บท
ตั้งค่า

บทที่30 ยัยตัวร้ายกับนายเนื้อหอม

"นั่งด้วยดิยัยเพี้ยน" เสียงห้าวๆที่ดังมาจากด้านซ้ายมือทำให้พัญวลัยหันไปมองก่อนที่จะทำหน้าเบื่อหน่าย เจ้าของน้ำเสียงห้าวคือไตรณรงค์ที่เพิ่งเล่นกีฬาเสร็จ ไตรณรงค์ทำเป็นไม่ใส่ใจใบหน้าเบื่อหน่ายของเพื่อนคู่ปรับก่อนที่จะนั่งเบียดลงพร้อมทั้งปลดกระดุมเสื้อพละออกสองเม็ด

"อี๋ ไปไกลๆเลยเหงื่อเต็มไปหมด ไปเลยๆ เหม็นเหงื่อจะอ้วก อ๊วก" พัญวลัยเอ่ยไล่คนที่เอาตัวเปียกโชกด้วยเหงื่อพร้อมทั้งทำท่าเหมือนจะอาเจียนราวกับว่ามันเหม็นจริง ๆพร้อมทั้งขยับออก

"จะอ้วกเหรอเป็นไรว่ะท้องเหรอ อะไรกันแค่มานั่งใกล้ๆท้องได้ด้วยเหรอ" ไตรณรงค์พูดอย่างกวนประสาทก่อนที่จะฉวยแก้วน้ำจากนิ้วเรียวยาวของพัญวลัยไปดื่มหน้าตาเฉย

"ไอ้ต้นกล้า ด้านว่ะ นั่นของฉัน" พัญวลัยเอ่ยโวยวายขึ้นแต่คนหน้าด้านหาได้ใส่ใจยังคงใช้หลอดดูดน้ำอย่างลอยหน้าลอยตา "ไอ้หน้าด้าน ฮึย แล้วจะขยับตามมาทำไม่เนี่ย "

"เหงา นั่งคนเดียวมันเหงาอยากมีคนนั่งข้างๆ" ไตรณรงค์เอ่ยบอกขณะที่ขยับเข้าไปใกล้ขึ้นเรื่อยๆ

"เหงาก็ไปนั่งข้างๆพวกยัยพริกหยอกกับยัยกิ่งสิยะ ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นเปล่าวะ" พัญวลัยเอ่ยบอก สำหรับไตรณรงค์วะมาเธอก็ต้องวะกลับ ร้ายมาร้ายไป แต่ด้านมาขอไม่ด้านกลับนะ

"เออจริง แต่ขี้เกียจว่ะนั่งนี่แหละ นั่งเป็นเพื่อนกันก่อนดิ" ไตรณรงค์เอ่ยบอกก่อนที่จะยกมือไปโอบไหล่บางไว้

"เมื่อย ไม่ได้อยากกอดนะเว้ย อย่าคิดไปไกล" ไตรณรงค์เอ่ยก่อนที่พัญวลัยจะคิดไปไกล

"ไอ้บ้าต้นกล้า อยากตายมั้ยหะ" พัญวลัยเอ่ยก่อนที่จะขยับลุกขึ้นแต่ทันใดนั้นบางอย่างก็ลอยมาจากด้านหลังเกือบจะกระทบศีรษะของพัญวลัยแต่ไตรณรงค์หันไปเห็นก่อนจึงเอื้อมมือไปกระชากร่างบางลงมานั่งบนตักเพื่อหลบลูกบอลที่ลอยมาแต่ไกล สองสายตาสบประสานเนื้อแนบเนื้อก่อนที่จะทำให้สองเด็กหนุ่มสาวใจเต้นแปลกๆขึ้นมาพร้อมกัน

"นายจะมองอีกนานมั้ย ปล่อยด้วยคนอื่นมองหมดแล้ว" พัญวลัยเอ่ยบอกเมื่อรู้สึกว่ามีเพื่อนๆมองอย่างสนใจ

