ตอนที่ 4
หล่อนเดินมาหยุดที่หน้าห้อง ทาบคีย์การ์ดกับประตู และดันมันให้เปิดกว้างออก ผู้ชายที่หล่อนไม่รู้จักแม้แต่ชื่อเดินตามเข้ามา หล่อนดันบานประตูปิด และเสียบการ์ดเข้ากับช่องข้างประตู ไฟในห้องสวีทสว่างพรึ่บ
หล่อนยืนนิ่ง กวาดตามองไปรอบๆ ตัว เตียงนอนสีขาวขนาดใหญ่ตั้งอยู่กลางห้อง พวงแก้มนวลแดงระเรื่อทันทีเมื่อคิดว่าตัวเองจะต้องขึ้นไปนอนเปลือยเปล่ากกกอดอยู่กับผู้ชายที่ตัวเองแอบรักมานาน
ถึงแม้จะไม่ได้มีการร่วมรักกันจริงๆ แต่การได้อยู่ใกล้เขาในสภาพเกลี้ยงเกลาแบบนั้น มันก็ทำให้หล่อนรู้สึกร้อนฉ่าขึ้นมาอย่างน่าละอาย
“คุณยังเปลี่ยนใจทันนะครับ”
หล่อนเป่าลมออกจากปากแรงๆ ก่อนจะหันไปสบประสานสายตากับเขา
“ฉันไม่เปลี่ยนใจ ฉันต้องการทำแบบนี้”
“ไม่น่าเชื่อว่าผู้หญิงหน้าหวานๆ อย่างคุณจะทำแบบนี้ได้” น้ำเสียงของเขาทั้งผิดหวังทั้งดูแคลน
“คุณจะคิดยังไงก็ช่างเถอะ แต่ฉันต้องทำจริงๆ ฉันไม่มีทางเลือก”
“คุณมีทางเลือกมากมาย แต่คุณไม่เลือกเองต่างหาก คุณผู้หญิง”
หล่อนมองเขา แต่อ่านความรู้สึกจากสายตาของเขาไม่ออกเลยแม้แต่น้อย
“แม่บังคับให้ฉันแต่งงานกับผู้ชายที่ฉันไม่ชอบ ฉันจะต้องทำให้ผู้ชายคนนั้นล้มเลิกความคิดที่จะแต่งงานกับฉันให้ได้”
สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่หล่อนก็ยังอ่านความรู้สึกของเขาไม่ออกอยู่ดี
“เพราะอะไรคุณถึงเกลียดเขา”
“ฉันไม่ได้เกลียด แต่ฉันไม่อยากร่วมชีวิตด้วยต่างหากล่ะ ทำไมจะต้องมาบังคับกันก็ไม่รู้”
“เพราะคุณมีคนที่ชอบอยู่แล้ว”
คำพูดของเขาประโยคนี้ทำให้หล่อนหน้าแดงก่ำ และต้องเสหลบสายตาทันที
ก็เขาไง... คนที่หล่อนแอบรัก...
“ก็... ใช่...”
หล่อนได้ยินเสียงหัวเราะเยาะในลำคอแกร่งเบาๆ ก่อนที่เขาจะพูดขึ้นเสียงห้วน
“งั้นคุณต้องการให้ผมทำอะไร”
“อ้าว นี่ไพลินยังไม่ได้บอกคุณหรอกเหรอ”
“บอกมาว่าต้องการให้ผมทำอะไรบ้าง”
เขาไม่ตอบหล่อน แต่เลือกที่จะเค้นถามเสียงกระด้าง หล่อนรู้สึกหวาดกลัวเขาไม่น้อย
“ก็... แก้ผ้า แล้วขึ้นไปนอนบนเตียงด้วยกัน”
“แค่นั้นหรือ”
“ค่ะ... ฉันต้องการแค่นั้น”
หล่อนเห็นเขายิ้มหยัน
“ผมไม่เชื่อหรอกว่าคุณจะให้ผมทำแค่นั้น”
หล่อนหน้าร้อนผ่าว เมื่อถูกสายตาดูถูกของผู้ชายตรงหน้าจ้องมา
“ฉันต้องการแค่นี้จริงๆ และคุณก็ห้ามทำเกินเลยด้วย หวังว่าจะเข้าใจ”
เขาไม่ได้ตอบหล่อน แต่ยืนปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตแทน หล่อนเผยอปากค้าง เพราะทุกครั้งที่กระดุมหลุดออกจากรังดุม มันก็ทำให้ลมหายใจของหล่อนขาดหายไปจากปอดเช่นกัน
แผงอกกว้างเปิดเปลือยแก่สายตาของหล่อนทันที ที่เสื้อเชิ้ตสีน้ำตาลไหม้ถูกโยนทิ้งลงกับพื้น
หล่อนไม่เคยเห็นหน้าอกของผู้ชายคนไหนสมบูรณ์แบบเช่นนี้
มันทั้งกว้าง ทั้งรกไปด้วยเส้นขนหยิกๆ สีอ่อนกว่าเส้นผมของเขาเล็กน้อย กล้ามเนื้อที่หน้าท้องแน่นมาก เห็นรูปรอยซิกแพคได้ชัดเจนเต็มตา
พระเจ้า...
ทำไมเขารูปร่างดีแบบนี้นะ
หล่อนต้องรีบยกมือขึ้นซับน้ำลายที่มุมปากอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเบือนหน้าไปทางอื่น ซึ่งก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่มีสายเรียกเข้ามาพอดี
รัมภาเป่าปากอย่างโล่งอก ก่อนจะรีบเดินไปค้นหาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าสะพายที่วางอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้ง ก่อนจะเบิกตากว้างตกใจ เมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์ของใครโทรเข้ามา
“คุณแม่...”
หล่อนยืนลังเลอยู่เสี้ยวนาทีก็ตัดสินใจกดปิดเครื่องโทรศัพท์มือถือในที่สุด
“ขอโทษนะคะคุณแม่”
หล่อนหย่อนโทรศัพท์มือถือลงไปในกระเป๋าสะพายตามเดิม และหันมามองคนตัวโต ก็เห็นว่าเขาเดินออกไปนอกระเบียงแล้ว ในสภาพไม่สวมเสื้อแบบนั้น
หล่อนรีบเดินตามไปหยุดที่ประตูกระจก เอานิ้วแง้มเล็กน้อย เพื่อมองเขา และก็เห็นว่าเขากำลังยืนคุยโทรศัพท์มือถืออยู่
เขาคุยกับใครกัน?
อาจจะเป็นลูกค้าสาวๆ
รัมภาไม่อาจจะห้ามความไม่พอใจเอาไว้ได้ ทั้งๆ ที่ไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะคิดด้วยซ้ำ
“ครับ ไม่เป็นไรครับคุณป้า เอาไว้วันหน้าก็ได้ครับ ครับผม สวัสดีครับ”
หล่อนเห็นเขาวางสายแล้ว ก็รีบเดินออกห่างเพื่อไม่ให้เขารู้ว่าหล่อนแอบฟังอยู่ ขณะที่ในใจก็อดคิดถึงคุณป้าที่เขาคุยโทรศัพท์ด้วยไม่ได้
‘คงจะเป็นลูกค้าวัยดึกแต่กระเป๋าหนักสินะ’
หล่อนตวัดตามองเขาอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะออกคำสั่งให้เขาแก้ผ้าให้เสร็จแล้วขึ้นไปนอนบนเตียง
“ฉันจ่ายเงินซื้อเวลาของคุณมา ดังนั้นฉันไม่ชอบให้คุณเอาเวลาไปคุยกับลูกค้าคนอื่น”
แววตาของเขาที่จ้องมองตอบมานั้นมืดลึกและทำให้คนถูกมองอย่างหล่อนรู้สึกเสียวสันหลังแปลกประหลาด แต่ทำไมหล่อนต้องกลัวด้วยล่ะ ในเมื่อตอนนี้หล่อนคือเจ้านาย เป็นนายจ้าง
“ถอดกางเกง แล้วขึ้นไปนอนบนเตียงได้แล้วค่ะ”
เขาไม่ตอบ แต่ก็ทำตามความต้องการของหล่อนอย่างว่านอนสอนง่าย
กางเกงขายาวถูกสลัดออกไปกองกับพื้น ตอนนี้เรือนกายทรงพลังของเขามีเหลือเพียงกางเกงชั้นในบ็อกเซอร์เพียงตัวเองเท่านั้น
พระเจ้า... ทำไมเวลาเขามีเนื้อผ้าน้อยชิ้นแบบนี้ ถึงได้ดูใหญ่โตไปหมดเลยนะ
หล่อนเป่าปาก และก็พยายามละสายตาจากเรือนกายทรงพลังของเขา แต่ดูเหมือนว่าจะทำได้ยากมาก เพราะสายตาเจ้ากรรมมันกวาดมองไปทั่วทั้งเนื้อทั้งตัวของผู้ชายตรงหน้า