ตอนที่ 2 ของหมั้น
ตอนที่ 2 ของหมั้น
@ไร่ชาทางภาคเหนือของประเทศไทย
อันดา หญิงสาวตากลมใบหน้าหวานสวย รูปร่างอรชรวัยยี่สิบเอ็ดปี เธอมีนามว่าอันดา เธอเป็นลูกสาวคนโตของคุณพ่อคิมหันต์กับคุณแม่มุจลินท์ แต่ไม่ได้เป็นลูกแท้ๆของพวกท่านทั้งสอง เพียงแต่พวกท่านทั้งสองได้เลี้ยงเอาไว้เป็นลูกเท่านั้น
อันดามีน้องชายหนึ่งคนชื่อเคน เคนเกิดจากคุณพ่อกับคุณแม่ที่เลี้ยงดูอันดามาตั้งแต่อันดาลืมตาดูโลก ถึงอันดาจะไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆของคุณพ่อกับคุณแม่ แต่ทุกคนในครอบครัวก็รักอันดาเหมือนลูกเหมือนหลานคนหนึ่งของบ้านเลยก็ว่าได้
อันดามักจะมีนิสัยดื้อรั้นและซน เป็นปกติของเด็กที่เติบโตมากับไร่กับสวน ที่เป็นธุรกิจหลักของครอบครัวที่เลี้ยงดูอันดามา
นอกจากสภาวะสิ่งแวดล้อมที่อันดาอยู่แล้ว เธอยังถูกเลี้ยงและถูกสั่งสอนมาให้เข้มแข็ง คิมหันต์คุณพ่อที่เลี้ยงดูอันดามา ท่านส่งอันดาเรียนวิชาพิเศษเช่น ว่ายน้ำ ยิงปืน และศิลปะการต่อสู้ ซึ่งอันดาเองก็ชอบกีฬาจำพวกนี้เป็นที่สุด
“ปัง! ปัง! ปัง!” เสียงลูกกระสุนออกจากปลายกระบอกปืนที่อันดาถืออยู่ในมือท่าทางทะมัดทะแมง บ่งบอกว่าเธอนั้นชำนาญมาก แถมเป้าที่อันดาเล็งก็ไม่ได้พลาดเลยแม้แต่จุดเดียว เธอวางปืนลงพร้อมกับส่งยิ้มให้น้องชาย
“สุดยอดไปเลยครับ ฝีมือไม่เคยตกเลยนะครับนี่พี่สาวผม” เคนเอ่ยชมพี่สาวที่ทั้งสวยทั้งเก่ง
“ตานายแล้ว ใครแพ้เลี้ยงข้าว” อันดาหันมาพูดกับน้องชาย
“ผมไม่เคยชนะพี่ได้สักครั้ง ยอมแพ้เลยได้มั้ยครับ” ปีนี้เคนเพิ่งจะอายุย่างเข้าสิบแปดปี เพิ่งจะฝึกยิงปืนได้ไม่นานมานี้เอง
“ไม่ได้ เกิดเป็นลูกผู้ชายห้ามยอมแพ้ใครง่ายๆ โดยเฉพาะผู้หญิง” อันดาสอนน้องชายด้วยรอยยิ้ม อันดาถูกเลี้ยงและถูกสั่งสอนมาตั้งแต่เด็กให้เป็นคนเข้มแข็งอยู่เสมอ ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นผู้หญิงก็ตาม แต่เธอก็ยังมีสายเลือดนักสู้ของท่านพ่อเพชรตะวันอยู่เต็มตัว
“ผู้หญิงอย่างพี่ เว้นไว้สักคนได้มั้ยครับ” อันดาเป็นผู้หญิงจัดว่าตัวเล็ก สูงหนึ่งร้อยหกสิบ รูปร่างอรชร ทะมัดทะแมง ว่องไว
“ไอ้เจ้านี่ สอนไม่รู้จักจำ ถ้างั้นไปพี่เลี้ยงข้าวนายเอง” สุดท้ายคนเป็นพี่ก็ต้องยอมเลี้ยงน้องอยู่ดี เพราะเคนคงไม่สามารถเอาชนะอันดาได้อยู่แล้ว