"สงสัยคู่กัดจะกลายเป็นคู่รักเว้ย ฮิ้ว" เพื่อนคนนึงของไตรณรงค์เอ่ยแซวก่อนที่จะมีเพื่อนคนอื่นโห่แซวทำให้ทั้งสองรีบผละออกจากกันทันที

"พูดดี ๆนะไอ้เต้ คู่รงคู่รักบ้าอะไร อย่างฉันกับอีตานี่นะรออีกสามชาติก็ไม่มีทางจะรักกันเว้ย" พัญวลัยเอ่ยบอกพร้อมกับยืนเท้าสะเอวหันไปมองเพื่อนหนุ่มร่วมชั้น

"สามชาติไม่มีทางรักแต่รักกันชาตินี้ช่ายอ่ะ" เพื่อนอีกคนเอ่ยตะโกนมาจากฝั่งซ้าย

"ช่ายอ่ะบ้านนายดิ ไม่มีทางเว้ย ต่อให้โลกนี้มีไอ้ต้นกล้าเหลืออยู่คนเดียวคนอย่างไอ้พั้นยอมตายดีกว่ารักกับมัน" พัญวลัยเอ่ยอย่างมาดมั่น

"เหอะ คิดว่าคนอย่างเราอยากรักกับเธอรึไง ยัยเสาไฟฟ้าเธอมันไม่ตัวเล็กน่ารักเหมือนสเปคเราหรอก อย่างเราน่ะชอบขาวๆใสๆตัวเล็กๆน่ารักๆเว้ยไม่ใช่หุ่นนางแบบสูงอย่างกับเสาไฟฟ้า แถมดื้อและซนเป็นลิงแบบเธอหรอก" ไตรณรงค์เอ่ยบอก พัญวลัยหันมามองคนบอกว่าไม่ชอบหุ่นแบบเธอ

"จำคำพูดนายไว้นะ อย่าให้เห็นนายควงสาวหุ่นนางแบบก็แล้วกันไอ้ต้นกล้า สเปคฉันก็ไม่ใช่แบบนี้หรอกต้องหล่อระดับพระเอกเท่แบบพวกพ่อพี และที่สำคัญต้องไม่ใช่แบบนาย " พัญวลัยเอ่ยบอกก่อนที่จะเหยียบเท้าอีกฝ่ายแล้วเดินหนีไป อีตาต้นกล้าบังอาจบอกว่าเธอเป็นเสาไฟฟ้า ฮึย

เย็นวันนั้น

"ทำไมครูวรรณต้องจับกลุ่มเอาไอ้ต้นกล้ามาอยู่กลุ่มฉันด้วยว่ะ" พัญวลัยได้แต่โวยวาย ถึงเรื่องที่ก่อนเลิกเรียนคุณครูวิชาภาษาอังกฤษสั่งการบ้านให้แต่ล่ะกลุ่มไปหาเรื่องราวเกี่ยวกับอาชีพมากลุ่มล่ะหนึ่งอาชีพพร้อมทั้งเขียนอธิบายเป็นภาษาอังกฤษ นั่นไม่ใช่ปัญหาเพราะปัญหาอยู่ที่คุณครูสาวจับกลุ่มให้ไตรณรงค์มาอยู่กลุ่มเดียวกับเธอและพิมพ์ลภัส

"ช่างเถอะพั้น ครูวรรณเลือกให้ตัวจะทำอะไรได้ มาช่วยกันคิดดีกว่าว่าจะทำเกี่ยวกับอะไร" พิมพ์ลภัสเอ่ยบอก

"ก็ทหารเรือไงพริกหวาน เราคุ้นเคยกับอาชีพนี้ดี" ไตรณรงค์เอ่ยบอก พัญวลัยเงยหน้ามองฟ้าครั้งนึงก่อนที่จะหันมาคุยกับพิมพ์ลภัส

"ไม่ใช่แค่อีตานี่หรอกที่คุ้นเคย เค้าก็คุ้น ตัวก็เริ่มคุ้น ชิ ทำอย่างกับเป็นศูนย์กลางของจักรวาล" พัญวลัยเอ่ยบอกพิมพ์ลภัสก่อนที่จะหันไปแขวะคนคุ้นเคยกับอาชีพทหารเรือ

