บทที่ 4 สวมเขา
ช่วงต้นเดือนธันวาคม อากาศในเมืองจงไห่หนาวเย็น!
ซูโหย่วหรงนั่งอยู่บนมอเตอร์ไซค์สับปะรังเค ทำให้เธอยิ่งหนาวมากขึ้นไปอีก
ซ่งซานสี่ขับเร็วมาก จนผมของซูโหย่วหรงปลิวว่อน
ลมหนาวพัดผ่านหน้า
เธอรู้สึกโกรธและอัดอั้นตันใจมาก ดังนั้นเธอจึงไม่หลบอยู่ข้างหลังเขา และไม่นั่งใกล้เขาอีกด้วย
เบาะรถเสียเกือบหมด เหลือแต่โครงเหล็กเท่านั้น จนทำให้เธอรู้สึกเจ็บก้น
ไม่นาน ซ่งซานสี่ก้ตระหนักถึงอะไรบางอย่าง
“หนาวไหม?”
ซูโหย่วหรงไม่สนใจเขา
“ถ้าหนาวก็กอดผม”
ซูโหย่วหรงยื่นมือออกไปตามสัญชาตญาณ แล้วเธอก็ดึงมือกลับมา ไม่กอดเขา
“เจ็บก้น?”
ซูโหย่วหรงยังคงไม่สนใจเขา
การที่เขาทำแบบนี้ เพื่อเงินเบี้ยขยันประจำไตรมาสใช่ไหม?
ฝันไปเถอะ!
ซ่งซานสี่หนาวจนหน้าชา และผมยุ่งเหยิง เขากล่าวว่า “มันหนาวจริง ๆ ชีวิตแบบนี้ไม่เหมือนชีวิตคนเลย ซูโหย่วหรง พวกเราต้องซื้อรถสักคันแล้ว”
“คุณเพิ่งจะคิดได้เหรอ? เมื่อก่อนที่บ้านไม่มีรถเหรอ? ถ้าไม่ใช่เพราะ.......”
ซูโหย่วหรงไม่สามารถพูดต่อไปได้ เธอรู้สึกเจ็บปวดและโกรธแค้น เธออยากจะต่อยหลังเขาจริง ๆ
แต่เธอก็กลัวเขาโกรธ แล้วตนเองจะถูกทำร้ายเปล่า ๆ
เพราะเธอไม่ได้หน้าบวมไปทำงานสักพักแล้ว
และขณะนั้น ซูโหย่วหรงรู้สึกหน้ามืด ทำให้เธอกรีดร้องออกมา
ซ่งซานสี่ดึงเสื้อโค้ต แล้วห่มร่างกายส่วนบนของเธอ
ความอบอุ่นจากร่างกายของผู้ชาย กลิ่นหอมของสบู่โชยมา ทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลาย
“ผู้หญิงหัวดื้อ จับเสื้อโค้ตไว้แน่ ๆ น่ะ”
ซ่งซานสี่เร่งความเร็วขึ้น เครื่องยนต์เสียงดังมาก ดังกว่ารถแข่งตามถนนเสียอีก และมีควันดำพวยพุ่งออกมาจากท่อ
เสื้อโค้ตปลิวไสว ซูโหย่วหรงจับชายเสื้อเอาไว้
เธอหลบอยู่ในเสื้อโค้ต เธอรู้สึกดีขึ้นมาก
กลิ่นหอมของสบู่แตะจมูก เพราะปกติบนร่างกายของเศษสวะ มักมีกลิ่นเหม็นของบุหรี่และแอลกอฮอล์
และเขาเป็นคนที่โหดเหี้ยมมาก
เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวอยู่ข้างในเสื้อโค้ต เขาถูกลมพัดตลอดเวลา ไม่หนาวเหรอ?
“หนาวมากใช่ไหม? สมน้ำหน้า!” ซูโหย่วหรงบ่นเบา ๆ
ซ่งซานสี่ “ครับ เศษสวะ คนล้างผลาญ สมควรถูกด่า!”
“คุณ.....เป็นคนบ้า!”
ซูโหย่วหรงรู้สึกว่าสามีตนเองบ้าไปแล้วจริง ๆ...
