ตอนที่ 3
เวลานัดหมายห้าโมงเย็นหน้าร้านอาหารอิตาลีชื่อดัง รัมภามาก่อนเวลานัดยี่สิบนาที หล่อนโบกมือลาให้กับไพลินที่อุตส่าห์ขับรถมาส่งถึงที่ ก่อนจะเดินไปหยุดยืนอยู่ริมถนนห่างออกจากหน้าร้านอาหารหรูไปเพียงไม่กี่สิบเมตร
‘แกจำเอาไว้ให้ดีนะ ผู้ชายตัวสูงๆ ขับรถสปอร์ตสีบลอนด์เงิน หน้าตาหล่อมากๆ จะมาจอดอยู่แถวๆ หน้าร้านอาหาร แกเห็นปุ๊บก็เดินไปขึ้นรถได้เลยนะ’
‘แล้วทำไมไม่ให้เบอร์มือถือมาล่ะ แบบนี้เสี่ยงต่อการขึ้นรถผิดมากเลยนะแก’ หล่อนถามไพลินออกไปด้วยความไม่เข้าใจ
‘แหม ก็เขาไม่อยากให้เบอร์ใครน่ะสิ ก็คงประมาณว่าไม่ต้องการให้ใครติดต่อ เพราะมันเป็นเบอร์ส่วนตัวล่ะมั้ง แต่มันไม่มีปัญหาหรอก ทำตามที่ฉันบอกนี่แหละ’
‘โอเค’
หล่อนจำได้ว่าตัวเองรับปากไพลินออกไปแบบนั้นอย่างไม่มีทางเลือก
หล่อนยืนนิ่งๆ อยู่ไม่นานก็มีรถหรูตรงตามกับที่ไพลินบอกแล่นมาจอดตรงตำแหน่งนั้นพอดิบพอดี หัวใจของหล่อนเต้นแรงมาก ใจหนึ่งอยากจะยกเลิกทุกอย่างซะ แต่พอคิดว่าตัวเองจะต้องถูกบังคับให้แต่งงานกับภีมพัฒน์ หล่อนก็จำต้องก้าวเดินตรงไปหารถคันนั้น
หล่อนเดินมาหยุดใกล้ๆ รถหรู ก่อนจะยกมือขึ้นเคาะกระจกรถสองครั้ง ไม่นานกระจกรถก็ลดลงครึ่งบาน และเมื่อหล่อนมองเข้าไปในนั้น ก็แทบช็อกตาค้าง
นี่มัน... ผู้ชายคนนั้นนี่...!
มันยิ่งกว่าอาการช็อก หล่อนไม่อาจจะบรรยายความรู้สึกตอนนี้ออกมาเป็นคำพูดได้ รู้เพียงแต่ว่าลมหายใจสะดุดอยู่แค่ลำคอ
หล่อนตามหาเขา พยายามหาทุกทาง แต่ก็ไม่เคยพบเจอเขาเลย จนกระทั่งตอนนี้ เขานั่งอยู่ในรถหรูตรงหน้า และกำลังมองมาที่หล่อนด้วยสายตาเรียบเฉย
เขาอาจจะจำหล่อนไม่ได้
นั่นสินะ มันผ่านมาสามปีแล้ว และที่สำคัญเขาก็ไม่ได้ชอบพออะไรหล่อน เหมือนกับที่หล่อนตกหลุมรักเขาเข้าอย่างจัง ดังนั้นมันจึงไม่ผิดที่เขาจะทำหน้างงๆ แบบนี้
นี่มันโชคดีหรือโชคร้ายกันนะ ที่มารู้ว่าผู้ชายที่ตัวเองเฝ้าคิดถึง เฝ้ารอคอยจะพบหน้าอีกสักครั้ง เป็นผู้ชายขายบริการ
“มีอะไรหรือครับคุณผู้หญิง”
หล่อนสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อเขาเอ่ยถามออกมาเสียงเรียบ
“เอ่อ... ฉันมาตามนัดค่ะ”
“ตามนัด?”
ทำไมเขาจะต้องทำหน้างงด้วย หรือว่านี่คืออาการแสดงที่จะปกปิดตัวตนและอาชีพของผู้ชายพวกนี้
“ค่ะ ขอฉันขึ้นรถนะคะ”
หล่อนรู้ว่าเขาจะต้องแกล้งทำเป็นปฏิเสธ แต่หล่อนไม่สนใจหรอก อย่างน้อยๆ ผู้ชายที่จะมาช่วยทำให้หล่อนมีข่าวฉาวก็คือเขา
เขาที่หล่อนแอบรักมานานถึงสามปีเต็ม...
