บทที่ 2-1 เสี่ยมาเยือน
ฉันฝัน...
ฝันว่าเผชิญหน้ากับงูขนาดมหึมา ตัวใหญ่ล่ำกว่าควายอีกค่ะ เกล็ดงูเป็นทองฝังเพชรเหลืองอร่ามวิบวับไปทั้งตัว ตามันโตๆ แล่บลิ้นแผล่บๆ แล้วเลื้อยพุ่งเข้ามาจะรัดตัว ธรรมชาติคนเราเวลามีอันตรายสัญชาตญาณการเอาตัวรอดจะทำงานสูงสุดนะคะ ฉันกำหมัดตั้งท่าสู้ อาวุธไม่มีก็ต้องใช้สองมือสองตีนเข้าสู้ตาย ไอ้งูมันเพียรเข้ามารัด แต่อีจีจี้สะบัดหลุดทุกครั้ง คือใจใฝ่ฝันอยากถูกงูรัด อยากมีความรักกับเขาสักครั้งให้ฉ่ำใจ แต่เลือดอีสาวนักสู้ก็ไม่เคยปราณีใครจริงๆ ค่ะ
“โนวๆ ถ้าเงินในบัญชีมีไม่ถึงร้อยล้าน ก็อย่าหวังรัดอีจี้นะคะ”
“ฟ่อ... ฟ่อ...”
“เข้ามาสิ แม่ตีเดือยหัก”
ฉันปล้ำสู้งูทั้งคืน ดิ้นหงึกๆ หงักๆ จั้งซี่มันต้องถอน แต่เป็นเพราะไอ้งูมันคายสเตทเมนต์ธนาคารออกมาให้ดู มีศูนย์ต่อท้ายตัวเลขในบัญชีจนตาลาย ฉันจึงอ่อนระทวยเพลี่ยงพล้ำ พลาดท่าถูกงูรัดร้องครวญคราง พริบตาเดียวเสื้อผ้าฉันก็หายวับ เวร! ฉันโดนลิ้นงูป่ายปัดไปทั่วตัว แถมเดือยมันใหญ่เป็นลำเท่าปลากระป๋อง อี๋ๆ อย่านะมึง ฉันไม่อยากเป็นเมียงู อย่า...
“กรี๊ดดด...”
ฉันรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกทีก็ตอนสายโด่แล้ว เนื้อตัวเต็มไปด้วยอ้วก เผ้าผมรุงรัง สภาพขึ้นอืดพร้อมโกยทิ้งบ่อขยะมาก แต่จำอะไรไม่ได้เลยว่ากลับมาบ้านตอนไหน รู้แค่ว่าเกือบเป็นเมียงูไปแล้ว ฉันคลานลงจากเตียงในสภาพแฮงค์หนัก คลานไปหยิบไอโฟนโทรหาพี่ชายเพื่อถามคำถามสำคัญ
“พี่โต...”
“ว่าไง”
“เมื่อคืนตกลงจี้ได้กินเนื้อย่างเนยป่ะเนี่ย”
“ฉันอยากจะแหวกสัญญาณไปตื้บแกจริงๆ” พี่โต คุณชายอานนท์แห่งบ้านทรัพย์ไพศาลกำลังจะเข้าประชุม งานที่ว่าเครียดมาเจอน้องสาวตัวดียิ่งพาลให้เครียดทวีคูณ เส้นเลือดเส้นเอ็นบนขมับปูดโปน “เมื่อคืนนี้แกจำได้มั้ยว่าทำอะไรลงไป”
ฉันคิดๆ ทำอะไรว้า... เราคือผู้ซึ่งจำอะไรไม่ได้เลย รับบทนางปลาทอง แต่พี่กริ้วขนาดนั้น เราคงเมาเรื้อนหนักแน่ๆ ไม่รู้ทำไมแค่ฟังฉันแจกแจงวีรกรรม น้ำเสียงของพี่โตก็ซีดลงๆ “จี้จำได้ลางๆ ว่ากินเหล้ากับใครสักคน ชื่อ... เสี่ย... เสี่ยฤทธิ์... ริชชี่”
“ฤทธิ์ชาติ!”
“จี้เรียกริชชี่ เขาก็หัวเราะอ่ะ”
“แกรู้มั้ยว่าเขาเป็นใคร อยู่ระดับไหน”
“ไม่รู้อ่ะ”
พี่โตทำเสียงคำรามจะกินหัวฉัน ฉันจึงยกมือขึ้นปางห้ามโกรธ ใจเย็นก่อนอานนท์ ดื่มน้ำปัสสาวะก่อน “ไม่บอกแล้วจี้จะรู้มั้ยล่ะพี่ พูดไม่คิด”
“แกรู้ข่าวธนาคาร A ที่เพิ่งถูกซื้อไปมั้ย”
“ก็พอรู้... มั้ง ทำไมเหรอ”
“คนที่ซื้อธนาคารนั้นไปก็คือคนที่แกไปนั่งเทศน์เขานั่นแหละ ไม่ใช่แค่ธนาคารนะ เขาเป็นเจ้าของบริษัทประกันภัยรายใหญ่ในเอเชีย สายการบิน เหมืองทองคำ ธุรกิจเครือข่ายสื่อสารและเป็นเจ้าของกองเรือบรรทุกสินค้าในยุโรป และถ้าไล่ตามสายบังคับบัญชา เขาเป็นเจ้านายของเจ้านายของเจ้านายพี่”
“โอเค เขารวยระดับพนมมือไหว้ แล้วไงอ่ะ”
ไม่เห็นเข้าใจเลยว่าเหตุใดผู้บริหารไฟแรง กล้าได้กล้าเสียอย่างพี่โตยังเปลี่ยนน้ำเสียงเมื่อฉันเอ่ยถึงเสี่ยริชชี่ ฉันเทน้ำใส่แก้วแล้วยกขึ้นดื่ม ขอทีเถอะ เนื้อก็ไม่ได้กินแถมแฮงค์หนัก แล้วยังต้องโดนด่าเสียจนไม่เป็นผู้เป็นคนอีก “เขาเป็นคนบอกให้จี้ไปนั่งกับเขาเองนี่”
ใช่แล้วๆ
“แล้วเขาไปรู้จักแกได้ไง”
“เอ่อ...” ฉันกลอกตา หากพูดออกไปว่าไปขิงใส่การ์ดผับว่าเขาเป็นผัวพามาเที่ยว พี่โตโต้คงแล่นกลับมาฉีกอกฉันแน่ๆ ฉันจึงเลี่ยงตอบเฉไฉไป “คือเรื่องมันยาว เอาไว้เล่าให้ฟังวันหลัง... สรุปแล้วเขาเป็นใครอ่ะ ไม่ใช่เสี่ยที่มาเที่ยวทั่วไปเหรอ”
“ไม่ใช่” น้ำเสียงของพี่โตไม่ค่อยสู้ดีนัก “ถ้าพูดถึงเจ้าของเงินทุนรายใหญ่ที่สุดในวงการลงทุน เสี่ยฤทธิ์ชาติมีชื่อติดโผสามอันดับแรกเสมอ”
“แต่เขายังดูหนุ่มอยู่เลยนะ”
“ใช่ ตั้งแต่เขาเริ่มเข้ามาสานต่อกิจการของตระกูล เขาก็ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าของอาณาจักรธุรกิจหลายหมื่นล้านที่อายุน้อยที่สุด ความสามารถสูงจนหาตัวจับได้ยาก เทคนิคที่เขาชอบใช้มากที่สุดคือทุบทำลายแล้วปั้นเศษซากนั้นขึ้นมาทำกำไร มีเรื่องเล่ากันว่ามีเจ้าสัว เจ้าของอุตสาหกรรมโลหะคนหนึ่งไปสบประมาณเขากลางงานเลี้ยง แล้วเป็นยังไงรู้มั้ย”
“ไม่รู้”
“เดือนถัดมาเจ้าสัวคนนั้นก็ตาย แล้วรู้มั้ย อิทธิพลของเขามีมากถึงขนาดสั่งนายกรัฐมนตรีได้ด้วยซ้ำ”
“ดูหนังมากไปป่ะ งี้ใครคุยกับเขาแล้วตายก็โทษเขาหมดเลยว่าซั่น”
“แกจะจริงจังสักสามนาทีได้มั้ย นี่ซีเรียส”
“ก็ได้ๆ เขาใหญ่คับฟ้า ชี้เป็นชี้ตายคนอื่นได้ แล้วเขาเกี่ยวอะไรกับจี้”
“เขาเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ที่สุดของบ้านเรา แม่กำลังจะให้แกไปเป็นเมียขัดดอก แกคิดว่าเขาจะทำยังไงกับแกล่ะ”
ฉันพ่นน้ำออกจากปาก สำลักจนหน้าดำหน้าแดง ก่อนจะกดวางสายพี่ชายทิ้งแล้วตรงดิ่งไปเคลียร์กับแม่ทันที นี่มันปีไหนแล้ว พล็อตน้ำเน่านางเอกขายตัวใช้หนี้ยังไม่หมดอีกอ่อ ฉันเดินโซซัดโซเซไปหาแม่ หวังให้แม่บอกว่ามันไม่จริง ไม่จริ๊ง!!
“แม่ แม่จะส่งจี้ไปเป็นนางบำเรอขัดดอกจริงเหรอ”
“...”
“แม่”
ฉันเรียกแม่สองสามครั้ง แต่แม่กำลังจิ้มไลน์คุยกับใครสักคน นิ้วรัวแป้นจนมองตามแทบไม่ทัน แหม... ติดมือถือมากกว่าลูกอีกนะคะ ฉันเรียกแล้วเรียกอีก แม่นั่งอยู่ตรงหน้าแต่ก็เหมือนมีแค่ร่างแม่ แต่จิตใจแม่ไม่อยู่ตรงนี้แล้ว ถ้าแม่ฟังอยู่ ไม่ว่าแม่อยู่ไหน ไม่ว่าแม่เป็นใคร ช่วยส่งรักกลับมา
“ไอ้จี้ มาถ่ายรูป”
แม่เงยหน้าขึ้น ยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปฉัน ฉันก็ไม่ปฏิเสธไง ถึงจะสภาพใกล้ละสังขารแค่ไหนก็สวมจิตวิญญาณนางแบบโพสท่าเซ็กซี่ไม่หยุด แอ่นนมกระเด้งๆ แต่แม่ถ่ายแค่รูปแรกแล้วจิ้มส่งไปตั้งนานแล้ว ปล่อยให้ลูกสาวมันบิดเอวกระดกก้นบ้าบออยู่คนเดียว แม่นะแม่ ฉันเกาเผ้าผม วันนี้เห็นทีจะคุยกันไม่รู้เรื่องแน่ ฉันจึงเดินงงๆ จะกลับห้องแต่แม่เรียกเสียก่อน
“จะไปไหน”
“เล่นเกม เนี่ยเพื่อนตามให้ไปช่วยแล้ว”
“เดี๋ยวจะมีลูกค้าใหม่มา ไปอาบน้ำเตรียมตัวซะ แกต้องเป็นคนดูแลเขาให้ดี อย่าให้ขาดตกบกพร่อง”
“ใครอ่ะแม่ เจ้าสัวตกงานมาจากไหนอีก”
คนสติดีที่ไหนจะมาอาบอบนวดจีจี้เลิฟ เลิฟ ตั้งแต่หัววัน อ่อ ลูกค้าฉันก็มารอตั้งแต่ยังไม่เปิดร้านทั้งนั้นนี่เนอะ อ่ะ อยากมาก็มา ปกตินังจีจี้ก็รับบทนางประชาสัมพันธ์ แคชเชียร์ ช่างดูแลระบบท่อน้ำ คนดูคนแก่และแม่บ้านทำความสะอาดอยู่แล้วนี่ จะรับบทนางพาทัวร์ก็ไม่เกี่ยงหรอกค่ะ
……………….