……
ครึ่งชั่วโมงต่อมา พวกเขาก็มาถึงประตูโรงงานซานหยวนอิเล็คทริคที่อยู่เขตชานเมือง
ซ่งซานสี่มองไปรอบ ๆ
เขาจากเมืองนี้ไปสิบกว่าปีแล้ว แต่เขาติดตามการพัฒนาของเมืองนี้มาโดยตลอด
ชาติก่อน โรงงานแห่งนี้และด้านหลังเป็นพื้นที่รกร้าง และกลายเป็นตึกขนาดใหญ่ตอนครึ่งหลังของปี 2011 และพอปี 2012 ราคาเฉลี่ยทะลุหนึ่งหมื่นต่อตารางเมตร และสามปีต่อมา ราคาสูงถึงสองหมื่นต่อตารางเมตร
“ที่ดินผืนนี้ พิจารณาซื้อไว้ได้” ซ่งซานสี่ยื่นมือออกไป และวาดเป็นรูปวงกลมขนาดใหญ่
“คุณพูดบ้าอะไร?”
ซูโหย่วหรงมองรอยยิ้มที่ไม่แยแสของสามี สะพายกระเป๋าใบเล็ก หันหลังแล้วเดินเข้าไปในประตูโรงงาน
“โหย่วหรง รอสักครู่!” ซ่งซานสี่รีบหยุดเธอ
ซูโหย่วหรงรู้สึกประหม่า “คุณ...คุณจะทำอะไร?”
“ผมขับรถเร็ว แต่ก็ยังไกลขนาดนี้ ปกติคุณมาทำงานยังไง?”
“เดิน!” ซูโหย่วหรงกล่าวด้วยน้ำเสียงห้วน ๆ
ความจริงแล้ว เธอปั่นจักรยานมาทำงาน
สิ่งที่น่าโกรธเคืองก็คือสามีคนนี้ไม่รู้
นี่ยังสามารถเรียกสามีได้อีกเหรอ?
ซ่งซานสี่พยักหน้า กอดเธอไว้ทันที และรู้สึกสงสารเธอเล็กน้อย “การเดิน มันลำบากมากเกินไป ต่อไป ผมจะมาส่งคุณทุกวัน”
มีเพื่อนร่วมงานเดินผ่านไปมา ทำให้ซูโหย่วหรงรู้สึกอาย และพยายามดิ้นรน
“ไม่ต้องมาส่ง ฉันปั่นจักรยานมาทำงาน!”
หลังจากพูดจบ เธอหันหลังแล้วเดินจากไป
เธอเป็นห่วงเงินของตนเอง และไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเขามากเกินไป
ซ่งซานสี่ดึงมือเธอ “รอสักครู่”
เธอปั่นจักรยานมาทำงาน เจอทั้งลมและฝน จนทำให้มือของเธอด้านเล็กน้อย ซึ่งไม่เข้ากับหน้าตาที่สวยและหุ่นที่เซ็กซี่ของเธอเลย
“ปล่อยนะ คนเยอะ อายคนอื่น........ ”
ซูโหย่วหรงไม่สามารถหลุดพ้นได้ เธอก้มหน้าลง และหน้าแดงไปจนถึงลำคอ
กลิ่นหอมของโฟมล้างหน้าโชยมาตามลมหนาว มีความยั่วยวนเล็กน้อย
ซ่งซานสี่สูดกลิ่นหอมเข้าลึก ๆ “สำหรับหนี้ของจางหงเหม่ย ค่าใช้จ่ายของเถียนเถียนและน้องสาว ผมจะไปคิดหาวิธีทันที คุณตั้งใจทำงาน ผม.......”
“คุณจะสามารถคิดหาวิธีอะไรได้? ขโมย ปล้น หรือจะไปเล่นการพนันอีก?”
ซ่งซานสี่ยิ้มเล็กน้อย “ตอนนี้คุณไม่มีเงินเหลือติดตัวแล้วจริง ๆ เหรอ?”
“คุณคิดจะทำอะไร?” ซูโหย่วหรงตกใจจนเกือบจะร้องไห้ และท่าทางน่าสงสารมาก “ตอนนี้ฉันเหลือเงินแค่ห้าหยวนเท่านั้น เถียนเถียนอยากกินพุทราเชื่อม พรุ่งนี้ฉันจะไปจ่ายค่าเทอมของเถียนเถียน ไปรับเถียนเถียน แล้วใช้เงินนี้ซื้อพุทราเชื่อมให้เถียนเถียน เงินห้าหยวนนี้ คุณก็จะเอาเหรอ?”
