บทที่ 11 ฉันไม่สนใจคุณ
ลูกน้องของหวงชางหยง สอบถามและรู้ว่าซูโหย่วหรงทำงานที่โรงงานซานหยวนอิเล็คทริค และเลิกงานตอนกลางคืนเวลา 20:30 น.
ลูกน้องสองคนขับรถตู้มา และเฝ้ารอซูโหย่วหรงอยู่นอกโรงงาน
ส่วนหวงชางหยงอยู่ที่โรงแรมหยินตูในเมืองจงไห่
หลังจากนอนกลางวันเสร็จแล้ว เขาไปที่คอฟฟี่ช็อปของโรงแรม ดื่มชา อ่านหนังสือพิมพ์เพื่อฆ่าเวลา และรอให้ลูกน้องส่งตัวซูโหย่วหรงมาตอนกลางคืน
เขาอารมณ์ดีและเต็มไปด้วยความคาดหวัง
แต่นึกไม่ถึงว่าคนที่รับผิดชอบบริหารสถานบันเทิงบิ๊กเรกัลจะโทรมาหาเขา
หลังจากได้ฟังสถานการณ์แล้ว หวงชางหยงโกรธทันที
“ช่วงหลายปีที่ผ่านมา ยังไม่มีใครสามารถพนันชนะ และได้เงินไปจากกูในหนึ่งวันมากขนาดนี้?”
“แม่งฉิบหายแกเป็นคนโง่เหรอ? ถึงได้ไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไรต่อ?”
“แล้วโทรหากูทำไม?”
ผู้รับผิดชอบบริหารรู้สึกสติแตกเล็กน้อย “เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยภายในตามเขาออกไปสี่คน แต่ตอนนี้พวกเขาถูกทำร้ายจนแขนขาหักหมดแล้ว และส่งตัวไปโรงพยาบาลแล้ว พี่หยง เกรงว่าคราวนี้พวกเราจะเจอเซียนพนันแล้ว”
“อะไรน่ะ?”
หวงชางหยงรู้สึกตกตะลึง
เขากระแทกหนังสือพิมพ์บนโต๊ะ จนทำให้แก้วชาพลิกคว่ำ
“แม่งฉิบหาย เปิดดูกล้องวงจรปิดแล้วหรือยัง?!”
“เปิดแล้ว เห็นรูปร่างไม่ชัด เห็นเพียงแค่แผ่นหลังเท่านั้น”
หวงชางหยงรู้สึกโกรธมาก “แม่งฉิบหาย เป็นเซียนพนันจริงๆ! ให้คนสเกตช์ภาพหรือยัง?”
“สเกตช์ภาพแล้ว! สเกตช์ภาพแล้ว! ตอนนี้รอเพียงแค่คำสั่งของพี่หยงเท่านั้น”
“รอเหี้ยอะไร? ปูพรมค้นหาให้ทั่ว! คนแบบนี้มันไม่หนีไปไหนหรอก มันจะต้องกลับมาอีกแน่นอน!”
หวงชางหยงวางสาย สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และยิ้มด้วยความดุร้าย
“แม่งฉิบหาย ขอเพียงแค่จับตัวได้ ต้องแก้แค้นคืนแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน จะหักแขนขาของแก แล้วเอาเงินของกูคืนมา!”
คืนนี้เขาหมดอารมณ์แล้ว ดังนั้นเขาจึงกลับไปที่สถานบันเทิงบิ๊กเรกัล เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
ส่วนซ่งซานสี่...
และขณะที่อยู่บนรถ หวงชางหยงก็โทรไปหาซ่งซานสี่
หลังจากเชื่อมติด เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “หมาสี่ แกดวงดีจริงๆ เพราะกูต้องไปแก้ปัญหาบางอย่าง หลังจากแก้ปัญหาเสร็จแล้ว ค่อยมาจัดการแก! ถ้าแกไม่มีปัญญาคืนเงิน ก็ให้ซูโหย่วหรงมาล้างหนี้!”
เขาไม่เปิดโอกาสให้พี่สี่ตอบกลับ หลังจากเขาพูดจบก็วางสายทันที
เศรษฐีรุ่นที่สอง ก็จองหองแบบนี้แหละ
ซ่งซานสี่แอบหัวเราะเยาะ
เจ้าโง่ ถ้าคุณสามารถหาผมเจอ ก็ถือว่าผมเป็นฝ่ายแพ้
ต่อไป ผมควรจะเป็นคนจัดการคุณมากกว่า
ตอนแรกซ่งซานสี่คิดจะนำเงิน 200,000 หยวน ที่ได้จากสถานบันเทิงบิ๊กเรกัล ไปใช้หนี้พนันหวงชางหยงก่อน
เพราะอย่างไรเสีย เขาก็ไม่สามารถส่งตัวซูโหย่วหรงไปให้หวงชางหยงได้
แต่ตอนนี้ เขาสามารถใช้เงิน 200,000 หยวนนี้เป็นทุน เพื่อเตรียมไว้สำหรับเล่นหุ้นในอีกเจ็ดวันข้างหน้า
และเขาจะไม่ไปสถานบันเทิงบิ๊กเรกัลอีก
ชนะเงินพนันมา จนทำให้หวงชางหยงร้องไห้!
อาจจะไม่ใช่ตัวเลขที่สูงมาก แต่จะเล่นจนทำให้หวงชางหยงย่อยยับ และเล่นจนกว่าสถานบันเทิงบิ๊กเรกัลจะปิดตัวลง
ตอนเย็น 17:30 น.
ซ่งซานสี่ มาถึงโรงเรียนอนุบาลซิงกวงตรงเวลา
ซูโหย่วหรงไม่ได้หยุดพักติดต่อกันสามเดือนแล้ว เธอทำงานวันละ 12 ชั่วโมง และเธอไม่ได้พบเถียนเถียนนานแล้ว
แม้แต่ในความฝัน เธอก็กอดหมอนร้องไห้ และเรียกหาเถียนเถียน
พี่สี่ อยากจะเซอร์ไพรส์เธอ
มีผู้ปกครองกำลังรอลูกอยู่ด้านนอกโรงเรียนอนุบาลมากมาย
สภาพแวดล้อมของโรงเรียนค่อนข้างดี และผู้ปกครองล้วนเป็นคนที่มีฐานะ
รถยนต์ส่วนบุคคลจอดอยู่ด้านนอกมากมาย
ซ่งซานสี่นั่งสูบบุหรี่อยู่บนมอเตอร์ไซค์สับปะรังเค แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นคนยากจน
ลักษณะท่าทางเช่นนี้ ทำให้คนมากมายมองเขาด้วยท่าทางเหยียดหยาม
“ใครน่ะ? ส่งเด็กมาเรียนที่นี่ด้วยเหรอ?”
“มอเตอร์ไซค์สับปะรังเคนั่น สามารถทำให้เด็กหนาวตายได้”
“น่าสงสารเด็ก........”
“……”
ซ่งซานสี่ไม่สนใจพวกเขา
ตอนนี้จิตใจของคนไม่จริงใจเหมือนอดีต สังคมมีทั้งคนที่ไม่แยแสและคนที่มีไมตรี แล้วจะไปสนใจมากขนาดนั้นทำไม?
และเขาได้ซื้อเป้อุ้มเด็กไว้แล้ว
เอาเถียนเถียนใส่เป้ไว้ในอ้อมแขน แล้วคลุมด้วยเสื้อโค้ต เถียนเถียนก็จะไม่หนาว
ไม่นาน มีเสียงเครื่องยนต์ดังอยู่ด้านหลัง
เมื่อซ่งซานสี่ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ เขาไม่หันไปมอง ก็รู้ว่าเป็นเสียงเครื่องยนต์ของรถบีเอ็มดับเบิลยู750
อย่างไรก็ตาม มีเสียงดุดันดังขึ้น “เฮ้ คนที่ขับมอเตอร์ไซค์สับปะรังเค แกกั๊กที่เยอะขนาดนี้ทำไม? รีบไสหัวออกไปไกล ๆ!”
ซ่งซานสี่ขมวดคิ้ว อืม?
น้ำเสียงคุ้นเล็กน้อย
อ้อ กู้หยุนม่ง เพื่อนร่วมชั้นสมัยมัธยมปลาย
ตอนนี้ เธอเป็นหนึ่งในผู้จัดการฝ่ายบริการลูกค้าของบริษัทจัดสรรหุ้น และซื้อขายล่วงหน้า ใหญ่ที่สุดในเมืองจงไห่
ตอนสมัยเรียน เธอเคยตามจีบซ่งซานสี่
เพราะตอนนั้นครอบครัวของซ่งซานสี่ร่ำรวย
แต่ซ่งซานสี่ปฏิเสธเธอ และลาออกจากโรงเรียน
และบังเอิญตอนนี้เจ้าพ่อสี่กำลังต้องการหาบริษัทเงินทุน กู้ยืมเงินเพื่อเป็นเงินทุน เล่นหุ้นด้วยอัตราทดสูง
และขณะนี้ กู้หยุนม่งรู้สึกกระวนกระวายใจ “แกหูหนวกเหรอ? ขี่มอเตอร์ไซค์สับปะรังเค แล้วยังมีหน้ามารับเด็กอีก รีบไสหัวออกไป!”
ซ่งซานสี่หันไปมอง เป็นกู้หยุนม่งจริง ๆ
ผู้หญิงหน้าตาสวย ขับรถบีเอ็มดับเบิลยู750 สีทอง
ผมเป็นลอน ใบหน้ารูปไข่ บอบบางและเย็นชา
สวมชุดสูทสีดำเข้ารูป และสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวอยู่ข้างใน
สาว สวย เซ็กซี่ เย็นชาและเย่อหยิ่ง
เพียงแค่ชั่วครู่ เธอก็สามารถดึงดูดความสนใจของผู้ชายได้มากมาย แต่ละคนแอบกลืนน้ำลาย
อยากให้เธอร้องเพลง《พิชิต》
“แกเอง?” กู้หยุนม่งรู้สึกตกใจ
ซ่งซานสี่พยักหน้าและยิ้มบาง ๆ “ผ่านไปหลายปีแล้ว คุณสบายดีไหม?”
ความจริงแล้ว เดือนที่แล้วเขายังเห็นเธอบนถนน
กู้หยุนม่งไม่เกรงใจแม้แต่น้อย ด่าด้วยสีหน้าเย็นชา “แกแกล้งบ้าทำไม? คนล้างผลาญ ทำร้ายเมีย ทำร้ายลูกสาว แกยังมีหน้ามารับลูกสาวอีกเหรอ? ฉันไม่เคยเห็นเศษสวะอย่างแกมาก่อน! แกยังมีหน้ายิ้มอีก? ทำไมไม่สำลักน้ำลายตนเองให้ตายไปเลย? รีบขับมอเตอร์ไซค์สับปะรังเคไสหัวออกไป!”
อย่างไรก็ตาม คราวที่แล้วตอนที่พวกเขาพบกัน เธอด่าซ่งซานสี่เช่นกัน แต่เขาไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองแม้แต่น้อย
การถูกปฏิเสธตอนวัยรุ่น เป็นความอัปยศของกู้หยุนม่ง และเป็นจุดด่างพร้อยของชีวิตเธอ
เมื่อเห็นซ่งซานสี่ตกอับ เธอรู้สึกมีความสุขมาก ดังนั้นเธอจึงซ้ำเติม เพื่อทำให้เขาขายหน้า
ผู้ปกครองทุกคนหันมามองทันที
“เหี้ย! ยังมีผู้ชายแบบนี้ด้วยเหรอ?”
“ทำร้ายลูกเมีย ยังถือเป็นผู้ชายอยู่อีกเหรอ?”
“มิน่าถึงได้ยากจน ถึงขนาดต้องขับมอเตอร์ไซค์......”
“สงสารลูกเมีย.....
ทุกคนประณามและเยาะเย้ย
ซ่งซานสี่ไม่สนใจแม้แต่น้อย และกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “กู้หยุนม่ง อย่าให้เป็นเพราะตอนสมัยเรียน ผมไม่สนใจคุณ และปฏิเสธคุณ คุณเลยต่อว่าผมแบบนี้?”
ทุกคนต่างรู้สึกตกตะลึง
แม่งฉิบหาย นึกไม่ถึงว่าคนที่สวยขนาดนี้ จะเคยชอบเศษสวะแบบนี้?
ตาบอดเหรอ?
“คนไร้ยางอาย ใครเคยชอบแก? อย่ามาคิดเข้าข้างตัวเองอยู่ที่นี่ คนบ้า!” กู้หยุนม่งโกรธจนอกแทบระเบิด เธออยากเหยียบคันเร่ง แล้วชนซ่งซานสี่ตาย
และแน่นอนว่าเธอไม่ยอมรับอยู่แล้ว
ขณะนี้ ซ่งซานสี่เข็นรถออกไป และมีที่ว่างแล้ว
กู้หยุนม่งรีบขับรถเข้ามาจอดทันที
ตอนที่เธอลงจากรถ กลิ่นหอมเย้ายวนที่ชวนหลงใหลก็โชยมา
ซ่งซานสี่กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “คุณมีลูกแล้วเหรอ? ผมไม่เคยได้ยินว่าคุณแต่งงานแล้ว และทำไมคุณไม่เชิญเพื่อนนักเรียนเก่าอย่างผมไปดื่มเหล้ามงคลด้วย”
“สารเลว! คนเลวย่อมไม่พูดในสิ่งที่ดี! ฉันแต่งงาน จะเชิญแกเหรอ? ถึงจะเชิญขอทานข้างถนน ฉันก็ไม่เชิญแกหรอก! เศษสวะอย่างแก ไม่สมควรที่จะมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้หรอก!”
หลังจากพูดจบ เธอล็อกรถ เก็บกุญแจไว้ในกระเป๋า สะพายกระเป๋าใบเล็ก หันหลังแล้วเดินไปทางโน้น
ซ่งซานสี่เดินผ่านเธอ แล้วยืนขวางอยู่ตรงหน้า “เพื่อนนักเรียนเก่า คุณมารับลูกจริงๆ เหรอ?”
“ไสหัวออกไปให้พ้น! ฉันมารับแทนเจ้านาย!”
“อ้อ ผมคิดว่าเป็นลูกของคุณเสียอีก! รถคันนี้ของคุณไม่เลว ไฟใหญ่สว่าง รถโค้งมน ด้านหลังกว้าง และรถแรงใช่ไหม” ซ่งซานสี่พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
“ฉัน.....แกไม่ต้องมาวิพากษ์วิจารณ์รถคันนี้? เพราะแกไม่มีปัญญาขับรถที่เหมือนของฉันได้หรอก?”
กู้หยุนม่งมองเขาด้วยสายตาดุดัน แล้วเดินจากไป
ความจริงแล้ว เธอขับรถของเจ้านายมา
เธอไม่มีปัญญาซื้อรถแบบนี้หรอก
เมื่อก่อนซ่งซานสี่เคยมีรถแบบนี้ แต่เขาเสียพนันไปแล้ว
ในเมื่อเขาคิดว่าเป็นรถของเธอ เธอจึงทำเป็นเย่อหยิ่งและฟุ้งเฟ้อสักครั้ง
เพราะอย่างไร เธอก็ไม่คบหาสมาคมกับผู้ชายแบบนี้หรอก และเขาไม่มีวันรู้ว่ารถคันนี้ไม่ใช่ของเธอ
เด็กอนุบาลสามเดินออกมาก่อน
ไม่นาน กู้หยุนม่งก็จูงมือเด็กอ้วนออกมาคนหนึ่ง
เด็กอ้วนเหลือบมองซ่งซานสี่ที่นั่งอยู่บนมอเตอร์ไซค์และขมวดคิ้ว “ป้าม่งม่ง ผู้ชายคนนี้ยากจนมาก เขาไม่มีรถยนต์! ลูกของเขาจะหนาวตายไหม? ฮ่า ๆ......”
ซ่งซานสี่ยิ้มเล็กน้อยและกล่าวว่า “สวัสดี เจ้าหนู”
กู้หยุนม่งมองซ่งซานสี่ด้วยความเย็นชา “เสี่ยวเฉียง อย่าไปสนใจเขา เขาเป็นแค่ขยะ!”
“อ้อ ๆ ๆ ขยะ ขยะ!” เสี่ยวเฉียงรู้สึกตื่นเต้นมาก ตะโกนใส่ซ่งซานสี่ แลบลิ้นและทำหน้าผีใส่เขาอีกด้วย
ซ่งซานสี่ไม่สนใจเขา โยนก้นบุหรี่ลงถังขยะ แล้วเดินไปรอลูกสาวอยู่ทางโน้น
เสี่ยวเฉียงตะโกนด้วยความโกรธอยู่ข้างหลัง “ป้าม่งม่ง มัวทำอะไรอยู่?”
“รีบเปิดประตูเร็ว ฉันหนาวจะตายอยู่แล้ว! และหิวจะตายอยู่แล้ว! ฉันจะไปกิน KFC!”
“อีสารเลว แกกินกุญแจรถของพ่อฉันเข้าไปเหรอ? พรุ่งนี้แกไม่ต้องมารับฉัน คนไร้ประโยชน์!”
กู้หยุนม่งถูกด่า เธอเสียหน้ามาก และหน้าแดงระรื่น
มีคนมองเธอมากมาย! เป็นผู้หญิงที่ฟุ้งเฟ้อจริง ๆ!
แม้แต่ซ่งซานสี่ก็หันมามองด้วยสีหน้าประหลาดใจ และยิ้มอีกครั้ง ซึ่งทำให้เธอรู้สึกโมโหมาก
เธอกระวนกระวายจนเหงื่อเต็มหน้าผาก เธอค้นหาไปทั่วกระเป๋าแล้ว แต่ไม่พบกุญแจรถบีเอ็มดับเบิลยู...