4 ตอน ก่อกำเนิดแม่นางฟางจากหญิงคณิกา 1
“อา ข้า ข้าสะใจยิ่งนัก ดูเอาเถิด ท่านทำข้าแรงจนผ้าปูร่นยับย่น อาซี๊ด”
“ไม่ต้องห่วงสิ่งใด เอาความสุขของเราไว้ก่อนเถิด ข้าจะกระแทกแม่นางฟางจริงให้หนักที่สุด อาซี๊ด ข้า ข้า”
เศรษฐีผู้มั่งคั่งขยับบั้นท้ายแน่นหนันขึ้นลงเร็วยิ่งขึ้น แม่นางฟางจิงกระเด้งเอวรับเร็วไม่ต่างจากกัน ทวนจึงเข้าโตรกธารตลอดเวลา น้ำที่เอ่ออยู่ภายในเริ่มซึมออกมา นางขมิบรัดแท่งทวนเอาไว้เป็นจังหวะ ซึ่งก็ทำให้ฝ่ายชายถึงกับครางลั่น
“อา แม่นางฟางจิง ข้า ข้า ไม่ไหวแล้ว ข้าเสียวจัด”
“อืม ท่าน ท่าน ข้าไม่ไหวเช่นกัน ข้าชอบ ท่าน ท่าน ซี๊ด”
แม่ทางฟางจิงถึงกับสั่นสะท้าน ราวกับสัมผัสกับอากาศเย็นจัด ขนลุกทั่วทั้งตัว นางผวากอดร่างเปลือยกล้ามแน่นเอาไว้จนสุดแรง ร่างกระตุกเพียงไม่กี่ครั้ง เสียงครางที่เปี่ยมไปด้วยความสุขดังขึ้น
แน่นอนว่านางถึงสรวงสวรรค์ที่เปี่ยมไปด้วยความสุข เฉกเช่นเดียวกับเศรษฐีรูปงาม เขาพ่นน้ำรักเข้าไปภายในโตรกธารจนหมดสิ้น แล้วแนบร่างใหญ่ทับนางไว้เช่นนั้น โดยไม่ชักทวนออกมา
ด้วยความผิดพลาดจากการคุมกำเนิด แม่นางฟางจิงตั้งครรภ์ด้วยความไม่ตั้งใจ ซึ่งก็ทำให้แม่นางเจียวซือเป็นเจ้าสำนักโคมเขียวเหมยกุ้ยถึงกับกุมขมับ เพราะแม่นางฟางจิงเป็นนางคณิกาที่ทำเงินให้แก่ที่นี่ มากกว่านางคณิกาคนอื่น ๆ
เมื่อตั้งครรภ์เช่นนี้ นางจึงงดรับแขก โดยนอนพักอยู่ในห้องชั้นบนของสำนักโคมเขียว แม่นางเจียวซือเอาใจใส่และดูแลเป็นอย่างดี
“ฟางจิง นี่คือไก่ดำตุ๋นสมุนไพร ข้าให้พ่อครัวปรุงพิเศษแก่เจ้า”
แม่นางเจียวซือเป็นผู้ยกไก่ตุ๋นสมุนไพรมาให้แม่นางฟางด้วยตนเอง
“ข้าขอคารวะท่านแม่เจียวซือที่เอาใจใส่ข้า ทั้งที่ข้าไม่อาจสร้างเงินแก่สำนักโคมเขียวได้”
“เออ ไม่เป็นไร เรื่องแค่นี้เล็กน้อย เจ้าก็สร้างเงินให้แก่สำนักแห่งนี้มามากแล้ว ถึงเวลาก็ต้องพัก”
“หากว่าข้ากำเนิดบุตรแล้ว พักฟื้นแข็งแรงดี ข้าจะทำงานเช่นเดิม”
แม่นางฟางจิงคิดว่าการเป็นหญิงคณิกาคือสิ่งที่สมควรตอบแทนความดีของแม่นางเจียวซือ ทว่าหญิงเจ้าสำนักโคมเขียวโบกมือไปมา
“ไม่ต้องทำอีกแล้ว หลังจากเจ้ากำเนิดบุตรแล้ว ข้าจะให้เจ้าเป็นผู้ช่วยของข้า ส่วนลูกเจ้าถ้าเป็นชาย ข้าจะเลี้ยงดูเขาอย่างดี ส่งให้ไปเรียนวิทยายุทธ์ อาจจะเป็นนักรบหรือต้องการจะมาช่วยงานที่สำนักโคมเขียวข้าก็ยินดี จะให้เขาสืบทอดต่อจากข้า”
“โอ ข้าขอขอบน้ำใจท่านแม่ยิ่งนักที่เมตตาลูกข้า หากว่าลูกข้าเป็นหญิงเล่า”
“ข้าก็จะเลี้ยงดูนางเป็นอย่างดี ไม่ให้เป็นหญิงคณิกา แต่จะให้เป็นอี้จี ฝึกฝีมืองานทางด้านศิลปะทุกแขนง นางจะเป็นอี้จีที่สวยและทำเงินให้แก่สำนักโคมเขียวของเรา ข้าจะแบ่งเงินให้แก่นางครึ่งต่อครึ่ง”
“โอ ท่านแม่ ข้าดีใจที่ท่านเมตตาลูกของข้า”
แม่นางฟางจิงที่ตั้งครรภ์แก่จวนใกล้คลอดทำท่าจะก้มลงทำการคารวะแก่แม่นางเจียวซือ แต่หญิงเจ้าสำนักโคมเขียวดึงมือไว้
“ไม่เป็นไร เจ้าตั้งครรภ์แก่เพียงนี้ อย่าก้มลงทำเช่นนั้น มันลำบาก ข้ารู้ว่าเจ้าเคารพข้าเพียงใด สิ่งที่เจ้าควรทำที่สุดก็คือดูแลตัวเอง และบำรุงครรภ์ให้ดีที่สุด”
“เจ้าค่ะท่านแม่”
“ดี ข้าจะให้หมอมาตรวจครรภ์เจ้าเป็นระยะ จนกว่าจะคลอด”
“ข้า ข้าไม่รู้ว่าจะตอบแทนท่านแม่เช่นไร และข้าเสียใจ”
แม่นางฟางจิงร่ำไห้ออกมา และยกชายเสื้อคลุมที่ตัดเย็บจากผ้าแพรเนื้อดีขึ้นมาซับน้ำตา
“เสียใจทำไม”
“ข้าไม่รู้ว่าใครคือบิดาของลูกข้า”
“เรื่องนั้นไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญที่สุด คือการเลี้ยงดูลูกให้ดีที่สุด ข้าและนางคณิกาที่นี่จะรักแล้วเอาใจใส่ลูกของเจ้าให้เต็มที่”
“ขอบน้ำใจท่านแม่มากเจ้าค่ะ”
แม่นางฟางจิงยกมือทำการคารวะแม่นางเจียวซือแล้วเอนร่างนั่งลงบนเตียง เพราะอ่อนเพลียจากการตั้งครรภ์ แม่นางเจียวซือมองด้วยความเอ็นดูแล้วก้าวออกจากห้องไปอย่างเงียบเชียบ
เมื่อครรภ์ครบกำหนดคลอด แม่นางฟางจิงเจ็บครรภ์ในค่ำคืนหนึ่ง ซึ่งปิดสำนักโคมเขียวเหมยกุ้ยแล้ว นางร้องด้วยความเจ็บปวด เหล่านางคณิกาต่างโกลาหลเพราะทำอะไรไม่ถูก
“ให้นักเลงคุมสำนักสองคนไปตามหมอทำคลอดมาเร็ว ๆ แม่นางฟางจิงจะกำเนิดบุตรแล้ว”
แม่นางเจียวซือออกคำสั่งให้นางคณิกาเรือนร่างอวบอั๋นซึ่งอยู่ใกล้ที่สุด ให้นางไปบอกนักเลงคุมสำนักโคมเขียวไปตามหมอทำคลอดมาที่นี่ นางคณิกานางนั้นก้มรับคำแล้วออกไปจากห้องแม่นางฟางจิงอย่างรวดเร็ว
เพียงไม่นานหมอทำคลอดชายร่างสูงใหญ่วัยกลางคนได้เข้ามาในห้อง เขาจัดท่านอนให้แม่นางฟางจิงอยู่ในท่าที่สะดวกต่อการคลอดบุตร แล้วบอกให้หญิงรับใช้ไปต้มน้ำร้อน จากนั้นหมอทำคลอดก็ปฏิบัติหน้าที่ตามที่เรียนมา
แม่นางฟางจิงร้องด้วยความเจ็บปวด แต่ก็เพียงไม่นาน นางกำเนิดทารกเป็นบุตรี หน้าตาน่าเอ็นดู
“นางฟางจิงลูกเจ้ากำเนิดแล้ว”
แม่นางเจียวซือกล่าวพลางอุ้มทารกแรกเกิดที่ผ่านการตัดสายสะดือจากหมอทำคลอดให้แม่นางฟางจิงดู
“ลูกข้า หญิงหรือชาย”
“หญิง เจ้าตั้งชื่อลูกว่าอะไร”
“ท่านแม่ ช่วยตั้งให้ข้าทีเถิด ข้าขอยกบุตรคนนี้เป็นบุตรบุญธรรมแก่ท่าน”
“เช่นนั้น ข้าจะตั้งนามทารกนี้ว่าฟางก็แล้วกัน ฟางลูกแม่”
แม่นางเจียวซือตั้งชื่อให้ทารกน้อยที่ยังคงส่งเสียงร้องดังลั่นห้อง แม่นางฟางจิงยกมือลูบใบหน้าน้อย ๆ ขณะร้องไห้จนปากสั่น
“ฟางลูกแม่”
“ใช่ ฟางลูกของเราสองคน ข้าตั้งใจว่าจะเลี้ยงนาง และดูแล อบรมสั่งสอนให้นางเป็นอี้จีที่ดีที่สุด ข้าเชื่อว่าเมื่อแม่หนูฟางโตขึ้น นางจะเป็นสตรีที่สวยมากคนหนึ่ง”
“นับว่าเป็นบุญของเด็กน้อย ถึงข้าตายก็คงตายตาหลับ”
แม่นางฟางจิงยิ้มทั้งน้ำตา เมื่อรู้ว่าบุตรีที่เกิดในสำนักโคมเขียวเหมยกุ้ย ได้รับความเมตตาจากแม่นางเจียวซือ ซึ่งเป็นเจ้าของและทรงอิทธิพลคนหนึ่ง
แม่นางฟางจิงเชื่อว่า ฟางบุตรีจะเป็นสตรีที่บุรุษต่างพากันแย่งชิง และนางจะได้คู่ชีวิตที่ร่ำรวย นั่นหมายความว่าคนเป็นแม่ก็จะสุขสบายตามไปด้วย