะยะค่ะ ก็พระองค์ทรงดื้อรั้นเหลือเกิน’

เพราะความใกล้ชิดสนิทสนมเข้ามารับใช้ท่านชีคฟาซิซต์ตั้งแต่เด็กๆ ทำให้ยาฟัสส์กล้าเอ่ยตักเตือนระคนขอร้องท่านชีค

‘อันที่จริงแล้วเราก็ไม่ได้เหนื่อยอะไรมากมาย ถ้าหากเจ้าไม่หนีออกไปสูดอากาศคนเดียวแล้วปล่อยให้เราอยู่กับเจ้าหมูอ้วนเป็นชั่วโมงๆ’ ชีคต่อว่าองครักษ์ไม่จริงจังนัก สีหน้าและแววตาประดับไปด้วยความเอ็นดูในทาสผู้ซื่อสัตย์คนนี้

ยาฟัสส์ได้ยินท่านชีคเอ่ยถึงเจ้าสัววิชัยด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่ายติดจะรำคาญหลายครั้งหลายคราแล้วจึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามออกมาให้คลายข้อสงสัย

‘น่าเบื่อขนาดนั้นเลยหรือพะยะค่ะ’

‘เจ้าลองไปนั่งฟังเองมั้ยล่ะ’ ชีคย้อนถามเสียงสูงด้วยความหมั่นไส้

‘อย่าดีกว่าพะยะค่ะ เท่าที่ฟังท่านชีคพูดมา กระหม่อมคิดว่าคงจะไม่น่าพิสมัยเท่าไหร่’

ยาฟัสส์เอ่ยตอบกลั้วหัวเราะ แค่นึกถึงร่างอ้วนตุ้ยนุ้ยและความประจบสอพลอของเจ้าสัววิชัยก็ทำให้เขาเอียนจะแย่แล้ว ถ้าหากท่านชีคให้เขาเข้าไปนั่งฟังด้วยเขาคงได้ชักลงแดงตายแน่

‘เกิดมาเราเพิ่งเคยเจอคนที่พูดยกเมฆได้เป็นฉากๆ แถมยังหน้าด้านมาแอบอ้างว่าผลกำไรที่เกิดขึ้นเป็นเพราะฝีมือการบริหารของตนเอง เฮ้อ...ถ้าไม่ได้พวกเจ้ามาจัดการเราว่าโรงแรมแห่งนี้คงได้ล้มครืนตั้งแต่ยังไม่ได้เดินหมากด้วยซ้ำไป’

‘เป็นเพราะความชาญฉลาดของพระองค์ต่างหากพะยะค่ะ กระหม่อมและทีมงานแค่รับคำสั่งของท่านชีคไปปฏิบัติตามเท่านั้น’

ยาฟัสส์เอ่ยค้านยิ้มๆ เพราะความชาญฉลาดเป็นกรดมันสมองเป็นเลิศในด้านการมองเกมส์ธุรกิจออกอย่างทะลุปรุโปร่งของท่านชีคเลยทำให้โรงแรมมีผลกำไรมหาศาลหุ้นส่วนทุกคนเลยพลอยฟ้าพลอยฝนได้รับอนิสงค์ผลกำไรในครั้งนี้ด้วย

ชีคฟาซิซต์กระตุกยิ้มตรงมุมปากเมื่อได้ยินน้ำเสียงที่เอ่ยชื่นชมขององครักษ์หนุ่ม ดวงตาสีดำสนิทลึกลับที่ยากต่อการหยั่งถึงหลุบลงอีกครั้งราวกับต้องการตัดบทสนทนาและต้องการพักผ่อนเงียบๆ

ยาฟัสส์เห็นท่าว่าคราวนี้ท่านชีคจะหลับจริงๆ จึงรีบเอ่ยบอกเรื่องที่เขาจัดหาหญิงสาวให้มาปรนนิบัติพัดวีท่านในคืนนี้

‘เอ่อ...ท่านชีคเมื่อยมั้ยพะยะค่ะ วันนี้กระหม่อมหาคนมานวดให้ท่านชีคด้วยพะยะค่ะ’

ชีคฟาซิซต์ถลึงพรวดลุกขึ้นนั่ง ใบหน้าถมึงทึงนัยน์ตาคมกริบดุจพญาอินทรีลุกวาวเป็นไฟเมื่อองครักษ์หนุ่มบังอาจทำอะไรโดยพละการไม่ปรึกษาเสียก่อน

“นาย...ว่าไงน่ะ...ยาฟัสส์’ ชีคฟาซิซต์เอ่ยถามเน้นคำเสียงลอดไรฟัน

ยาฟัสส์สะดุ้งเฮือกรีบหลบตาคมกริบที่ตวาดมองมาด้วยความโมโห ‘เอ่อ...กระหม่อมเห็นพระองค์ทำงานเหนื่อยทุกวันก็เลยหาสาวๆ มาคอยปรนนิบัติท่านชีคพะยะค่ะ’

ชีคฟาซิซต์ถอนหายใจยาวกับความห่วงใยเกินเหตุขององครักษ์หนุ่ม เขาเอนตัวพิงพนักเก้าอี้หนานุ่มเหมือนเดิมก่อนจะโบกมือไล่

‘จ่ายเงินค่าเสียเวลาให้เธอแล้วก็ให้ออกไปจากห้องเราได้แล้ว ตอนนี้เราต้องการพักผ่อนนอนหลับเหมือนที่เจ้าแนะนำจริงๆ”

‘กระหม่อมจ่ายค่าตัวเธอไปแล้วพะยะค่ะ เอ่อ...ตั้งสี่แสนบาท พระองค์ไม่ลองเข้าไปดูหน้าเธอหน่อยหรือพะยะค่ะ’

ยาฟัสส์อ้อมแอ้มตอบเสียงแผ่วเบาเล็กน้อยเมื่อเอ่ยถึงจำนวนเงินที่มากโขเอาการ เพราะเท่าที่เคยจ่ายให้บรรดาสาวๆ ที่มาปรนนิบัติท่านชีคมีสูงสุดก็แค่ห้าหมื่นบาทเท่านั้นเองและผู้หญิงคนนั้นเป็นถึงนางแบบชื่อดังระดับแนวหน้าของเมืองไทยเสียด้วย

ชีคฟาซิซต์เลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งด้วยความแปลกใจกับจำนวนตัวเลขที่องครักษ์จ่ายไป ‘เป็นนางแบบ ดาราหรือไง

ยาฟัสส์ เจ้าถึงได้จ่ายเงินมากถึงเพียงนี้’

‘เปล่าพะยะค่ะ แต่กระหม่อมเห็นว่าเธอกล้าเรียกค่าตัวสูงลิ่บลิ่ว กระหม่อมก็กล้าจ่ายเหมือนกัน’

ยาฟัสส์เอ่ยตอบกลั้วหัวเราะ ในตอนแรกที่ได้ยินราคาที่เสนอมาก็ทำให้เขาตกใจเช่นเดียวกันกับท่านชีค แต่พอได้เห็นตัวจริงของหญิงสาวที่แสนงดงามนัยน์ตาเศร้าทำให้เขาคิดว่าสี่แสนบาทยังน้อยไปสำหรับค่าตัวของเธอ

‘ใจป้ำเสียด้วยน่ะยาฟัสส์’

ชีคเอ่ยประชดประชันด้วยความหมั่นไส้ ใจหนึ่งก็อยากจะเห็นหน้าของหญิงสาวที่กล้าอัพราคาตัวเสียแพงลิ่บลิ่ว แต่ใจหนึ่งก็เหน็ดเหนื่อยอยากจะพักจริงๆ

‘กระหม่อมคิดว่าเธอคงจะหลับอยู่บนเตียงของพระองค์ จะเข้าไปดูหน่อยมั้ยพะยะค่ะ’

ยาฟัสส์ถามย้ำอีกครั้งเขาอยากให้ท่านชีคได้เข้าไปดูหญิงสาวที่งดงามราวกับตุ๊กตาเจียระไนสักนิดก็ยังดี

‘ไม่ล่ะ เราไม่เข้าไป เจ้าพาเธอออกไปได้แล้ว หรือถ้าเจ้าจะพาเธอไปที่ห้องของเจ้าก็ตามใจ เราอนุญาต’

‘เธอไม่เหมาะกับกระหม่อมหรอกพะยะค่ะ กระหม่อมรู้สึกได้’

ยาฟัสส์ยิ้มบางๆ เอ่ยตอบท่านชีคตามความรู้สึก ทำให้ชีคหนุ่มต้องเลิกคิ้วขึ้นเป็นคำถาม

‘คือกระหม่อมรู้สึกถูกชะตาเธอตั้งแต่เห็นและได้พูดคุยกับเธอ กระหม่อมรู้สึกได้ว่าผู้หญิงคนนี้เกิดมาเพื่อใครสักคนเท่านั้นและคนๆ นั้นก็ไม่ใช่กระหม่อมด้วย’

‘และก็ไม่ใช่เราด้วย เพราะถ้าหากเจ้ามีความรู้สึกเช่นนี้เราคิดว่าเธอคงไม่มาทำงานขายตัวหรอก’

ชีคหนุ่มรูปงามเอ่ยประชดองครักษ์ เขาแปลกใจอยู่เหมือนกันว่าหญิงสาวคนที่ว่าร่ายมนต์ใส่องครักษ์ผู้เข้มแข็งเด็ดเดี่ยวของเขาหรืออย่างไรถึงทำให้องครักษ์ที่เขาเคยขนานนามว่าองครักษ์ไร้หัวใจ ได้ใจอ่อนยวบยาบเป็นไปได้มากถึงเพียงนี้