“อ้อ.....เด็กกินขนมมากเกินไปมันไม่ดี......” ซ่งซานสี่กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
“ซ่งซานสี่!!!” ซูโหย่วหรงสติแตก กรีดร้องและร้องไห้ เธอเงยหน้าด้วยความโกรธ “คุณจะแย่งเงินห้าหยวนนี้ด้วยเหรอ! คุณยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า? คุณยังเป็นพ่ออยู่หรือเปล่า? คุณ...... ”
ตอนนี้เธอรู้สึกเจ็บปวดจนเกินบรรยาย
เพื่อนร่วมงานที่อยู่ตรงประตูโรงงาน เดินมาล้อมพวกเขาเอาไว้
“โอ้สวรรค์ นี่ก็คือสามีของโหย่วหรงเหรอ?”
“จะเอาแม้แต่เงินห้าหยวน? น่ารังเกียจมาก!”
“มีมือมีเท้า ทำไมไม่ไปหาเงินเอง? ”
“ผู้ชายไม่หาเลี้ยงครอบครัว เอาแต่ขอเงินผู้หญิง ไร้ยางอายจริง ๆ....... ”
“โหย่วหรงเป็นคนสวย ไม่ว่าจะแต่งงานกับใครก็สามารถนั่งรถหรูได้? มอเตอร์ไซค์สับปะรังเคคันนี้ ยังสวยสู้จักรยานของฉันไม่ได้...... ”
“……”
ซูโหย่วหรงทนไม่ได้อีกต่อไปแล้ว เธอผลักฝูงชนออก เช็ดน้ำตาและวิ่งเข้าไปในโรงงาน
โจวเหวินปิง เป็นหัวหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย รอเธออยู่ในห้องรักษาความปลอดภัยทุกวัน เมื่อเขาเห็นสถานการณ์ เขาก็รีบวิ่งไปหาเธอทันที
“โหย่วหรง ใครรังแกคุณ?”
“คุณอย่ามายุ่ง!”
ซูโหย่วหรงผลักโจวเหวินปิงออกไป แล้ววิ่งเข้าไปในโรงงาน
โจวเหวินปิงมองซ่งซานสี่ที่ยืนอยู่นอกประตู เขารีบวิ่งออกไปและกล่าวว่า “คุณ! หยุดน่ะ!”
ซ่งซานสี่รู้สึกหดหู่เล็กน้อย ความจริงแล้วเขาต้องการยืมเงินหนึ่งหยวนเพื่อนำไปเป็นทุนหาเงินเท่านั้น
ต้องการเงินเพียงแค่หนึ่งหยวนเท่านั้น
แต่นึกไม่ถึงว่าซูโหย่วหรงจะไม่ให้โอกาสเขา
เขาขึ้นมอเตอร์ไซค์สับปะรังเคและสตาร์ทรถ ท่ากลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของฝูงชน
ช่างมันเถอะ ยังมีทางที่จะหาเงินทุนหนึ่งหยวน
เมื่อมองกระจกหลัง เขาแอบเยาะเย้ย......
เขารู้ว่ามีอันธพาลสองคนขับมอเตอร์ไซค์ไล่ตามเขามาตลอด แต่ถูกเขาสลัดทิ้ง
และขณะที่เขากำลังจะจากไป โจวเหวินปิงก็เดินมาขวางทางเขาไว้
“คุณเป็นใคร? ทำไมคุณถึงรังแกโหย่วหรง?”
ซ่งซานสี่มองผู้ชายคนนี้
เขาสูง 185 เซนติเมตร รูปร่างใหญ่และน่าเกรงขาม หน้าตาหล่อเหลา
“คุณโจวเหวินปิง ผมเป็นสามีของโหย่วหรง คุณจำผมไม่ได้เหรอ?” ซ่งซานสี่ยิ้มบาง ๆ และกล่าวด้วยความสุภาพอ่อนโยน
“คุณ...คือซ่งซานสี่?” โจวเหวินปิงขมวดคิ้ว และรู้สึกไม่มั่นใจ
คนในโรงงานที่รู้เรื่องครอบครัวของซูโหย่วหรงนั้นมีไม่มาก และเขาเป็นหนึ่งในนั้น
เมื่อก่อนเขาเคยชกต่อยกับซ่งซานสี่ ซึ่งซ่งซานสี่เป็นคนที่สกปรกมอมแมม อัปลักษณ์ หลังค่อมและไหล่ตก และหยาบคายมาก
ทำไมวันนี้เขาถึงได้หน้าตาหล่อเหลา และสุภาพอ่อนโยนขนาดนี้?
เป็นคนละคนใช่ไหม!
