บท
ตั้งค่า

บทที่ 3 ต้องมีพิธีการ

จางหงเหม่ยเป็นผู้หญิงปากร้าย และคบหาสมาคมกับพวกอันธพาล

การมาทวงหนี้คราวนี้ของเธอ ทำให้ซูโหย่วหรงหมดสิ้นหนทางจริง ๆ

ซูโหย่วหรงแทบอยากจะก้มกราบ

ซ่งซานสี่เดินเข้ามา พยุงซูโหย่วหรงลุกขึ้น แล้วกอดเธอไว้ในอ้อมแขน

“โหย่วหรง พวกเราเป็นคนที่มีศักดิ์ศรี พวกเราแค่คุกเข่าให้พ่อแม่เท่านั้น”

ซูโหย่วหรงรู้สึกอัดอั้นตันใจเหมือนลูกแมวที่อ่อนแอ

น้ำตาไหลอาบแก้ม ก้มหน้าและไม่กล้ามองเจ้าหนี้อย่างจางหงเหม่ย เธอแทบอยากจะบีบคอสามีให้ตาย

ถ้าไม่ใช่เพราะเขาไม่สนใจครอบครัว ตนเองก็ไม่ต้องมีชีวิตที่ไร้ศักดิ์ศรีแบบนี้?

เธอต้องไปกู้ยืมเงินมารักษาอาการป่วยของลูกสาว ด้วยดอกเบี้ยที่สูงมาก

จางหงเหม่ยหน้าถอดสี และตะโกนเสียงดังว่า:

“ฮึ่ม! แม่งฉิบหาย ใครที่พูดเสียงแข็งขนาดนี้?”

“ที่แท้คนล้างผลาญกลับมาบ้านแล้วนี่เอง!”

“ไม่มองนิสัยสันดานตนเอง! ยังมีหน้ามาพูดเสียงแข็งต่อหน้าฉันอีก คนอย่างแกไม่คู่ควรที่จะพูดเรื่องศักดิ์ศรีหรอก?”

ซ่งซานสี่กล่าวด้วยความสงบว่า “เถ้าแก่จาง พวกเราเป็นหนี้ แต่พวกเราก็ไม่เบี้ยวหนี้”

“ผมยอมรับหนี้ ห้าร้อยหยวนบวกดอกเบี้ยรวมเป็นเจ็ดร้อยหยวน คืนนี้ผมคืนให้คุณแน่นอน”

“ผมรักษาคำพูด ขอร้องคุณอย่าทำให้โหย่วหรงลำบากใจ”

จางหงเหม่ยเอามือเท้าสะเอว และด่าว่า “แม่งฉิบหาย ไม่ต้องมาพูดไร้สาระ! คนล้างผลาญอย่างแก สามารถรักษาคำพูดได้ด้วยเหรอ? ”

“ถูกต้อง ผมรักษาคำพูด” ซ่งซานสี่ไม่หุนหันพลันแล่นและไม่โกรธ เขาได้รับการอบเลี้ยงดูมาอย่างดี

“ไสหัวออกไป! ฉันไม่เชื่อแกหรอก! น้ำหน้าอย่างแก จะมีปัญญาไปหาเงินเจ็ดร้อยจากที่ไหนได้? ฟังให้ดีน่ะ วันนี้ให้เมียแกไปขายตัว แล้วฉันจะแนะนำคนซื้อบริการให้ หรือไม่ก็.........”

ขณะที่จางหงเหม่ยกำลังพูด เธอก็วางแผนอยู่ในใจ เพราะเธอเกลียดซ่งซานสี่มาก

ไอ้สารเลวซ่งซานสี่ เล่นการพนันไปทั่ว แต่ไม่เคยมาเล่นที่ร้านไพ่นกกระจอกของเธอเลย

จางหงเหม่ยยื่นเท้าที่สวมรองเท้าบู๊ตเหยียบตรงธรณีประตู ชี้ไปที่ซ่งซานสี่และกล่าวว่า “ถ้าแกอยากให้ฉันยกหนี้ให้ คุกเข่าและเลียรองเท้าของฉัน!”