ยาฟัสส์ส่ายหน้าปฏิเสธช้าๆ กับคำถามของท่านชีคหนุ่ม

‘กระหม่อมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงได้คิดเช่นนี้กับหญิงสาวที่ชื่อพริ้นซ์ แต่กระหม่อมคิดว่าเธอคงจะมีเหตุผลสำคัญที่ทำให้ต้องตัดสินใจทำงานนี้’

‘เอาเถอะยาฟัสส์จะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่...เราไม่สนใจทั้งนั้น เจ้าพาเธอออกไปจากห้องเราได้แล้ว’

ชีคฟาซิซต์โบกมือไล่ทั้งคนที่เป็นองครักษ์และรวมไปถึงหญิงสาวที่อาจจะหลับอยู่บนเตียงหนานุ่มของเขา

‘กระหม่อมล่ะเสียดายจริงๆ เลย อยากให้พระองค์ไปยลโฉมเธอสักนิดก็ยังดี เผื่อว่าได้เห็นใบหน้างดงามดังตุ๊กตาเจียระไนแล้วอาจจะเปลี่ยนใจขึ้นมา’

ยาฟัสส์บ่นยืดยาวเป็นหมีกินผึ้งจนทำให้ท่านชีคฟาซิซต์ต้องส่ายหน้าด้วยความอ่อนใจ

‘ยาฟัสส์! คำเดียวและคำสุดท้าย พาเธออกไปเดี๋ยวนี้ ถ้าหากเจ้าไม่ทำตามคำสั่งของเรา เราคงจะต้องพิจารณาถึงบทลงโทษที่บังอาจขัดคำสั่งของเรา’

ท่านชีคฟาซิซต์ขู่ด้วยซุ่มเสียงจริงจัง ใบหน้าคมเข้มนัยน์ตาสีดำลึกลับยากที่ใครจะหยั่งถึงจ้องมองถมึงทึงใส่องครักษ์คนโปรดจนอีกฝ่ายต้องรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว

‘พะยะค่ะ กระหม่อมทราบแล้วจะไปเดี๋ยวนี้พะยะค่ะ’

องครักษ์หนุ่มไม่ทันจะได้ก้าวเดินเข้าไปยังห้องนอนของท่านชีคตามคำบัญชาเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นมาเสียก่อน ยาฟัสส์ล้วงหยิบโทรศัพท์มาจากกระเป๋ากางเกงพอดูเบอร์ที่โทรเข้ามาก็แย้มยิ้มพรายอย่างเจ้าเล่ห์เอ่ยพึมพำอยู่ในใจคนเดียวด้วยความกระหยิ่มยิ้มย่อง...ระฆังหมดยกช่วยเอาไว้แท้ๆ

‘หญิงสาวที่ไหนโทรมายาฟัสส์เจ้าถึงได้ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่หุบไม่ลงสักที’

ท่านชีคฟาซิซต์เอ่ยถามด้วยซุ่มเสียงที่บ่งบอกถึงความหมั่นไส้องครักษ์หนุ่มที่ทำหน้าบานยิ้มแป้นเมื่อมีโทรศัพท์เรียกเข้ามา

‘หามิได้พะยะค่ะ ไม่มีหญิงสาวที่ไหนทั้งนั้นเพราะเจ้าสาวของกระหม่อมยังไม่เกิด แต่ที่กระหม่อมยิ้มชอบใจเพราะว่าท่านชีคริยาชิดห์โทรมา ถ้าไงกระหม่อมคงต้องขอตัวรับโทรศัพท์และก็รายงานความเคลื่อนไหวให้พระองค์ทรงทราบก่อนน่ะพะยะค่ะ”

ยาฟัสส์เอ่ยตอบกลั้วหัวเราะก่อนจะส่งสัญญาณให้องครักษ์ทุกนายออกมาจากห้องและอยู่อารักขาความปลอดภัยนอกห้องพักแทน

‘เจ้าเล่ห์จริงๆ น่ะไอ้ยาฟัสส์’

ชีคหนุ่มกัดฟันกรอดๆ เอ่ยเจริญพรเสียงลอดไรฟันตามหลังองครักษ์ตัวแสบที่รีบก้าวเท้ายาวๆ ออกไปจากห้องพัก

เมื่อองครักษ์ไม่ยอมทำหน้าที่ไล่...แกมเชิญหญิงสาวที่เขาไม่พึงปรารถนาตั้งแต่ยังไม่เห็นหน้าออกไปจากห้องก็คงต้องเป็นหน้าที่ของเขาที่จะต้องเชิญเธอออกไปเอง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel