ไม่ใส่ใจ
คำพูดขาดหายไปในลำคอไม่ได้รู้สึกอะไร แค่เพียงรับรู้อย่างที่เขาคิดว่าควรเป็นเช่นนั้น ซูจินยิ้มบางๆ
“ฝ่าบาทวันนี้จะค้างที่ตำหนักชิงหนิงกงหรือว่าต้องการจะเลือกป้าย”เดินเข้าใกล้ซูจินประคองกอด เบาๆ
“ค้างที่นี่ ป้ายพรุ่งนี้ข้าค่อยเลือกจะดีกว่าวันนี้ข้าอ่านฎีกามาทั้งวัน รบกวนให้ฮองเฮานวดให้หน่อยจะดีไม่น้อย”
ซูจินยิ้ม ก่อนจะซบหน้าลงบนอกกว้าง จางหลงตบที่ไหล่เบาๆอย่างเอาใจ เขาเอาใจใครไม่เป็นกิริยาที่ทำทั้งหมดเพื่อไม่ให้คนอื่นรู้สึกว่าเขาแปลกไปต่างหาก
ซินเฟย ตะแคลงตัวมองหาหญิงคนเดิม แต่ก็ไม่พบเมื่อฟ้าเริ่มมืดความหนาวเหน็บมาเยือนยกมือขึ้นกอดอกแน่น เพียงครู่เดียวที่หลับตาผ้าฝ้ายฝืนใหญ่ก็ห่มคลุมร่างให้อุ่นสบาย
“ลองขยับตัวดูเจ้าต้องเข้าไปข้างในกับข้าแล้วหิมะทำท่าจะตก คงร่วมเสียใจกับเจ้า”
ซินเฟยรู้สึกปวดท้องจนแทบทนไม่ไหว เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดขึ้นที่ใบหน้า
“อาวุโสข้าปวดท้องเหลือเกิน”
มือเหี่ยวคลำที่ท้องเป็นก้อนแข็งของซินเฟยไปมา เลือดสีแดงไหลเปรอะเปื้อนเป็นทางลงไปยังเท้าเปลือยเปล่า หญิงชราส่ายศรีษะไปมา
“เจ้าคงรักษาเขาไว้ไม่ได้แล้ว”
ซินเฟยปล่อยน้ำตาไหลริน สี่เดือนที่เฝ้าฟูมฟักดูแลตัวเองอย่างดี เพื่อมาถึงวันนี้อย่างนั้นหรือ
“เขาเป็นลูกของใคร”
ซินเฟยหลับตาไล่หยาดน้ำตา เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
“ช่างเถอะ เขาไม่สมควรได้เกิดมา ในเมื่อไร้ซึ่งความรักมีเพียงความเฉยชา”
“สวรรค์เปิดทางให้เจ้าต่างหาก พักผ่อนเสียเจ้าเสียเลือดมากไป ข้าจะออกไปขอแบ่งยาจากท่านหมอมาให้เจ้า”
ซินเฟยพยักหน้าก่อนจะหลับตาลงช้าๆ
เช้าสดใส ซินเฟยรู้สึกว่าบาดแผลค่อยเบาเทาความเจ็บปวดลงบ้างแล้ว แต่อาการปวดท้องยังคงอยู่
“แม่นางน้อยวันนี้ เจ้าคงต้องลุกขึ้นมานั่งบ้างได้แล้ว ข้าลงมือทำของกินมาให้เจ้า ที่นี่ไม่มีสิ่งใดให้เลือกกินมากนักมีเพียงอาหารแห้งที่นานจะมีคนนำมาส่งเสียทีข้าเลี้ยงไก่ไว้เก็บไข่มันมาทำอาหารเพื่อบำรุงร่างกายเจ้าให้ฟื้นตัว”
“ซินเฟยขอบคุณอาวุโสมากที่ช่วยเหลือ”
ใบหน้าเริ่มมีสีเลือดมาบ้างแล้ว
“เจ้ากับข้าล้วนพบกันโดยลิขิตสวรรค์ ข้าไม่ช่วยเจ้าเจ้าอาจตายแต่หากข้าช่วยเจ้า เจ้าจึงมีชีวิตรอดดิ้นรนต่อสู่ต่อไป ขอเพียงเจ้าอย่าท้อถอย หากไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อให้เง็กเซียนก็ช่วยเจ้าไม่ได้”
จางหลงยกมือขึ้นก่ายหน้าผาก ปล่อยตัวเองล่องลอยไปกับสัมผัสนั้น ค่ำคืนที่เขาโยนป้ายรายชื่อสนม จากสามสิบสิบคนเหลือเพียงคนเดียวลงบนถาดที่ขันทีเสี่ยวซานนำมาวางให้ตรงหน้า ไม่แม้แต่จะพลิกดูชื่อของนางด้วยซ้ำไป งานในราชสำนักชวนให้วุ่นวาย ค่ำคืนที่ไร้ซึ่งความเหน็บหนาว มิใช่ความเหน็บหนาวของเขาที่ต้องการคนมาอุ่นเตียง แต่เป็นเพราะเขามองเห็นใบหน้างดงามที่ไม่อาจละสายตาอย่างนั้นหรือ เพียงแต่เหลือบตามองยามนางเผลอ แววตาใสซื่อโศกสลดนั่นต่างหากที่ชวนให้เขาไม่ไล่นางไปเสียในคืนที่เหน็ดเหนื่อยนี้ เอ่ยทักเพียงแผ่วเบา
“เจ้ามาแล้วหรือ”
ร่างบางนั่งอยู่ในมุมหนึ่ง ข้างเปลวไฟไหวระริกกระทบเสี้ยวหน้าหวาน
“ซินเฟยมาแล้ว ฝ่าบาทจะทรงสรงน้ำหรือไม่”
เขาไม่จำแม้กระทั่งชื่อ นางลุกขึ้นเดินมาหมายจะปลดอาภรณ์ออกให้แต่อีกคนกลับเดินถอยห่าง เขาถูกเลี้ยงมาโดยฮ่องเต้ผู้เป็นบิดา ที่มีงานราชสำนักรัดตัวมารดาที่เป็นสนมเอกตายไปตั้งแต่เขายังเล็ก พ่อที่เป็นถึงฮ่องเต้ไม่เคยปกป้อง คอยแต่สั่ง..สอน ไม่เคยโอบกอดมีแต่กฎระเบียบนานาให้ปฏิบัติ
“ข้าจัดการเองได้”
ปลอดอาภรณ์ออกก่อนจะเดินไปแช่น้ำอุ่นที่นางเตรียมไว้ให้ มือบางตามเขาไปลูบไล้ขัดถู แต่ถูกกางกั้นไว้ก็ในเมื่อบางอย่างในกายเพิ่มขีดความร้อนจนเกือบระงับใจไม่อยู่
“เจ้าไปรอข้างนอกนั่น”