ซ่งซานสี่พยักหน้า “เป็นผมจริง ๆ คุณกำลังตามจีบเธอใช่ไหม? ถ้าคุณจริงใจต่อเธอ ผมสามารถหย่ากับเธอได้ และผมจะอวยพรให้พวกคุณมีความสุขอีกด้วย”
พี่สี่ที่เคยแข็งแกร่ง เขามีเพียงความเห็นอกเห็นใจ ความสงสาร แล้วยังมีความรู้สึกผิดของร่างกายนี้ ต่อซูโหย่วหรงเท่านั้น
คนที่เขารัก ยังคงเป็นเย่เสี่ยวหยูคู่หมั้นของเขา
ถึงแม้ตอนนี้ เธอยังเด็กและอาศัยอยู่ในเมืองจงไห่ และเขาไม่รู้สถานที่ที่เธออาศัยอยู่อย่างแน่ชัดก็ตาม
เขาไม่แคร์เรื่องที่โจวเหวินปิงเคยทำร้ายเขา เพราะคนที่เจ็บคือเจ้าของร่างนี้ ไม่ใช่เขาเสียหน่อย
โจวเหวินปิงรู้สึกตกตะลึง......
ทุกคนที่อยู่บริเวณประตูโรงงาน ต่างรู้สึกตกตะลึงเช่นกัน
นึกไม่ถึงว่าเขาจะมอบเมียตนเองให้คนอื่น?
แถมยังเป็น....ภรรยาที่สวยมากอีกด้วย!
แม่งฉิบหาย ผู้ชายคนนี้.....ชอบให้เมียสวมเขาให้ตนเองเหรอ?
ทุกคนมองโจวเหวินปิง แล้วหันไปมองซ่งซานสี่
ซ่งซานสี่ไม่ได้หน้าแดงแม้แต่น้อย และกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “คุณโจวเหวินปิง อย่าลืมบอกภรรยาของผมว่า ผมจะมารับเธอหลังเลิกงาน ตอนนี้เธอ... ยังเป็นภรรยาของผมอยู่”
หลังจากพูดจบ เขาขับมอเตอร์ไซค์สับปะรังเคจากไป
โจวเหวินปิงรู้สึกอึดอัดมาก ตะโกนใส่ซ่งซานสี่ว่า “คุณพูดเหลวไหลอะไร? อย่าดูหมิ่นผม! คุณมันเป็นเศษสวะที่ทำผิดต่อโหย่วหรง ถ้าคุณกล้าทำร้ายและรังแกเธออีก ผมก็จะต่อยคุณอีก!”
ซ่งซานสี่ที่กำลังจะจากไป ยกมือขึ้นแล้วทำสัญญาลักษณ์มือว่า OK ท่ากลางสายลม
ทุกคนที่อยู่ด้านหลังของเขารู้สึกตกใจอีกครั้ง
ผู้ชายคนนี้ บ้าหรือเปล่า?
เดี๋ยวก่อน เขาเคยถูกโจวเหวินปิงทำร้าย?
เขาแสดงท่าทางไม่แคร์ ช่างเป็นคนที่ไม่มีหัวใจจริง ๆ!
โจวเหวินปิงกับซูโหย่วหรง……ยี้?
เป็นชู้กันจริง ๆ เหรอ?
……
สิบนาทีต่อมา ซอยแคบ ๆ เขตชานเมือง
ซ่งซานสี่ลงจากรถ เพราะถูกขวางทาง
มอเตอร์ไซค์สองคันของอันธพาล ขวางอยู่ด้านหน้าและด้านหลัง
ซ่งซานสี่มองซ้ายมองขวา ยิ้มบาง ๆ ส่ายศีรษะและกล่าวว่า “น้องชายทั้งสอง พวกคุณสองคนจะทำอะไร?”
“แม่งฉิบหาย! แกอย่าแกล้งทำเป็นไม่รู้!”
“ผมไม่รู้จริง ๆ” ซ่งซานสี่กางมือออกด้วยความจำใจ
“เมียแกยืมเงินของพี่จาง แล้วพวกแกสองผัวเมียยังหนีอีก พวกแกหนีเร็วนี่! แล้วคิดว่าจะสามารถหนีรอดได้เหรอ?”
“พี่จางบอกให้พวกเราจัดการแกก่อนแล้วค่อยว่ากัน ตอนนี้ แกรู้แล้วใช่ไหม?”
ซ่งซานสี่พยักหน้าและกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “รู้แล้ว ขอบคุณ”