"เหอะ อย่างน้อยเราก็รู้เรื่องทหารเรือมากกว่าเธอแหละ" ไตรณรงค์เอ่ยก่อนที่จะยักคิ้วใส่อีกฝ่ายอย่างกวนประสาท

"งั้นเสาร์นี้มาทำการบ้านกันเลยเนาะ บ้านใครดีอ่ะ" พิมพ์ลภัสเอ่ยขึ้นก่อนที่สองเด็กหนุ่มสาวจะได้จิกกัดกันมากกว่านี้

"บ้านเรา" "บ้านเค๊า" ไตรณรงค์และพัญวลัยแทบจะเอ่ยขึ้นพร้อมกันจนคนกลางได้แต่ยิ้มแหย

"งั้นบ้านเค๊าดีกว่านะ พี่ธามอยู่บ้านอาจจะช่วยอะไรได้" พิมพ์ลภัสเอ่ยบอกทำให้ไตรณรงค์และพัญวลัยหมดคำจะพูด ไหนๆไตรณรงค์ก็รู้เรื่องของพิมพ์ลภัสกับธนกฤตอยู่แล้วไปที่บ้านพิมพ์ลภัสก็ไม่เป็นไร"

“ตามนั้น เรากลับบ้านก่อนนะพริกหวาน กลับบ้านดี ๆนะ ระวังยัยเพลี้ยกระโดดนี่พาลงคลองน้ำหน้าหมู่บ้านล่ะ" ไตรณรงค์เอ่ยบอกพิมพ์ลภัสพร้อมทั้งแขวะพัญวลัยก่อนที่จะปั่นจักรยานออกไป

"หน่อย ใครเป็นเพลี้ยกระโดดฮะ ไอ้ต้นกล้าเน่า" พัญวลัยได้แต่เอ่ยตามหลังอย่างหงุดหงิด

"มัวแต่กัดกันอยู่นั้นแหละ เฮ่อ เดี๋ยวเค๊าเอาไปเขียนนิยายซะเลย ยัยตัวร้ายกับนายเนื้อหอมคงมีคนอ่านอยู่นะ" พิมพ์ลภัสเอ่ยลอย ๆ

"เหอะ อีตานั่นน่ะนะเนื้อหอม ชิ แค่ไอ้กวนประสาทขี้แกล้งหรอก" พัญวลัยเอ่ยก่อนที่จะเริ่มปั่นจักรยานกลับบ้านโดยมีพิมพ์ลภัสผู้ชอบใช้บริการซ้อนท้ายนั่งซ้อนอยู่

"เนื้อหอมสิ ใคร ๆก็ชอบ อย่างน้องม.4เมื่อเช้าที่มาสารภาพรักต้นกล้าไง เท่าที่เราดูนะมีพี่แทน ต้นกล้า แล้วก็พีมนี่แหละที่เนื้อหอม เด็กสาวชอบกันใหญ่" พิมพ์ลภัสเอ่ยบอกก่อนที่จะถามออกไป "ว่าแต่ตัวเถอะเห็นชอบทะเลาะกันทุกวันไม่ชอบบ้างเหรอ"

“ชอบก็บ้าแล้ว ทีตัวยังไม่ชอบเลย เค๊าก็ไม่ชอบ" พัญวลัยเอ่ยบอกแต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมใจต้องเต้นแปลกๆเวลาอยู่ใกล้ๆอีตานั้น

"ที่เค๊าไม่ชอบเพราะเค๊ามีพี่ธามแล้ว แต่ที่ตัวบอกไม่ชอบเค๊าไม่เชื่ออะ" พิมพ์ลภัสเอ่ยบอก

"เหอะ อย่างอีตานั้นนะเกิดอีกสิบชาติเค๊าก็ไม่ชอบ" พัญวลัยเอ่ยบอกก่อนที่จะทำเป็นไม่สนใจจนพิมพ์ลภัสได้แต่สงสัย

เช้าวันต่อมา...

"พัญวลัย ไตรณรงค์ เดี๋ยวตามครูไปที่ห้องเอาหนังสือกับชีสมาแจกเพื่อน" ครูประจำวิชาประวัติศาสตร์เอ่ยบอกหลังจากหมดคาบสอนของเธอ ทำให้คนถูกเรียกแบบรู้สึกเบื่อหน่าย 'ทำไมต้องให้ไปด้วยกันด้วย เหม็นขี้หน้า'

"เอ้านี่ใบงาน ส่วนนี้หนังสือที่ต้องใช้ ครูขอก่อนเที่ยงพรุ่งนี้นะ" ครูสาวใหญ่เอ่ยบอกก่อนที่เด็กทั้งสองจะเดินออกจากห้องพักครู

"จะรีบเดินไปไหนวะ" ไตรณรงค์เอ่ยขึ้นเมื่อเห็นพัญวลัยรีบเดินโดยไม่รอตนสักนิด

"ฉันไม่ได้รีบแต่นายมันเดินช้า" พัญวลัยเอ่ยบอกก่อนที่จะก้าวฉับๆไม่สนใจคนที่เดินชักช้า ไตรณรงค์รีบก้าวยาวๆมาใกล้ๆก่อนที่จะใช้มือนึงจับหนังสือไว้ข้างนึงส่วนมืออีกข้างเอื้อมไปโอบไหล่คู่กัดไว้

"เป็นบ้าป่ะ ปากนี่ด่ากันแทบตายแล้วก็มาโอบมากอด ขาดความอบอุ่นไง๊ พ่อแม่ไม่รักเหรอ" พัญวลัยเอ่ยใส่หน้าคนที่ชอบทำตัวแปลกๆบ่นเธอ กวนประสาทเธอ ทะเลาะกับเธอทุกวันแต่ก็ชอบเอาตัวเข้ามาใกล้เดี๋ยวมานั่งใกล้ เดี๋ยวมาโอบ บางทีมานอนตักเธอด้วยซ้ำ

"ไม่ได้บ้าแค่อยากแกล้งมีไรป่ะ ทำเป็นสนิทกันแบบนี้จะได้ไม่มีใครมาจีบเธอไง เพราะเขาจะคิดว่าเธอมีแฟน555 ทีนี่แหละยัยเพลี้ยกระโดดเธอก็จะขึ้นไปนั่งทำหน้าเบื่อโลกอยู่บนคาน เพราะเราจะตามก่อกวนจนไม่มีใครกล้ามาจีบมาเป็นแฟนกับเธอ5555" ไตรณรงค์เอ่ยบอกแผนการชั่วร้ายของตัวเองออกมาก่อนที่จะหัวเราะออกมา

"หึ ทำอย่างกับทำแบบนี้แล้วนายจะไม่ไปนั่งทะเลาะกับฉันอยู่บนคาน ไอ้ฟาย คิดได้ชั่วมากแถมโง่มากด้วย" พัญวลัยเอ่ยก่อนที่จะสะบัดไหล่ออกจากการเกาะกุมแล้วเดินนำไป

"หึ คิดว่าถ้าคนอื่นคิดว่าเราคบกันแล้วสาวๆจะแคร์เหรอ555 เราน่ะฮอตนะเว้ย ต่อให้มีแฟนเป็นตัวเป็นตนก็ยังมีคนมาปลื้มมาจีบ ไม่เหมือนเธอสูง ห้าว ลิงกัง ทโมน พ่อโหด พ่อหวง ชาตินี่จะหลุดมาลงหลุมพรางเธอกี่คน จากที่น้อย ๆอยู่แล้วพอเขาคิดว่ามีเราเป็นแฟนก็ยิ่งหลงเข้ามาน้อย555" ไตรณรงค์เอ่ยบอกทำเอาคนเดินนำอยากจับหักคอจิ้มน้ำพริก 'ดูอีตานี่วิจารณ์เกี่ยวกับเธอสิ แต่ล่ะข้อดูดีเกินจริงชะมัด'

"ไอ้ต้นกล้า ไอ้ข้าวยังไม่โต นี่นายคิดจะจองเวรฉันไปถึงเมื่อไหร่หะ ไอ้ใบอ่อน" พัญวลัยได้แต่เอ่ยอย่างโมโห

"เบื่อเมื่อไหร่ก็ไปเมื่อนั้นแหละ รอเราเบื่อก็แล้วกัน แต่เราคงไม่เบื่อง่ายหรอกแกล้งเธอมันโคตรสนุกและสะใจเลยว่ะยัยเพลี้ยกระโดด " ไตรณรงค์เอ่ยบอกก่อนที่จะเดินต่อไปอย่างอารมณ์ดี

"อย่าให้ถึงทีฉันนะไอ้ใบอ่อน ฉันเอาคืนนายแน่ หงุดหงิดเว้ย" พัญวลัยเอ่ยคาดโทษก่อนที่จะกระทืบเท้าเดินนำไป

เที่ยงวันนั้น

"ว้าววว สั่งของอร่อยมาด้วย น่ากินว่ะ" ไตรณรงค์ที่เดินมานั่งกับพัญวลัยและพิมพ์ลภัสเอ่ยก่อนที่จะตักเนื้อปลาจากจานของพัญวลัยไปกินอย่างหน้าตาเฉยโดยไม่สนใจคนที่นั่งทำหน้าอยากหักคอคนอยู่ตรงหน้า

"ไอ้ต้นกล้าหน้าด้าน" พัญวลัยเอ่ยด่าแต่ทำอะไรไม่ได้เพราะไอ้บ้านี่มันคอยกลั้นแกล้งตอแยจนเธอไม่มีเวลาคิดหาทางเอาคืน

"อะไรกันแค่นี้ไม่เห็นเป็นไรเลย เรื่องมากจริง พริกหวานดูสิเพื่อนเธอหาว่าเราด้านอ่ะ" เด็กหนุ่มพูดเสียงออกจะตวาดใส่คู่ปรับก่อนที่จะทำเสียงหวานเมื่อคุยกับพิมพ์ลภัส

"ทำเสียงอ่อนเสียงหวานใส่เชียวนะเดี๋ยวแม่ฟ้องอาธามซะนี่" พัญวลัยเอ่ยอย่างหมั่นไส้ความสองมาตรฐานของคนหน้าด้าน

"ขี้ฟ้อง เอ้าให้" ไตรณรงค์บ่นก่อนที่จะตักผักใบจานอาหารของตนให้พัญวลัยก่อนที่จะยิ้ม เขารู้ว่าพัญวลัยไม่ชอบกินผักประเภทนี่แถมยังไม่อยากให้พิมพ์ลภัสรู้เพราะกลัวเด็กสาวอีกคนจะรู้จุดอ่อนที่ไม่ค่อยมีใครรู้ เด็กหนุ่มยักคิ้วใส่อย่างน่าหมั่นไส้

"กินดิ ดูดิพริกหวานพั้นเขาไม่รับน้ำใจเราอ่ะ ไม่รู้จะเกลียดอะไรนักหนา หรือว่าไม่ชอบกินผักก็ไม่รู้" ไตรณรงค์เอ่ยฟ้องพิมพ์ลภัส

"ไม่กินผักเหรอ?" พิมพ์ลภัสเอ่ยถามอยากสงสัย พัญวลัยกลัวเพื่อนจะรู้จุดอ่อนที่น้อยคนจะรู้ แต่ไอ้ต้นอ่อนนี่มันกลับรู้ จึงยอมตักผักขึ้นมากินก่อนที่จะแอบทำหน้าคล้ายกลืนยาขมโดยไม่ให้พิมพ์ลภัสเห็นแต่ไตรณรงค์เห็นได้ชัดพลางกลั้นขำอย่างหนักก่อนจะกินข้าวต่อและยังคงตักนั้นนี่ในจานของพัญวลัยมากินเรื่อยๆ

"เพี้ยน ต้นกล้า เค๊าไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ แล้วเจอกันที่ห้องสมุดเลยล่ะกัน" พิมพ์ลภัสเอ่ยบอกก่อนที่จะเอาจานไปเก็บแล้วเดินออกจากโรงอาหารไป

อิ่มแล้วเก็บให้ด้วยนะเพลี้ยกระโดด ขอไปคุยกะเพื่อนก่อนเดี๋ยวมา555" ไตรณรงค์เอ่ยบอกก่อนที่จะเลื่อนจานอาหารมาตรงหน้าพัญวลัยแล้วลุกขึ้นเดินไปหาเพื่อนแต่ระหว่างทางมีเด็กสาวหน้าตาดีเดินมายื่นขนมให้ก่อนที่จะวิ่งออกไป แล้วมีอีกสองสามคนยืนถือขนมมายื่นให้อีก

"ชิ เนื้อหอมจริงจริ้งงงง เพี้ยงขอให้มันได้แฟนหึงโหดๆ ดุๆ ขอให้อนาคตอิตานั้นกลัวเมียจนหัวหด แม่จะได้ฟ้องเมียมันให้จัดการให้หลาบ" พัญวลัยนั่งหมั่นไส้ก่อนที่จะสาปแช่งอีตาคู่กัดโทษฐานที่แกล้งเธอดีนัก

"ไอ้ต้นกล้าเอ็งชอบคนไหนวะ ระหว่างน้องทรายเจ้าของขนมถุงนี้ น้องนุ่นเจ้าของน้ำแก้วนี้ น้องวิเจ้าของขนมปังอันนี้ หรือน้องแป้งเจ้าของขนมเค้กชิ้นนี้" จักรกฤษณ์หนึ่งในเพื่อนร่วมชั้นของไตรณรงค์ พัญวลัย และพิมพ์ลภัสเอ่ยถามหลังจากที่ไตรณรงค์ก่อกวนคู่ปรับเสร็จแล้วเดินมาหากลุ่มของตนซึ่งระหว่างทางมีสาวน้อยหน้าใสมาส่งน้ำส่งขนมให้อย่างเขินอาย

"เฉยๆว่ะ คนนึงก็ขี้อาย คนนึงก็กล้าเกิน คนนึงก็ดูแรงไป อีกคนโคตรขี้อาย ไม่ผ่าน ข้าไม่ชอบสักคน" ไตรณรงค์เอ่ยบอกพร้อมแอบหันไปมองคู่ปรับถือจานไปเก็บ ใบหน้าบูดบึ้งของพัญวลัยทำให้เขามีความสุขอย่างมาก 'ยัยนี่ทำหน้าบูดน่ารักชะมัด'

"ไม่ชอบสักคนแล้วเอ็งชอบแบบไหนวะ พริกหวานเหรอเห็นเอ็งชอบไปนั่งกินข้าวกับพริกหวานบ่อย ๆ เอ็งไม่กลัวไอ้พั้นหักคอเหรอดูหวงเพื่อนมาก" นพนิตเพื่อนอีกคนเอ่ยถามอย่างสงสัย ไตรณรงค์ยักไหล่และยิ้มกว้าง

"ข้าไม่ได้ชอบพริกหวานเว้ยแค่แกล้งยัยเพลี้ยกระโดดเท่านั้น เห็นหวงพริกหวานเหลือเกิน ไอ้พีมก็อีกพากันหวงยิ่งกว่าน้องมันแท้ๆ" ไตรณรงค์เอ่ยบอก ยอมรับว่าในวันแรกที่พิมพ์ลภัสย้ายเข้ามาเขาต้องการแกล้งพัญวลัยแต่พอรู้เรื่องจากพีมตะวันทำให้ไม่กล้ายุ่งเท่าไหร่แต่ที่เข้าไปใกล้สองสาวตลอด เขาก็มีเหตุผลที่บอกใครไม่ได้

"ใช่เหรอวะ ข้าว่าเอ็งชอบไอ้พั้นแล้วแกล้งยั่วให้หึงมากกว่า" ดนัยที่นั่งอยู่ข้างๆเอ่ยถาม คนถูกถามชะงักก่อนที่จะกลบเกลื่อนท่าทีด้วยการโวยวาย

"บ้าเหรอว่ะพวกเอ็งมันประสาท อย่างข้าเนี่ยนะชอบยัยเพลี้ยกระโดดนั้น ฝันไปเถอะ " คนถูกแทงใจดำเอ่ยโวยวาย ใช่เขาชอบพัญวลัย ชอบเมื่อไหร่ไม่รู้ รู้แค่อยู่ใกล้ๆแล้วมีความสุข ได้แกล้งให้เธอโกรธหรือเข้าไปใกล้แล้วรู้สึกดี บางทียอมให้เธอแกล้งยังมีความสุขเลย

"แต่ที่ข้ารู้มาเพลี้ยกระโดดมันก็อยู่กับต้นข้าวยังไม่โต หรือต้นกล้าไม่ใช่เหรอว่ะ555" สิวัตรที่นั่งเงียบฟังเพื่อนมานานปล่อยหมัดเด็ดเล่นเอาไตรณรงค์จุก

"ไอ้พั้นจะไปหาพริกหวานแล้วข้าไปก่อนนะ ป่วนยัยนั้นคืองานของข้า" ไตรณรงค์เอ่ยบอกก่อนที่จะลุกจากโต๊ะไปเพื่อหลบเลี่ยงไอ้เพื่อนที่คบกันมานานมันจะรู้ความลับ

หลังเลิกเรียน...

"วันพรุ่งนี้เจอกัน9โมงนะพริกหวาน เรากลับบ้านก่อน" ไตรณรงค์เอ่ยบอกเพื่อนใหม่ก่อนที่จะปั่นจักรยานออกไป ในวันพรุ่งนี้เขาและสองสาวนัดทำรายงานที่บ้านของพิมพ์ลภัสโดนมี 'ยักษ์หน้าดุ' คอยคุม ไตรณรงค์ถูกพ่อเลี้ยงสั่งสอนให้เรียกธนกฤตแบบนี้ตั้งแต่รู้จักกันด้วยซ้ำแต่เขาก็คิดว่าฉายายักษ์หน้าดุเหมาะกับธนกฤตจริง ๆ

รถจักรยานของไตรณรงค์หยุดอยู่ในมุมนึงของถนนหลังจากเด็กหนุ่มปั่นออกมาจากโรงเรียนได้ไม่นาน ดวงตาคมคอยสอดส่องไปมาก่อนที่จะยกยิ้มเมื่อเห็นพัญวลัยปั่นจักรยานออกมาพร้อมกับพิมพ์ลภัสที่วันนี้ปั่นจักรยานมาเอง เด็กหนุ่มมักจะออกจากโรงเรียนก่อนสองเด็กสาวและจะมาจอดตรงนี้เพื่อมองพัญวลัย

"นับวันแกนี่ยิ่งจะโรคจิตว่ะต้นกล้า" เด็กหนุ่มส่ายหน้าด่าตัวเองก่อนที่จะปั่นจักรยานกลับบ้าน

"กลับมาแล้วเหรอกล้า" เสียงหวานของคุณนายมาลิณีผู้เป็นแม่ทำให้ไตรณรงค์ส่งยิ้มไปให้

"ป๊ายังไม่กลับเหรอครับ" ไตรณรงค์เอ่ยถามถึงผู้เป็นพ่อเลี้ยงที่รักเขาเหมือนลูกแท้ๆและไม่เคยลำเอียงรักน้องสาวและน้องชายมากกว่า

"ยังเลยลูก กล้ามานั่งนี่สิ แม่มีเรื่องจะปรึกษา" คุณนายมาลิณีเอ่ยบอกลูกชายด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ไตรณรงค์มองอย่างสงสัยก่อนที่จะไปนั่งข้างๆมารดา