“พี่มาถูกทางแล้วครับ เป็นพี่ก็ต้องเลี้ยงน้องสิ”
“เป็นแบบนี้ทุกที ไป!” อันดาส่ายหน้าเบาๆให้น้องชายพร้อมกับอมยิ้ม แล้วทั้งสองพี่น้องจึงพากันไปทานข้าว โดยมีคนเป็นพี่จ่ายค่าอาหารทั้งหมด
ตกเย็นอันดาและน้องชายกลับมาบ้านตามปกติ เห็นคุณพ่อและคุณแม่นั่งมองมาที่อันดาด้วยสีหน้าตึงๆ เหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่
“คุณพ่อคุณแม่ทำไมมองอันดาอย่างนี้คะ” อันดาถามเสียงหวาน ซึ่งเคนที่เดินเข้ามาด้วยกันก็รู้สึกได้เหมือนกัน
“นั่นสิครับ วันนี้มองพี่อันดาแปลกๆนะครับ”
“นั่งก่อนสิลูก พ่อกับแม่มีเรื่องจะพูดด้วย” ทั้งสองพี่น้องยอมนั่งลงแต่โดยดี ที่จริงเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเคน แต่ท่านทั้งสองก็อยากให้เคนรู้ว่าต่อไปอันดาจะไม่ได้อยู่กับพวกเราอีกต่อไปแล้ว
“อันดาจำสร้อยเส้นนี้ได้มั้ยลูก” คิมหันต์ถามลูกสาว ตอนอันดายังเด็กคิมหันต์เคยหยิบมาให้อันดาดู แต่ตอนนั้นอันดายังเด็กมาก คิมหันต์จึงยังไม่ได้พูดเรื่องนี้กับลูกสาว
“จำได้ค่ะ ตกลงสร้อยเส้นนี้มีอะไรหรือเปล่าคะ” สร้อยคอทองคำ มีจี้รูปหัวใจเป็นทองคำเช่นกันแต่มีเพชรน้ำงามเม็ดใหญ่ถูกประดับอยู่ด้านหน้า ส่วนด้านหลังเป็นตราสัญลักษณ์ของกษัตริย์ ดูจากสีหน้าของคุณพ่อกับคุณแม่แล้ว อันดารู้สึกว่าสร้อยเส้นนี้ต้องมีอะไรแน่ๆ
“สร้อยเส้นนี้เป็นของหมั้น...ของลูก” คนเป็นพ่อยังพูดไม่ทันจบ
“หมั้น! หมั้นใครเหรอครับคุณพ่อ” เป็นเคนที่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอยากรู้อยากเห็น
“อันดา...” คุณพ่อคิมหันต์มองไปที่อันดาบ่งบอกว่าของหมั้นชิ้นนี้เป็นของอันดา
“อันดาเหรอคะคุณพ่อ” อันดาเคยเห็นสร้อยเส้นนี้แล้วก็จริง แต่เธอไม่เคยรู้มาก่อนว่าสร้อยเส้นนี้จะเป็นของหมั้น แล้วใครกันที่เป็นคู่หมั้นของเธอ
“ใครเป็นคู่หมั้นกับพี่อันดาเหรอครับ” เป็นเสียงเคนที่เอ่ยถามแทนพี่สาว โดยมีคุณแม่นั่งฟังอยู่เงียบๆ
“เจ้าชายองค์เล็กของประเทศรัสเนเปย์” สิ้นเสียงของคุณพ่อ อันดารู้สึกขนรุกยังไงก็ไม่รู้ สิ่งที่ได้ยินเหมือนความฝันเลย ผู้หญิงที่เติบโตมากับไร่กับสวนจะมีสามีเป็นถึงเจ้าชายได้ยังไง
“ห๊ะ! เจ้าชาย” เป็นเสียงเคนที่ดังขึ้นมาอีกครั้ง ถึงอันดาจะไม่ได้ส่งเสียงอะไรแต่เธอก็รู้สึกตื่นเต้นและตกใจไม่แพ้กัน
“ทำไมอันดาถึงไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลยคะ”
“พ่อยังไม่อยากบอกเรา เพราะเห็นว่ายังไม่ถึงเวลา อีกอย่างพ่อกับท่านพ่อของลูกก็อยากให้อันดาเรียนให้จบก่อนด้วย” ซึ่งตอนนี้เธอเรียนจบแล้ว วันนี้พวกท่านจึงเรียกมาพูดเรื่องนี้ ซึ่งทางโน้นก็เร่งมาด้วย
“ถ้าวันนั้นมาถึง แม่คงคิดถึงอันดามากแน่ๆ” ก็ท่านเลี้ยงของท่านมาตั้งแต่อันดาตัวเล็กๆ
“ใครบอกว่าอันดาจะไปอยู่ที่อื่นคะ อันดาไม่ไปอยู่ที่ไหนทั้งนั้น” อันดาปฏิเสธ เธอเกิดที่นี่ โตที่นี่ เธอก็อยากอยู่ที่นี่ ที่นี่คือบ้านของเธอ แล้วเธอก็รักทุกคนที่นี่มาก
“อันดากล้าเหรอ แล้วท่านพ่อของลูกล่ะ ก่อนจะคิดหรือจะพูดอะไร ก็ควรคิดให้ดีก่อน” อันดารู้ว่าพวกท่านทั้งสองคนนี้ไม่ใช่พ่อแม่ที่แท้จริงของเธอ เพราะท่านพ่อตัวจริงของเธอเดินทางมาหาบ่อยตั้งแต่เด็ก ท่านทำงานเป็นทหารองครักษ์ เรื่องนี้อันดาและทุกคนทราบดี
“คุณพ่อไม่อยากให้อันดาอยู่ที่นี่แล้วเหรอคะ” อันดาเริ่มอ้อน
“ไม่ใช่แบบนั้นนะลูก พ่อก็ใจหายอยู่เหมือนกัน วันนี้ที่พ่อมาพูดกับอันดาเพราะทางโน้นเขาส่งข่าวมาแล้วว่าเจ้าชายกำลังเดินทางมารับลูกด้วยพระองค์เองเลยนะ”
อันดาทำท่าเหมือนอยากจะร้องไห้ ชีวิตของเธอกำลังจะเปลี่ยนไป แต่ถึงยังไงเธอก็คงต้องยอมเพราะเห็นแก่ท่านพ่อของเธอ ครั้นจะหนีก็คงไม่สมควร ท่านพ่อของเธอคงหัวหลุดออกจากบ่าแน่
“คุณแม่ขา...” น้ำเสียงออดอ้อนของลูกสาวถูกส่งไปให้กับคุณแม่มุจลินท์ เพื่อของความช่วยเหลือ แม่ที่เลี้ยงดูอันดามาตั้งแต่อันดายังเด็ก ส่วนแม่แท้ๆของเธอ เสียชีวิตไปตั้งแต่อันดาลืมตาดูโลกแล้ว
“จำไว้นะลูก ที่นี่ยินดีต้อนรับลูกเสมอ ถ้าหากวันหนึ่งลูกมีปัญหา กลับมาหาพ่อกับแม่ที่นี่ได้ตลอดเวลาเลยนะ” คุณแม่เขยิบเข้าไปหาลูกสาวแล้วลูบศีรษะของอันดาเบาๆ พวกท่านทราบดีว่าหนทางข้างหน้าที่อันดาจะต้องเจออาจจะไม่ได้อิสระเท่ากับอยู่ที่นี่
“ปฏิเสธไปไม่ได้เหรอคะ อันดาเกิดที่นี่ โตที่นี่ อันดาก็อยากอยู่ที่นี่”
“ถ้าทางโน้นเขาเป็นแค่คนธรรมดา พ่อคงจัดการปฏิเสธให้อันดาไปตั้งแต่อันดายังไม่ได้สองขวบแล้ว”
“ห๊า...พี่อันดามีคู่หมั้นตั้งแต่ยังไม่สองขวบเลยเหรอครับนี่” เคนพูดแทรกขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น
“เอาล่ะ อันดาฟังพ่อนะลูก...” คิมหันต์ชั่งใจนิดหนึ่งก่อนจะพูดกับลูกสาวต่อว่า...
“อันดาโตแล้ว ไปอยู่ที่โน้นอาจจะไม่อิสระเท่ากับอยู่ที่นี่ ก่อนที่อันดาจะทำอะไรลงไป พ่อขอให้อันดาคิดก่อนทำเสมอ อย่าใจร้อน ถ้าไม่รู้ว่าจะทำเพื่อใครก็ให้ทำเพื่อตัวเองนะลูก” ท่านรู้ดีว่าลูกสาวคนนี้ของท่านเป็นคนหัวดื้อและไม่ค่อยยอมใครง่ายๆ แต่ที่นี่กับที่นั่นมันแตกต่างกัน หวังว่าอันดาจะแยกแยะได้
“ท่านพ่อนะท่านพ่อ!” อันดาพูดถึงบิดาแท้ๆของเธอ ถึงท่านจะไม่ได้เลี้ยงดูอันดามาแต่ท่านก็ไม่เคยทิ้ง แวะเวียนมาหาอยู่ตลอด
“เพชรตะวันรักลูกมาก ลูกรู้ใช่มั้ย”
“ค่ะ...คุณพ่อ แต่...”
“ไม่มีแต่ ไม่ว่าจะยังไงลูกก็ต้องไป”
“การที่ผู้หญิงธรรมดาๆคนหนึ่ง จะได้เข้าไปอยู่ในวังมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย อันดามีบุญมากนะรู้มั้ย ไม่เกินอาทิตย์หน้าลูกคงได้เห็นหน้าเจ้าชาย” อาทิตย์หน้า! อันดารู้สึกว่ามันเร็วเกินไป เธอยังไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจสำหรับเรื่องนี้เลย
“คุณพ่อคุณแม่ แต่อันดายังไม่พร้อมนี่คะ”
“ลูกพร้อมแล้ว แล้วก็พร้อมมาก” เป็นเสียงคุณพ่อคิมหันต์ สิ่งที่คิมหันต์พูดว่าอันดาพร้อมแล้วและพร้อมมาก เป็นเพราะเขาปูทางทุกอย่างไว้ให้อันดาตั้งแต่เด็กแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นความรู้ที่อันดามี หรือแม้แต่จะเป็นทางด้านบุคลิกภาพ ภาษาของรัสเนเปย์ ทั้งพูดและอ่านออกเขียนได้ ถึงเธอจะดูแข็งๆไปบ้างแต่ลึกๆแล้วอันดาก็อ่อนโยนไม่แพ้กับหญิงสาวทั่วไป เพราะเธอได้นิสัยแม่กับนิสัยพ่อมาอย่างละครึ่ง
“คุณพ่อหมายความว่ายังไง อันดาไม่เข้าใจ” อันดาตะแคงคอถามอย่างน่ารัก ด้วยสีหน้างุนงง
“กีฬาต่อสู้ที่ลูกชอบ และความรู้ที่ลูกได้เรียนรู้นั่นไง ไม่ต้องไปกลัวใคร พ่อเคยสอนเอาไว้ว่ายังไง” อันดาสามารถไปอยู่ที่นั่นได้อย่างสบายก็คือ เธอพูด อ่าน และเขียนภาษารัสเนเปย์ได้ค่อยยิ่งกว่าเจ้าของภาษา เพราะท่านพ่อของเธอสอนให้ตั้งแต่อันดายังเล็ก และทุกสิ่งทุกอย่างพวกนี้ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ทุกคนปูทางไว้ให้เธอหมดแล้ว เหลือก็แต่เรื่องการปรับตัวที่จะต้องเข้าไปอยู่ในวังเท่านั้น ซึ่งคิมหันต์คิดว่าลูกสาวของตนย่อมทำได้แน่นอน
“อย่ายอมแพ้อะไรง่ายๆ” อันดาตอบ เพราะเป็นสิ่งที่อันดาถูกสอนมา เพื่อให้เป็นเกาะป้องกันในยามที่เธอโตขึ้น
“ใช่แล้ว อะไรที่ยังมาไม่ถึง ก็ยังไม่ต้องไปคิดมัน พ่อเชื่อว่าลูกของพ่อจะต้องผ่านทุกเรื่องไปได้ แล้วก็ต้องมีความสุขด้วย”
“คนที่จะต้องแต่งงานกันจะต้องรักกันก่อนไม่ใช่เหรอคะ” ข้อนี้อันดาไม่เข้าใจ แล้วเธอเองก็ยังไม่เคยมีความรักเลยด้วยซ้ำ
“เคยได้ยินมั้ย อยู่เพราะหน้าที่ แม่เชื่อว่าเจ้าชายคงไม่ใจร้ายกับลูกของแม่มากจนเกินไป เขาเองก็คงต้องอยู่เพราะหน้าที่เหมือนกัน อันดาทำหน้าที่ของอันดา เจ้าชายเขาก็ทำหน้าที่ของเขา ความเข้าใจกันเท่านั้น จะทำให้อยู่กันได้ตลอดรอดฝั่ง” คนเป็นแม่เอ่ยขึ้นสอนลูกสาว เพราะกว่าที่ท่านจะมีวันนี้ได้ ท่านก็อยู่เพราะหน้าที่เหมือนกัน
“แต่อันดาดื้อนะคะ เจ้าชายจะทนอันดาไหวเหรอ” อันดาพยายามหาข้อเสียของตัวเอง เพราะยังไงเธอก็ยังรู้สึกไม่อยากไปอยู่ดี
“ฮ่าๆๆ รู้ตัวด้วยเหรอว่าตัวเองดื้อ พ่อคิดว่า อันดาอาจจะกำลังเจอมวยถูกคู่ก็ได้” คิมหันต์แอบได้ข่าวมาว่า องค์ชายอีริคก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน
“อันดาไม่กลัว” เธอพูดขึ้นพลางเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย
“พี่อันดา เขาเป็นเจ้าชายนะ!”
“พี่โตแล้ว พี่รู้น่าว่าอะไรเป็นอะไร อะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ” คนเป็นพ่อเป็นแม่ที่ได้ยินลูกสาวพูดคำนี้ออกมา ก็รู้สึกเบาใจลงไปได้หน่อย อย่างน้อยอันดาก็รู้หน้าที่ของตัวเอง ไม่เสียแรงที่ตั้งแต่เล็กจนโตพวกท่านทั้งสองพยายามอบรมสั่งสอน ภายนอกที่ดูแข็งๆแต่ภายในคนที่เลี้ยงมาย่อมรู้ดีว่าอันดาคนนี้ก็มีความอ่อนโยนไม่แพ้กับใบหน้าหวานๆของเธอเลย
“ดีลูก อย่าให้เสียชื่อคนเลี้ยงล่ะ” คุณพ่อเอ่ยขึ้นพลางหัวเราะชอบใจ
“อันดาไม่รับปากได้มั้ยคะ” คุณพ่อหุบยิ้มทันที แล้วหันไปทำหน้างอนๆใส่ลูกสาว ทำให้อันดายิ้มหวานจนตาหยีให้คุณพ่อแทน
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ก็ขึ้นไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวจะได้ลงมาทานข้าวพร้อมกัน” อันดาลุกขึ้นยืนแล้วเดินขึ้นชั้นบนไป โดยมีเคนเดินตามไปด้วย
ตั้งแต่อันดาเกิดมา เธอยังไม่เคยไปที่บ้านเกิดของท่านพ่อเพชรตะวันเลยสักครั้ง เธอจึงถือโอกาสนี้ไปเที่ยวสักหน่อยก็ดีเหมือนกัน...