“เลียครั้งละร้อย รวมทั้งหมดเจ็ดครั้ง ง่าย ๆ แบบนี้แหละ! มาสิ!”

ใบหน้าเหี่ยวย่นของเธอถูกปกปิดด้วยรองพื้นหนาเตอะ เธอแสงสีหน้าที่อยากจะทำให้คนอื่นรู้สึกลำบากใจ

ซูโหย่วหรงอดไม่ได้ที่จะมองอีกฝ่าย จากนั้นหันไปมองสามีตนเอง

กล่าวตามตรง การมีชีวิตอยู่แบบตายทั้งเป็นแบบนี้ ถ้ามันสามารถยกหนี้เจ็ดร้อยนี้ได้ เธอกัดฟันและสามารถทำได้จริง ๆ

ด้วยนิสัยของซ่งซานสี่ แล้วเขาจะเลียรองเท้าได้อย่างไร?

นึกไม่ถึงว่า……

ซ่งซานสี่กอดซูโหย่วหรงเอาไว้ ราวกับจะโอ้อวดเธอให้จางหงเหม่ยได้เห็น

เขายิ้มจาง ๆ และกล่าวอย่างเป็นมิตรว่า

“คุณจาง ก่อนอื่น โหย่วหรงสวยกว่าคุณร้อยเท่า เธอคือภรรยาของผมซ่งซานสี่ ไม่ใช่ของซื้อขาย”

“อย่างที่สอง ผมจะคืนเงินให้คุณคืนนี้ ผมพูดคำไหนคำนั้น”

“คุกเข่าเลียรองเท้าของคุณเหรอ? ไสหัวออกไปจากที่นี่”

ทันใดนั้น ซ่งซานสี่ก็ลงมือทันที

ปัง!!!

ประตูกระแทกอย่างแรง

“โอ๊ย!!!”

จางหงเหม่ยกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ปลายเท้าของเธอถูกประตูหนีบ

เธอทุบประตูอย่างแรง และตะโกนด่า

“ซ่งซานสี่ เปิดประตู เปิดประตู!”

“ไอ้คนล้างผลาญ แกกล้าทำแบบนี้กับฉันเหรอ!”

“วันนี้ฉันจะไม่ปล่อยพวกแกสองคนผัวเมียเด็ดขาด!”

“พวกแกสองคนรอก่อน รอก่อน......”

ด้านในประตู ซูโหย่วหรงอยากจะหัวเราะจริงๆ แต่เธอไม่กล้า

เธอทำได้เพียงก้มหน้าและหยิกซ่งซานสี่ และบ่นเบา ๆ ด้วยความจำใจ

“คุณเป็นบ้าอะไร? ยังไม่สร่างเมาอีกเหรอ? คุณไม่รู้หรือว่าจางหงเหม่ยเป็นอันธพาล........”

“หลังจากทานอาหารเช้าแล้ว คุณต้องไปทำงานไม่ใช่เหรอ?” ซ่งซานสี่โอบเอวซูโหย่วหรงแล้วเดินไปที่ห้องทานข้าว

ผู้หญิงที่บอบบางคนนี้ ทำให้เขารู้สึกสงสารเธอมาก

“ฉันทานข้าวไม่ลงหรอก เธอกำลังคลุ้มคลั่งอยู่ข้างนอก.......”

“ถ้าเธอคลุ้มคลั่งเสร็จ เธอก็จะกลับไปเอง” ซ่งซานสี่กดซูโหย่วหรงลงบนเก้าอี้ “ผมมีวิธีมากมายที่จัดการผู้หญิงปากร้าย ต่อไปคุณอย่าคุกเข่าให้ใครอีก เพราะมันจะทำให้ผมเสียหน้า”

“คุณ....ยังจะมาโทษว่าฉันทำให้คุณเสียหน้าอีกเหรอ? คุณทานข้าวก่อน ฉันจะไปล้างหน้าก่อน”

ซูโหย่วหรงรู้สึกขมขื่น เธอรู้ว่าซ่งซานสี่ก็เป็นอันธพาลเหมือนกัน

“มีน้ำอุ่น มีโฟมล้างหน้าใหม่ เหมาะกับสภาพผิวของคุณ”

“อ้อ……”

หลังจากซูโหย่วหรงล้างหน้าเสร็จ ตอนที่เธอเดินกลับมาที่ห้องทานข้าว จางหงเหม่ยก็จากไปแล้ว

ซ่งซานสี่นั่งตัวตรงอยู่ข้างโต๊ะ เขายังไม่ได้กินแม้แต่คำเดียว

ซูโหย่วหรงแอบส่ายศีรษะ

เมื่อก่อน เมื่อถึงเวลาทานอาหารเช้า เขาเหมือนหมาป่าที่กินจนแทบไม่เหลืออะไร

แม้แต่ไข่เจียวของเถียนเถียน เขาก็ยังแย่งไปกิน

“คุณ......ทำไมคุณยังไม่กินล่ะ?” ซูโหย่วหรงรู้สึกว่าเรื่องที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ มันเป็นไปแล้ว

“รอคุณ เป็นผัวเมียต้องทานข้าวพร้อมกัน ต้องมีพิธีการ”

“พิธีการ?” ซูโหย่วหรงรู้สึกสงสัย

ชีวิตแต่งงานแบบนี้? ยังต้องมีพิธีการอะไร? การทานข้าวเป็นการเปิดงานเหรอ? ต้องตัดริบบิ้นด้วยไหม?

เมื่อเผชิญหน้ากับอาหารเช้ามากมายที่เศษสวะเป็นคนทำ เธอรู้สึกสงสัยมาก

ต้องบอกว่าฝีมือการทำอาหารของเศษสวะเยี่ยมจริง ๆ

เธอหิวมาก แต่เธอไม่มีความอยากอาหาร

ดูเหมือนว่าซ่งซานสี่จะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ

เขานั่งกินอย่างสง่า และไม่ส่งเสียงเลย

ถ้าเป็นเมื่อก่อน อยู่นอกประตูก็ยังได้ยินเสียงเคี้ยวอาหารของเขา ซดน้ำซุปเสียงดัง เมื่อเขาเอ่ยปากพูดก็พ่นเศษข้าวออกมา ขาดการอบรมสั่งสอน

ซูโหย่วหรงอดไม่ได้ที่จะมองเขา รู้สึกเหมือนเขาเปลี่ยนเป็นคนละคน

เขานั่งและทานข้าวอย่างสุภาพ ไม่พูดอะไรสักคำ เหมือนกับว่าเขากำลังเพลิดเพลินกับอาหารเช้า

ซ่งซานสี่กล่าวว่า “กินเถอะ อย่ามองผม เพราะกินข้าวแล้วอิ่ม แต่มองหน้าผมมันไม่อิ่มหรอก ถ้าไปทำงานสาย คุณก็จะไม่ได้เบี้ยขยันประจำไตรมาส”

ซูโหย่วหรงสะอึก “ห๊ะ! คุณ.....ที่แท้คุณอยากได้เงินนี่เอง? ฉันขอร้องคุณล่ะ เงินพวกนี้ใช้สำหรับ......”

“ค่าเล่าเรียน ค่าครองชีพ และค่าเสื้อผ้าของเถียนเถียน ถ้าผมอยากได้เงินพวกนี้ ก็เลวยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานแล้ว! แล้วคุณยังต้องจ่ายเงินค่าเรียนพิเศษช่วงวันหยุดฤดูหนาวให้น้องสาวอีกด้วย ค่าใช้จ่ายเหล่านี้ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผมเถอะ คุณไม่ต้องกังวล คุณวางใจเถอะ....” ซ่งซานสี่สัญญา แล้วพูดต่อไปว่า

“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ถ้าผมซ่งซานสี่ใช้เงินของซูโหย่วหรงหนึ่งหยวน โกงเงินของเธอหนึ่งหยวน หรือแย่งเงินเธอหนึ่งหยวน ขอให้ผมถูกฟ้าผ่าตาย หรือออกไปข้างนอกแล้วถูกรถชนตาย อย่างไงก็ตายโหง”

น้ำเสียงของเขาอ่อนโยน สีหน้าเคร่งขรึมนั้นแสดงถึงความจริงจัง

ซูโหย่วหรงรู้สึกกระสับกระส่าย และกล่าวอยู่ในใจว่า: มีแต่ผีเท่านั้นที่เชื่อคำพูดคุณ คุณมันเลวยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน! เมื่อก่อนสาบานมาแล้วกี่ครั้ง แต่มีประโยชน์ไหม?

หลังจากทานอาหารเสร็จ ซูโหย่วหรงเคยชินกับการทำความสะอาดถ้วยชาม

แต่ซ่งซานสี่กดไหล่ของเธอ “ผมทำเอง ช่วงหลายปีที่ผ่านมา ลำบากคุณแล้ว”

“ต่อไปผมจะเป็นคนทำงานเหล่านี้เอง”

“คุณไปเตรียมตัวเถอะ อีกสักครู่ต้องไปทำงานแล้ว”

ซูโหย่วหรงยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ เพราะมันผิดปกติมาก

เขาเป็นบ้าหรือเปล่า?

หรือว่า...เขายังอยากจะได้เงินเบี้ยขยันประจำไตรมาสของตนเองอยู่อีก?

นั่นเป็นเงินที่เธอแลกมาด้วยการไม่หยุดพักสักวันเป็นเวลาสามเดือน และทำงานวันล่ะ 12 ชั่วโมง

รวมเป็นเงิน 1,500 หยวน เป็นเงินพิเศษที่เจ้าของกิจการกระตุ้นให้พนักงานขยันทำงาน

เพื่อเงินแล้ว ทำให้ตนเองไม่มีเวลาอยู่เป็นเพื่อนเถียนเถียน และไม่สามารถไปรับเธอกลับมาจากโรงเรียนได้

และหลายครั้งที่เธอถูกซ่งซานสี่ตบหน้า ก็ต้องไปทำงานทั้งที่หน้าบวม ซึ่งทำให้เธอรู้สึกอับอายมาก

ซูโหย่วหรงครุ่นคิด และถือโอกาสตอนที่ซ่งซานสี่อยู่ในครัว รีบหนีไปทำงาน!

เพราะที่โรงงานมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย

และหัวหน้าของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ก็ดีกับเธอเสมอมา กระทั่งเขาเคยชกต่อยกับซ่งซานสี่ด้วย

ช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซ่งซานสี่ชกต่อยกับคนอื่นมากมาย แต่เขาไม่เคยชนะใครเลย

เพราะการดื่มเหล้าและเที่ยวผู้หญิง ทำให้ร่างกายของเขาอ่อนแอ เขาทำได้เพียงทำร้ายภรรยาและลูกเท่านั้น

ซูโหย่วหรงบ้วนปาก แล้วเปลี่ยนเป็นชุดทำงานสีฟ้าอมเทาหลวม ๆ เดินไปที่ประตูอย่างเงียบ ๆ

เมื่อเธอผลักประตู แต่ไม่สามารถเปิดประตูได้ เธอเห็นเป็นช่องเล็ก ๆ

ประตูถูกคนใช้ท่อเหล็กตรึงไว้ด้านนอก แล้วยังมีกุญแจล็อกไว้อีกด้วย

ต้องเป็นจางหงเหม่ยสั่งให้คนมาทำอย่างแน่นอน

ซูโหย่วหรงโกรธจนเกือบจะร้องไห้ออกมา

คนจนถูกรังแก!

มีอันธพาลคนหนึ่งยืนอยู่นอกประตู และกล่าวเยาะเย้ยว่า “อยากออกไปทำงานเหรอ? ฮ่า ๆ คืนเงินของพี่จางมาก่อนแล้วค่อยว่ากัน”

ซูโหย่วหรงรู้สึกสิ้นหวัง......