“ผมไม่เข้าใจครับ”
“คุณขับรถไปเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันจะบอกทางไปโรงแรมให้กับคุณเอง”
“โรงแรม?”
“ใช่ค่ะ”
หล่อนตอบรับเสียงน้ำเสียงที่ผ่านการปั้นแต่งมาอย่างดี หล่อนจะต้องไม่ประหม่า จะต้องไม่แสดงท่าทางหวาดหวั่นออกไป ต้องยิ้ม และทำตัวให้ผ่อนคลายที่สุด
“ออกรถสิคะ”
สายตาสีดำขลับของผู้ชายข้างตัวมองมาด้วยสายตามืดลึก ซึ่งหล่อนไม่อาจจะอ่านความรู้สึกของเขาได้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
หล่อนพยายามยิ้มออกมา บอกตัวเองให้ผ่อนคลาย แต่เม็ดเหงื่อกลับผุดขึ้นในอุ้งมือตลอดเวลา จนฝ่ามือเปียกชื้นไปหมด
“เลี้ยวซ้ายตรงแยกนี้แหละค่ะ”
เขาทำตามอย่างว่าง่าย
หล่อนลอบช้อนตามองใบหน้าของเขา ก่อนจะต้องยกมือขึ้นกุมหน้าอกเอาไว้ ความหล่อเหลาของเขาเพิ่มมากขึ้นตามระยะเวลาที่ไม่ได้เจอกันเลย
หล่อนจำเขาได้แม่น และก็อยากจะบอกกับเขาว่าหล่อนคือไกด์คนนั้นที่อังกฤษ แต่ก็กลัวความอับอาย หากเขาจำไม่ได้
ยังมันเถอะ ปล่อยให้มันหายไปตามกาลเวลา อย่าไปรื้อฟื้นอะไรเลย
รัมภาน้ำตาซึม รู้สึกสับสนอลหม่านไปทั้งอก ผิดหวัง เสียใจ และหวาดกลัว
“โรงแรมนี้หรือครับ” น้ำเสียงของผู้ชายข้างตัวห้วนจัดเมื่อเลี้ยวรถเข้ามาจอดที่หน้าโรงแรมหรูระดับห้าดาวใจกลางเมืองหลวง
หล่อนรีบจ้องมอง ก่อนจะตอบเขาเสียงสั่นๆ
“ใช่ค่ะ ที่นี้แหละ ฉันจองห้องสวีทเอาไว้แล้ว”
หล่อนเห็นเขาหันมามอง สายตาของเขาเต็มไปด้วยความเหยียดหยามดูแคลน แต่แวบเดียวเท่านั้นมันก็ถูกความมืดมิดมากลบทับ
“เรารีบขึ้นห้องกันเถอะค่ะ”
หล่อนกำลังจะก้าวลงจากรถ แต่อุ้งมือใหญ่อบอุ่นจนร้อนผ่าวของเขาก็คว้าแขนเอาไว้เสียก่อน
“คุณแน่ใจนะว่าจะทำแบบนี้”
“ค่ะ ฉันแน่ใจ”
“ไม่มีผู้หญิงดีๆ คนไหนทำกันแบบนี้หรอกครับ”
“ก็ฉันต้องการเป็นผู้หญิงไม่ดียังไงล่ะ คุณไม่ต้องพูดอะไรแล้ว หน้าที่ของคุณคือทำตามที่ฉันต้องการ”
หล่อนดึงแขนออกจากอุ้งมือหนา ก่อนจะก้าวลงไปจากรถทันที
เขาก้าวตามลงมา และเมื่อมายืนใกล้ๆ กัน หล่อนก็พบว่าเขาตัวใหญ่เหลือเกิน หัวใจของหล่อนสั่นเทา รู้สึกอ่อนไหวจนกลัวใจตัวเอง
หล่อนสบตากับเขาแวบเดียว ก่อนจะเดินนำเข้าไปภายในโรงแรมหรู และเมื่อรับคีย์การ์ดมาจากพนักงานแล้ว หล่อนก็เดินนำเขาไปที่ลิฟต์ และมุ่งหน้าขึ้นสู่ห้องสวีท
ตลอดระยะเวลาที่อยู่ในลิฟต์ มีอยู่หลายครั้งที่หล่อนอยากจะล้มเลิกความตั้งใจนี้ แต่พอนึกถึงการคลุมถุงชนที่ไม่ปรารถนา หล่อนก็กัดฟันที่จะทำต่อไป
ประตูลิฟต์เปิดกว้างออก หล่อนก้าวออกมา และเสียงฝีเท้าหนักๆ เขาก็ตามหลังมาติดๆ