บทที่2.
“แล้วหนูลดาล่ะว่าไง”
“คือลดาคิดว่าเราแต่งงานกันแค่ในนามค่ะ.. ผ่านไปสักระยะเราก็จะหย่ากัน”
เป็นคำพูดที่กว่าจะพูดออกมาได้พรลดาต้องใช้ความกล้าหาญมากเลยทีเดียว เธอถึงกับถอนใจเบาๆ อย่างโล่งอกเมื่อพูดออกไป
“คิดว่าการแต่งงานมันเป็นเรื่องเล่นๆ หรือไง”
คุณเรย์เสียงแข็ง มองพรลดาดุๆ หญิงสาวหน้าเสียน้ำตาคลอเบ้าอย่างเสียขวัญ คุณราศีเอื้อมมือไปตบหลังมือสามีเบาๆ
“คุณคะ..”
“ผมก็ไม่ได้คิดจะแต่งงานเล่นๆ นี่ครับ”
“หมายความว่ายังไง” คนเป็นพ่อถามจริงจัง พรลดาหันไปมองราเมศ หน้าตื่นและตื่นตะลึงขึ้นไปอีกเมื่อราเมศพูดเอ่ยขึ้น
“ผมก็จะทำหน้าที่สามีและเธอก็ต้องทำหน้าที่ภรรยา ทุกอย่างก็เหมือนผัวเมียกันทั่วๆ ไปนั่นล่ะครับ” เขาบอกสีหน้าเรียบเฉย พรลดาหันไปมองหน้าผู้สูงวัยทั้งสองอย่างทำตัวไม่ถูก
“อืม.. ก็อยากรู้แค่นี้ล่ะ เอาล่ะพ่อจะไปเดินเล่น”
“แม่ก็จะไปเดินเล่นเหมือนกัน” คุณราศีเอ่ยขึ้นบ้างแล้วทั้งสองก็ลุกขึ้นเดินออกไปพร้อมกัน
พรลดานั่งนิ่งไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไปและกำลังสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้น มันไม่เหมือนที่เธอคิดไว้และก็ยังไม่เข้าใจ และยังทำใจไม่ได้ที่จะต้องเป็นภรรยาของราเมศจริงๆ แม้เธอจะรักเขาแต่มันต้องไม่ใช่แบบนี้สิ.. แล้วมันควรจะเป็นแบบไหนกันล่ะ.. หญิงสาวก้มมองมือตัวเองเหมือนมันเป็นสิ่งที่แปลกประหลาดที่สุดในโลก
“จะนั่งโง่ๆ แบบนี้อีกนานไหม..”
พรลดาสะดุ้งกะพริบตาปริบๆ มองหน้าราเมศอย่างงงๆ เมื่อได้ยินคำพูดร้ายๆ ที่ออกจากปากสวยๆ ของเขา เธอคิดว่าราเมศเดินออกไปแล้วและเพราะมัวครุ่นคิดเรื่องตัวเองอยู่เธอจึงไม่ได้สังเกตว่าราเมศเองก็มองเธออยู่นานแล้วและไม่ได้ลุกไปไหน
“อะ เอ่อ.. พี่ราม คือ..”
“ฉันจะขึ้นไปอาบน้ำ ที่นี่กินข้าวเย็นตอนหกโมงเย็น ตอนเช้าก็เจ็ดโมงครึ่ง.. นี่ก็เกือบห้าโมงแล้วไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วพักผ่อนก่อนก็แล้วกัน”
“แล้ว เอ่อ.. ที่พี่รามว่า.. คือ..”
หญิงสาวพูดตะกุกตะกักเรียบเรียงคำพูดและความคิดของตัวเองไม่ถูก ทั้งที่ผ่านมาเธอเป็นคนที่คิดอะไรเร็ว สามารถพูดจาตอบโต้ผู้คนได้อย่างฉะฉานเพราะอาชีพที่ต้องค้าขายพบเจอคนเยอะ แต่ตอนนี้เหมือนสมองของเธอมันรวนๆ หยุดชะงักขาดๆ เกินๆ จนเธอก็ยังรู้สึกโมโหตัวเอง หรือเพราะอยู่ต่อหน้าคนที่แอบรักกันนะที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้...
“ก็อย่างที่บอกไปนั่นล่ะ ฉันไม่ยอมเสียเปรียบและไม่ใช่เด็กเล่นขายของ”
“แต่.. ลดาคิดว่าเรา.. เอ่อ ไม่ควรอยู่กินกันแบบผัวเมียจริงๆ คือ.. ลดาคิดว่าเราจะอยู่ด้วยกันแค่ช่วงเวลาสั้นๆ แล้วก็ เอ่อ.. หย่ากัน”
พูดออกไปก็รู้สึกใจสั่นหน้าซีดตัวเย็นเฉียบเมื่อเห็นแววตาดุกระด้างและสีหน้าบึ้งตึงของเขา ร่างสูงใหญ่เดินกลับมาหาแล้วก้มมองเธอ
“ฉันเป็นนักธุรกิจ ฉันต้องได้กำไรจากเงินที่ลงทุนไป และฉันไม่เคยคิดจะทำอะไรเล่นๆ เหมือนเธอกับเพื่อนของเธอหรอกนะพรลดา.. อีกอย่างฉันเป็นพวกที่ใช้ของจนคุ้มค่าแล้วจึงจะทิ้ง.. สำหรับเธอฉันยังไม่เคยใช้งานแม้แต่ครั้งเดียว เพราะฉะนั้นเธอจำใส่หัวเธอไว้เลยว่า ถ้าฉันยังไม่รู้สึกคุ้มค่ากับสิ่งที่เสียไปเพื่อแลกกับตัวเธอ เธอก็จะยังอยู่ในฐานะเมียของฉัน และจะต้องทำหน้าที่เมียจริงๆ ทั้งหน้าที่บนเตียงหรือที่ไหนๆ เข้าใจใช่ไหม..”
พรลดาตะลึงมองเขาอย่างคาดไม่ถึง แก้มสาวร้อนผ่าวเมื่อนึกถึงตอนที่ตนอยู่บนเตียงกับเขา.. ไม่นะ มันต้องไม่ใช่แบบนี้เขาเกลียดเธอ จะนอนกับเธอได้ยังไง...
“ตะ แต่ พี่รามเกลียดลดา เราไม่ได้รักกัน แล้วจะ..”
“คนจะเอากันไม่ต้องรักกันก็ได้ มันก็แค่เซ็กซ์ แค่ความต้องการทางร่างกาย หายอยากก็แยกกัน อีกอย่างไม่มีใครแต่งงานกับคนที่ตัวเองเกลียดหรอกยายบ๊องเอ๊ย..”
พูดจบราเมศก็เดินตึงๆ ออกไป พรลดาอ้าปากค้างจะพูดก็พูดไม่ออกได้แต่ยืนงงไม่เข้าใจว่าทำไมราเมศจะต้องทำหน้าบึ้งทำเสียงดุๆ ใส่เธอตลอดทั้งที่บอกว่าไม่ได้เกลียดเธอ
“ไม่เกลียดเหรอ.. แต่สิ่งที่ทำตรงกันข้ามเลย แบบนี้เขาเรียกว่ารักรึไงตาบ้าเอ๊ย”
หญิงสาวบ่นงึมงำตามเขาแล้วก็มองรอบกายด้วยความรู้สึกอ้างว้างเดียวดาย
“แล้วเราจะอยู่ที่นี่ในฐานะอะไร..”
แม้จะแต่งงานจดทะเบียนกับราเมศแล้วแต่เธอก็ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งของเขาหรือครอบครัวเขาเลย ท่าทางพ่อแม่ของเขาก็ไม่ชอบเธอด้วย แล้วต่อจากนี้ชีวิตของเธอจะเป็นอย่างไรต่อไปล่ะ...
“นึกว่าจะนั่งบื้ออยู่ที่ห้องรับแขกถึงพรุ่งนี้”
พรลดาช้อนตามองคนที่กำลังถอดเสื้อผ้าหน้าตาเฉยอยู่กลางห้อง หญิงสาวรีบหันหลังให้เขาแก้มสาวร้อนซู่ขึ้นมาทันทีเมื่อจินตนาการถึงเรือนร่างแข็งแรงสมชายชาตรีของเขา
เธอรู้ดีว่าเขาเป็นนักธุรกิจและนักกีฬาที่เก่งฉกาจ ราเมศเคยเป็นนักกีฬาว่ายน้ำทีมชาติด้วย สมัยนั้นเขาฮอตมากเลยทีเดียว เธอเองก็ติดตามดูการแข่งขันของเขาทุกครั้งและบางครั้งก็ไปดูถึงขอบสนาม เธอเฝ้ามองเขาห่างๆ อย่างมีความสุข และไม่คิดว่าตนจะได้มาอยู่ใกล้ชิดเขาแบบนี้ และยังได้เป็นภรรยาของเขาด้วย แม้จะเป็นการแต่งงานเพื่อกู้หน้าให้ครอบครับของเขาและเพื่อนรักของตนก็เถอะ แต่มันเป็นสิ่งที่อยู่เหนือความคาดหมายของเธอมากจริงๆ
“มานี่หน่อยซิ” เขาเรียกด้วยน้ำเสียงปกติแต่เธอกลับสะดุ้งเฮือกและได้ยินเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอของเขาเหมือนว่ารำคาญเธอเสียมากมาย
“ฉันบอกให้มานี่”
“ค่ะๆ” พรลดาหมุนตัวกลับไปหาเขาแต่ไม่ยอมเงยหน้ามองยังคงก้มหน้างุดมองพื้นให้ระดับสายตาอยู่แค่ช่วงก้าวสั้นๆ ของตน
“เงยหน้าขึ้นมา หน้าฉันเป็นอะไรมีอะไรน่ากลัวหรือน่าเกลียดมากนักหรือถึงไม่กล้ามองไม่กล้าสบตา”
“เปล่าค่ะ..” ตอบเบาๆ แต่ก็ยังไม่มองหน้าเขาอยู่ดี ราเมศมองคนตรงหน้าอย่างรู้สึกไม่พอใจและเสียความมั่นใจในเวลาเดียวกัน