ซ่งซานสี่เดินมาปิดประตูและล็อกกลอน แล้วโอบเธอเดินกลับเข้ามาข้างใน

“คุณทำอะไร? พวกเขามาล็อกประตูแล้ว!” ซูโหย่วหรงกรีดร้องด้วยความสิ้นหวัง คิดถึงเงิน 1,500 หยวนนั้น ถ้าเธอยังไม่ออกไปอีก เธอก็จะไปทำงานไม่ทันแล้ว!

เมื่อก่อน ถ้าเธอตะคอกใส่เขา ก็จะถูกเขาทำร้าย

แต่วันนี้ ซูโหย่วหรงเป็นเพียงผู้หญิงที่อ่อนแอคนหนึ่ง เธอหมดหนทางและสิ้นหวัง เธอทำได้เพียงระบายความโกรธด้วยการตะโกนเท่านั้น

ถึงจะถูกเขาทำร้ายก็ไม่เป็นไร ใช่ว่าเธอจะไม่เคยถูกเขาทำร้ายมาก่อน เธอชินแล้ว

ซ่งซานสี่ปิดปากเธอเบา ๆ และกระซิบข้างหูว่า “ผมจะไปส่งคุณไปทำงาน”

ซูโหย่วหรงมองเขาทั้งน้ำตา เธอฟังผิดหรือเปล่า?

ซ่งซานสี่ยิ้มบาง ๆ ด้วยสายตาจริงจัง จูงเธอเดินเข้าไปในห้องรับแขก

ซูโหย่วหรงถามเบา ๆ ว่า “จะไปยังไง?”

ซ่งซานสี่หยิบเสื้อโค้ตขึ้นมา สะบัดแล้วสวมอย่างสง่า

หลังจากนั้น เขาก็จัดเสื้อและใช้มือลูบผม

สีหน้าเคร่งขรึม ราวกับว่าเขากำลังจะออกไปข้างนอกกับคนใหญ่คนโต

ซูโหย่วหรงแอบเยาะเย้ย: จะเสแสร้งทำไม? วันนี้ขอเพียงแค่ฉันออกไปจากบ้านได้ คุณอย่าคิดว่าจะได้เงินจากฉันแม้แต่หยวนเดียว!

ไม่นาน ซ่งซานสี่ก็แบกซูโหย่วหรงไว้บนหลัง แล้วกระโดดออกไปจากหน้าต่างห้องครัว

ซูโหย่วหรงตกใจจนกอดเขาไว้แน่น ร่างกายที่บอบบางของเธอสั่น และใบหน้าขาวซีด

ซ่งซานสี่ไต่ลงมาตามท่อน้ำ เพียงแค่สักครู่ เขาก็ลงมาจากชั้นสี่ถึงพื้นแล้ว

“ตื่นเต้นไหม?”

“คนบ้า! คุณทำให้ฉันตกใจแทบแย่!” ซูโหย่วหรงกล่าวด้วยความโมโห

“ไปกันเถอะ!”

ซ่งซานสี่ขับมอเตอร์ไซค์สับปะรังเคของเขา แล้วพาซูโหย่วหรงมุ่งหน้าไปยังประตูชุมชน

ขณะที่ขับผ่านชั้นล่างตึก จางหงเหม่ยกำลังคุยกับคนอยู่ที่ทางเข้าร้านไพ่นกกระจอก สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปอย่างมาก เธอตะโกนว่า “พวกแกสองผัวเมียออกมาได้ยังไง? หยุดน่ะ!”

ซ่งซานสี่เหยียบคันเร่ง เสื้อคลุมโบกสะบัด แล้วจากไปอย่างสง่าผ่าเผย...

จางหงเหม่ยรู้สึกโกรธมาก หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา และด่าด้วยความโกรธ

“พวกแกสองคนเฝ้าประตูกันยังไง? สองคนผัวเมียหนีไปแล้ว!”

“รีบไปตามล่าพวกเขาเร็ว!”

“ไปจัดการคนล้างผลาญก่อนแล้วค่อยว่ากัน!”

“อะไรน่ะ? เขาจะไปไหนได้อีก? นางจิ้งจอกซูโหย่วหรงไปทำงานไม่ใช่เหรอ? ไปที่โรงงานซานหยวนอิเล็คทริค ไอ้หน้าโง่!”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel