บทที่ 4-4 หวาดกลัว
ผอ.เข้ามาประชิดตัว เมื่อก้มลงมองก็พบว่าหน้าอกของตนเองถูกอุ้งมือใหญ่ช้อนจับจากทางด้านหลัง และทำทุกสิ่งทุกอย่างตามใจชอบโดยที่ไม่ขออนุญาตกันเลยสักนิด หนึ่งฤทัยถึงกับร้องจ๊าก รีบตอบทันที
“ก็พอผอ.มองหนึ่งทีไร มันก็...”
หนึ่งฤทัยไม่ยอมพูดต่อ แต่เอามือกุมหว่างขาไว้แน่น สองแก้มแดงทะลุจุดเดือด เธอกำลังจะตายเพราะอายจริงๆ แล้ว แถมผอ.ยืนนิ่งเงียบอยู่หลายนาที หนึ่งฤทัยก็จะร้องแล้ว
“ผมไม่สนใจแค่แวบเดียว ผู้ช่วยของผมก็โดนจับไปเป็นนางแบบซะงั้น คิดดูสิว่าผมจะหาผู้ช่วยคนใหม่ยากแค่ไหน”
หนึ่งฤทัยเห็นประกายขบขันในดวงตาของผอ. เขายิ้ม ริมฝีปากของหนึ่งฤทัยจึงค่อยๆ โค้งยิ้มขึ้นอย่างเก้อเขิน พยายามสงบจิตสงบใจ เฮ้อ... โล่งอก
“โล่งอกอะไร”
ผอ.ยังไม่ยอมปล่อยเธอไปง่ายๆ แค่หนึ่งฤทัยเป่าปากโล่งอก ร่างสูงใหญ่ก็ก้าวเข้ามาประชิดอยู่ข้างหลังแล้ว ลมหายใจอุ่นร้อนระคนกลิ่นหอมโคโลญเป่ารดต้นคอ หนึ่งฤทัยตัวแข็งทื่อเพราะไอร้อนที่แผ่ออกมาจากร่างกายผอ.เป่าสติสัมปชัญญะให้หายไปสิ้น ผอ.ใกล้ชิดเธออย่างยิ่ง แนบชิดความแข็งชันบดเบียดสะโพก สอดเข้ามาตรงหว่างขานุ่มๆ ดุนดันช้าๆ ขยับไหวอยู่เป็นจังหวะ
“ย...อย่าค่ะ”
“รู้มั้ยว่าผมคิดอะไรอยู่”
“ม...ไม่รู้ค่ะ”
“ผมคิดว่าเวลาที่คุณครางอยู่ใต้ร่างของผม มันจะเป็นแบบไหน”
“ผอ. อย่าค่ะ ไม่ได้นะ...” หนึ่งฤทัยกลั้นเสียงเอาไว้สุดชีวิต
“ถ้าคุณยอมเป็นคนรักของผม ผมจะกอดคุณไว้แบบนี้” ท่อนแขนแข็งแรงกำยำรวบหนึ่งฤทัยมากอดไว้แน่น หนึ่งฤทัยได้แต่ดิ้นรนขลุกขลักอยู่ใต้ร่างหนาหนั่น แต่ริมฝีปากจอมรู้ทันก็จรดประทับบนเรียวปาก อ้อยอิ่งอยู่นานกว่าจะยอมถอนจุมพิตดูดดื่ม
“พอคุณเคลิ้มจนเอาแต่ร้องคราง ผมก็จะ...”
หนึ่งฤทัยกระตุกไหว เสียงทุ้มนุ่มที่กระซิบข้างหูกำลังทำให้เธอตื่นเพริด เธอเห็นภาพตัวเองเปล่าเปลือย ถูกประคองให้นอนตะแคงข้าง ยกเรียวขาขึ้นพาดแขนแกร่ง ผอ.จะค่อยๆ แทรกกายเข้าหาจากด้านหลังเบาๆ จากนั้นก็ทำให้เธอหอบกระเส่าอยู่ใต้ร่างของเขาทั้งวันทั้งคืน
“หน้าแดงเชียว คิดอะไรอยู่”
“ป...เปล่า เปล่าค่ะ ไม่ได้คิดอะไรเลย”
คราวนี้น่าอายเสียยิ่งกว่าเดิมอีกเพราะผอ.ตรึงท้ายทอยของหนึ่งฤทัยไว้ ริมฝีปากร้อนจัดประกบจูบแน่นสนิท หนักแน่นและเต็มล้นด้วยคำบัญชา เมื่อปลายลิ้นมาพบกัน ต่างฝ่ายต่างรู้สึกราวกับว่ามีประจุพลังงานแล่นพล่านจนต้องร้องครางออกมา หนึ่งฤทัยพยายามรวบรวมสติที่กระจัดกระจาย ฝืนไว้ ต้านทานไว้
แต่สุดท้ายแล้วความเข้มแข็งกลับหลอมละลาย จมหายไปพร้อมกับความคิด หายไปหมดทุกอย่างทั้งคำพูด ทั้งเรี่ยวแรง หนึ่งฤทัยหอบหายใจ กดแนบริมฝีปากกันและกัน ต่างฝ่ายต่างรู้สึกร้อนรุ่มจนกระสับกระส่าย เต็มไปด้วยเปลวเพลิงร้อนลุกโหมในร่างกาย ตรงนี้มีคนเดินเข้ามาได้ทุกเมื่อและไม่มีที่ให้หลบ แต่ผอ.ยังเอาแต่จูบเธอไม่หยุดจนหนึ่งฤทัยต้องชูแขนขึ้นยอมแพ้
“ตรงนี้คนเยอะค่ะผอ.”
“กลัวพี่บีจะมาเห็นรึไง”
“ป...เปล่า”
“บางทีผมน่าจะเรียกตัวพี่บีคนดีของคุณมาตอนนี้นะ”
“ผอ.คะ ฟังหนึ่งนะคะ พี่บีเป็นผู้หญิงค่ะ”
ผอ.ติณณ์เป็นฝ่ายงง เริ่มสับสนและต้องใช้เวลาประมวลผลครู่หนึ่ง
“ผู้หญิงข้ามเพศ?”
“ค่ะ” หนึ่งฤทัยพยักหน้า “พี่บีแต่งงานแล้วค่ะ เพิ่งรับลูกพี่สาวมาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม และงานอดิเรกของพี่บีคือปั่นให้แฟนหึงกัน”
หนึ่งฤทัยหลุดพูดคำว่า ‘แฟน’ พอรู้ตัวก็รีบแก้คำพูดใหม่ “ถ้าคู่ไหนทะเลาะกัน พี่บีก็เป็นคนกลางเสี่ยงภัยกินอาหารหมาให้ค่ะ แต่ถ้าคู่ไหนเพิ่งเริ่มจีบกัน พี่บีจะชอบแหย่แบบนี้แหละค่ะ ผอ.โดนพี่บีแกล้งเเล้ว”
เอ้า! หลุดพูดคำว่า ‘จีบ’ ออกไปอีก หนึ่งฤทัยทำหน้าเหมือนอมน้ำส้มสายชู บู้บี้จนปั้นหน้าไม่ถูกแล้ว แต่พอจะเดินตามหลังผอ.กลับไปทำงาน ผอ.กลับพูดขึ้นมาว่า
“ต่อไปอย่าเที่ยวถอดกางเกงให้ใครดูอีก”
“ค่ะ”
โธ่.... หนึ่งฤทัยอยากจะกัดปากตัวเองตายเสียตรงนั้น