13 ปู่อยากอุ้มหลาน
ปุณณิศามาพบชานนท์ที่บริษัทในเวลาบ่ายของวันจันทร์จากนั้นเขาก็ให้ผู้ช่วยเลขาพาหญิงสาวไปซื้อชุดใหม่ ก่อนจะพาเธอกลับมานั่งรอเขาที่ห้องทำงานเพราะชายหนุ่มติดประชุมกับผู้บริหาร
ชุดที่ผู้ช่วยเลขาเลือกซื้อส่วนใหญ่จะเน้นที่ชุดกระโปรงทำให้เธอกลายเป็นสาวหวานอย่างที่ชานนท์สั่งไว้ ส่วนใบหน้าและทรงผมนั้นเขาพอใจอยู่แล้วจึงไม่ต้องเปลี่ยนหรือแต่งหน้าให้ยุ่งยาก
หญิงสาวมองถุงที่ใส่ชุดอีกหลายถุงที่วางอยู่ตรงพื้นแล้วก็ถอนหายใจเพราะมันดูจะมากเกินความจำเป็นด้วยซ้ำ แต่พอบอกจะไม่เอาคนที่พาเธอไปก็ขอร้องเพราะถ้าอย่างนั้นเธออาจจะโดนเขาดุ ปุณณิศาก็เลยได้เสื้อผ้ามาอีกหลายชุด
กว่าชานนท์จากออกจากห้องประชุมก็เกือบจะค่ำ แต่วันนี้ปุณณิศาไม่ต้องไปทำงานที่ผับแล้วจึงไม่มีธุระรีบไปไหน
“เบื่อไหม” เขาถามหลังจากกลับมาจากห้องประชุมแล้วเห็นหญิงสาวนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่บนโซฟาในห้องทำงาน ชานนท์เดินไปนั่งบนเก้าอี้หลังโต๊ะทำงาน
“นิดหน่อยค่ะ” อันที่จริงเธอเบื่อมากที่ต้องมานั่งไถมือถือเล่นเพื่อรอเขาแบบนี้ แต่เพราะชานนท์เป็นนายจ้างปุณณิศาก็เลยต้องยอม
“หิวหรือยังล่ะ”
“ยังค่ะ”
“แต่ฉันหิวแล้ว เดี๋ยวเรากลับไปทานข้าวกับคุณปู่ก่อนแล้วฉันจะพาเธอไปส่งบ้าน”
“หนูต้องไปเจอคุณปู่วันนี้เลยเหรอคะ”
“ใช่สิ ทำไมหรือว่ายังไม่พร้อม”
“ค่ะ หนูว่าหนูยังไม่พร้อม”
“ยังไม่พร้อมหรือกลัวกันแน่ล่ะ”
“หนูกลัวที่ไหนล่ะคะ” ปุณณิศาไม่ชอบให้ใครมาดูถูกแม้ว่าตอนนี้เธอรู้สึกว่าตัวเองไม่ค่อยพร้อมก็ตาม
“ถ้าไม่กลัวก็ไปกันเลย จำได้ใช่ไหมเรื่องที่ฉันบอก”
“จำได้ค่ะ หนูเจอกับคุณที่ร้านกาแฟที่หนูทำงานพิเศษอยู่ คุณเป็นลูกค้าประจำ พอเจอกันบ่อยก็เลยคุยกันและตกลงคบกัน เราคบกันมานานแล้วประมาณหนึ่งปี แต่เพราะหนูยังเรียนอยู่คุณก็เลยไม่อยากให้คนอื่นรู้เพราะกลัวหนูเสียหาย เราวางแผนกันไว้แล้วว่าหลังจากหนูเรียนจบแล้วเราจะแต่งงานกัน” หญิงสาวพูดตามบทที่เขาบอกไว้อย่างครบถ้วน
“จำได้ดีนี่”
“คุณนนท์คะ แล้วถ้าคุณปู่ถามถึงครอบครัวของหนูล่ะคะ”
“ก็บอกไปตามตรง เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหา”
“คุณปู่คุณจะไม่รังเกียจใช่ไหม”
“ไม่หรอก”
“คุณนนท์ชอบทานอะไรคะ ชอบเที่ยวที่ไหน ชอบสีอะไร ชอบฟังเพลงแบบไหนคะ”
“ถามทำไม” เขาเงยหน้าขึ้นมองขณะที่มือก็หยิบถุงกระดาษเตรียมจะพาเธอไปที่รถ
“ก็เผื่อคุณปู่ถามไงคะ”
ชานนท์หัวเราะในลำคอก่อนจะเดินนำเธอมายังรถของตนเองที่จอดอยู่ในช่องจอดรถของผู้บริหาร
ชายหนุ่มเป็นรองประธานบริษัทส่งออกสินค้าแปรรูปทางการเกษตร เขาดำรงตำแหน่งนี้มานานหลายปีนับตั้งแต่บิดาของเขาขอลาออกไปทำไร่ส้มที่เชียงใหม่ ส่วนปู่ของเขานั้นทำหน้าที่เป็นประธานบริษัทซึ่งนานๆ ครั้งท่านถึงจะเข้ามาที่บริษัทเพราะท่านเห็นแล้วว่าหลานชายของตนนั้นสามารถทำงานทุกอย่างได้เป็นอย่างดี
“ฉันเป็นคนกินง่ายอาหารโปรดก็คือข้าวไข่เจียว ชอบสีขาว ดำ แล้วก็เทา ไม่ชอบฟังเพลงชอบอ่านหนังสือชอบดูหนังแอคชั่น” เขาบอกขณะที่รถกำลังเคลื่อนออกจากบริษัท
“แล้วชอบเที่ยวที่ไหนคะภูเขาหรือทะเล”
“ไม่ชอบทั้งสองที่วันหยุดฉันชอบอ่านหนังสืออยู่บ้าน”
“แต่คุณชอบไปเที่ยวผับ” ปุณณิศาพูดเสริม
“เธอรู้ได้ยังไงว่าฉันชอบเที่ยว”
“ก็หนูเคยเห็นคุณไปที่นั่นตั้งหลายครั้ง”
“เธอแอบมองฉันเหรอถึงได้รู้ว่าฉันชอบไป”
“ไม่ได้แอบมองนะคะ คุณเด่นขนาดนั้นใครไม่เห็นก็แปลกแล้วค่ะ”
“ฉันน่ะเหรอเด่น”
“ใช่ค่ะ คุณตัวสูงหุ่นดีใบหน้าคม”
“จะบอกว่าฉันหล่อเหรอ”
“ก็ประมาณนั้นค่ะ คุณจะหล่อมากถ้าไม่เอาแต่ทำหน้าบึ้ง”
“อือ ฉันจะจำไว้นะ เอาละถึงบ้านแล้ว เธอพร้อมใช่ไหม”
เพราะเอาแต่ชวนเขาคุยกว่าจะรู้ตัวอีกทีรถก็เคลื่อนมาจอดที่หน้าบ้านเรือนไทยหลังใหญ่แล้ว
“บ้านคุณเหรอคะ”
“นี่บ้านปู่ฉัน บ้านฉันหลังนั้น” เขาชี้ไปยังบ้านของตนเองที่ตอนนี้ไฟทั่วบ้านมืดสนิท
“ค่ะ” ปุณณิศาพยักหน้าเมื่อเห็นบ้านทรงสมัยใหม่ที่อยู่ห่างไปอีกไม่ไกล
“เราจะทานข้าวกับคุณปู่แล้วค่อยเอาของไปเก็บที่บ้านฉัน”
พอลงจากรถชานนท์ก็เดินอ้อมมาจับมือปุณณิศา หญิงสาวหันมองหน้าเขาหัวใจเธอเต้นแรงขึ้นกว่าเดิม ก่อนจะตั้งสติแล้วสะกดจิตตัวเองว่าตอนนี้เธอกำลังแสดงเป็นภรรยาของเขา
“มือเย็นเชียว กลัวเหรอ” ชานนท์มองคนที่ยืนอยู่ข้างๆ แล้วยิ้มเขาอยากให้เธอผ่อนคลายก่อนจะเจอคุณปู่
“คุณนนท์หนูเปลี่ยนใจทันไหมคะ” พอกำลังจะเข้าไปในบ้านปุณณิศาก็รู้สึก
“ไม่ทันแล้วปุณณิศา ท่องไว้ว่าเธอคือเมียของฉันแล้วก็เลิกเรียกฉันว่าคุณ ให้เรียกฉันว่าพี่นนท์”
“พี่เหรอคะ”
“ถ้าไม่เรียกพี่เธอจะเรียกฉันว่าอะไร คงไม่ใช่คุณอาหรอกนะ”
“เปล่าสักหน่อยหนูก็แค่คิดว่ามันดูสนิทกันเกินไป”
“เราคบกันมากี่ปีแล้วลืมเหรอ”
“เราคบกันมาประมาณหนึ่งปีแล้วค่ะพี่นนท์”
“ดีมาก”
ชานนท์พาเธอขึ้นมาด้านบนของบ้านซึ่งตอนนี้คุณปู่ของเขากำลังนั่งดูทีวีอยู่ในห้องรับแขก
“ปู่ครับ”
“อ้าว มากันแล้วเหรอ”
“สวัสดีค่ะคุณปู่” ปุณณิศายกมือไหว้คุณปู่ เธอนึกว่าท่านจะอายุมากกว่านี้เสียอีก
“ปู่ครับ นี้ปุณณิศาครับคนที่ผมเล่าให้ปู่ฟังไงครับ”
“สวยแบบนี้นี่เอง หลานปู่ถึงได้บอกว่ารักนักรักหนา” คุณปู่มองภรรยาของหลานชายด้วยความเอ็นดู
“ขอบคุณค่ะคุณปู่ หนูขอโทษด้วยนะคะที่มากราบสวัสดีคุณปู่ช้าไปหน่อย”
“ปู่ไม่โกรธหนูหรอก หนูน่ะเป็นผู้หญิงจะมาบ้านผู้ชายได้ยังไงถ้าเขาไม่ชวน คนที่ปู่จะโกรธก็ควรจะเป็นตานนท์มากกว่า”
“อ้าว ไหงมาลงที่ผมล่ะครับ”
“ก็มันจริงไหมล่ะ ดูสิหลานสะใภ้ปู่น่ารักอย่างนี้ยังจะไม่ยอมพามาเจอ”
“คุณปู่ขาอย่าดุพี่นนท์เลยค่ะ หนูผิดเองที่ไม่อยากบอกใครว่ากำลังคบกับพี่นนท์อยู่”
“ทำไมล่ะ หรือว่าหลานปู่ยังไม่ดีพอหรือมันทำให้หนูไม่มั่นใจจะฝากชีวิตไว้ หนูมีอะไรบอกปู่ได้เลยนะลูก”
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอกค่ะ พี่นนท์ดีกับหนูทุกอย่างแต่หนูยังเรียนไม่จบก็เลยไม่อยากให้ใครรู้เท่าไหร่ อีกอย่างหนูก็กลัวว่าคุณปู่จะรังเกียจที่หนูยังเรียนไม่จบ”
“แล้วหนูอายุเท่าไหร่แล้วล่ะลูก”
“ตอนนี้อายุ 20 แล้วค่ะ”
“20 ปีถ้าเป็นเมื่อก่อนแต่งงานมีลูกไปแล้ว ปู่ไม่รังเกียจหนูหรอก ขอแค่รักกันก็พอแล้วเรียนจบก็รีบมีหลานให้ปู่เลยนะ”
“สมัยนี้มันไม่เหมือนกันนี่ครับคุณปู่”
“ปู่รู้หรอก แล้วหนูเรียนอะไรปีไหนแล้วล่ะ”
“หนูเรียนครุศาสตร์เอกภาษาอังกฤษค่ะ ตอนนี้กำลังจะขึ้นปี 3 ค่ะคุณปู่”
“อยากเป็นครูเหรอ”
“ค่ะคุณปู่”
“ปู่ครับ ปุณไม่ได้มาบ้านเราแค่วันเดียวนะครับ ผมว่าเราไปทานข้าวกันดีไหมครับ ผมเริ่มหิวแล้ว” ชานนท์รู้สึกว่าถ้าปล่อยให้สองคนคุยกันแบบนั้นคืนนี้ทั้งคืนก็คงคุยไม่จบ
ชายหนุ่มไม่คิดว่าปุณณิศากับคุณปู่จะเข้ากันได้ เขาไม่รู้ว่าท่าทางเป็นธรรมชาติเวลาที่หญิงสาวคุยกับคุณปู่นั้นเป็นสิ่งที่เธอแสดงหรือเป็นสิ่งที่ออกมาจากความรู้สึกของเธอกันแน่
หลังทานอาหารค่ำเสร็จแล้วปุณณิศาก็เดินตามชานนท์มาที่บ้านของเขา
“ปู่คุณนนท์ไม่เห็นจะน่ากลัวเลยนะคะ”
“ฉันบอกให้เรียกฉันว่าอะไร”
“ก็ตอนนี้อยู่กันแค่สองคน”
“เธอก็ควรฝึกให้มันชินไว้”
“ค่ะ รับทราบค่ะ พี่นนท์บอกให้หนูเรียกพี่แล้วตัวเองยังจะแทนตัวเองว่าฉัน หนูว่ามันฟังดูขัดกันนะคะ”
“เธอจะให้ฉันแทนตัวเองว่าพี่เหรอ”
“เรื่องนี้แล้วแต่พี่นนท์เลยค่ะ จะแทนตัวเองยังไงก็ได้ สำหรับหนูไม่มีปัญหาอยู่แล้วล่ะค่ะ”
ชานนท์ถอนหายใจ มันก็จริงอย่างที่ปุณณิศาพูดถ้าเขายังแทนตัวเองแบบนี้คุณปู่คงได้สงสัยแน่ๆ แต่จะให้แทนตัวเองว่าพี่มันก็ดูเหมือนจะสนิทกับเธอเกินไป เธอเป็นลูกจ้าง เขาเป็นนายจ้าง เพราะนั้นเขาจะแทนตัวเองว่าพี่แค่เฉพาะเวลาอยู่ต่อหน้าคุณปู่