"พ่อเขาอยากให้ลูกไปเรียนที่กรุงเทพฯ ลูกคิดว่ายังไง จะได้อยู่กับน้อง" สิ่งที่มารดาพูดทำให้ไตรณรงค์ถึงกับพูดไม่ออก พ่อกับแม่ของเด็กหนุ่มแยกทางกันตั้งแต่เขาอายุ7ขวบส่วนน้องสาวอายุ5ขวบ แม่พาเขามาอยู่ด้วยก่อนที่จะตกลงคบหากับพ่อเลี้ยงของเขา ส่วนน้องสาวอยู่กับพ่อที่กรุงเทพบางครั้งที่เขาเห็นพิมพ์ดาวน้องสาวของพีมตะวันเขาก็คิดถึงน้องสาวขึ้นมาทุกที

"แล้วแม่คิดว่าไงครับ" ไตรณรงค์เอ่ยถามออกมาหลังจากหาเสียงตัวเองเจอ เขาไม่อยากไปจากที่นี่ แต่ก็คิดถึงน้องสาวใจจะขาด

"ถ้าได้เรียนที่นั่นอาจจะเป็นประโยชน์กับลูกก็ได้ แม่ก็อยากให้เราไปช่วยดูแลน้อง" มาลิณีเอ่ยบอกทำให้ไตรณรงค์คิดตาม “แต่แม่ไม่บังคับนะ กล้ามีสิทธิ์เลือก”

"ครับแม่ อีกไม่นานก็ปิดเทอมแล้วถ้าอยากให้ไปผมก็จะไปครับ ยังไงมันก็มีประโยชน์กับผมเอง" ไตรณรงค์เอ่ยบอกก่อนที่จะถอนหายใจ นี่เขาจะต้องไปจากที่นี่ไปจากพัญวลัยจริง ๆ เหรอ

"ผมไปอาบน้ำทำการบ้านก่อนนะครับ" เด็กหนุ่มเอ่ยบอกก่อนที่จะเดินขึ้นห้องไป

เช้าวันต่อมา...

"เราจะแปล" "ฉันจะแปล" เสียงถกเถียงกันดังมาจากห้องรับแขกทำให้ธนกฤตที่พาเจ้าสิงโตวิ่งออกกำลังกายที่หน้าบ้านถึงกับยิ้มออกมาแล้วทำไม่สนใจ

"ก็เราบอกว่าจะแปล" ไตรณรงค์เอ่ยบอกก่อนที่จะแย่งกระดาษและดิกชันนารีไปไว้ตรงหน้า

"ฉันจะแปล จะแปลๆเข้าใจมั้ย" พัญวลัยที่แปลงร่างเป็นเด็กเอาแต่ใจเอ่ยบอกพร้อมแย่งกระดาษกลับมา

"เราจะแปล เราแปลดีกว่าเธอแล้วกัน" ไตรณรงค์ที่เรียนเก่งกว่าเอ่ยบอก

"ฉันก็แปลได้เว้ย ฉันจะแปลนายน่ะไปวาดรูปเลย" พัญวลัยยังคงไม่ยอมแพ้ ด้านคนที่นั่งฟังอยู่ได้แต่ถอนหายใจออกมา 'ไม่รู้จะทะเลาะอะไรกันนักกันหนา เดี๋ยวก็แย่งกันเขียนเรียงความ เดี๋ยวก็แย่งดินสอ เดี๋ยวแย่งกันแปล เดี๋ยวก็แย่งนั้นเถียงนี่'

"เรียนคุณไตรณรงค์ และคุณพัญวลัยโปรดทราบ ขณะนี้ดิฉัน พิมพ์ลภัส รู้สึกรำคาญคุณทั้งสองคนจนอยากฟังพวกคุณทะเลาะกันตลอดเวลา กรุณาทะเลาะกันให้พอแล้วค่อยออกไปตามดิฉันนะคะ ขออภัยในความไม่สะดวก" พิมพ์ลภัสเอ่ยก่อนที่จะลุกขึ้นเดินออกไปหาธนกฤต

"เพราะนายเลยพริกหวานถึงรำคาญ" พัญวลัยเอ่ยต่อว่าเด็กหนุ่ม

"เพราะเธอนั้นแหละ" ไตรณรงค์ก็ยังไม่ยอมแพ้เอ่ยกลับก่อนที่ทั้งสองจะเงียบลงแล้วออกไปตามพิมพ์ลภัส

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel