ลืมเลือน
ร่างบางใบหน้านิ่งจนเกือบเป็นหม่นหมอง แม้นางจะงดงามจนเขาตกตะลึงทว่าใบหน้ากลับหม่นหมองเศร้าสร้อย
ร่างบางยังนั่งอยู่หน้าเปลวไฟสีส้ม เขาซ้อนร่างมาอุ้มไว้ร่างเย็นชื้นด้วยหยดน้ำเกาะพร่างพราวกลิ่นพฤษาหอมละมุน ก่อนจะวางนางลงบนแท่นนอนไม่มีท่าทีขัดขืน คงจะถูกสอนมาอย่างดีในวิธีการปรนนิบัติฮ่องเต้
เขาสะบัดมือดับไฟที่ส่องสว่าง เป็นเพราะไม่อยากเห็นแววตาเศร้าสร้อยนั้น แต่กระนั้นแสงจันทร์ยังคงส่องลอดลงมา กระทบใบหน้าที่งดงาม ใบหน้าที่งดงามเช่นนั้นหรือ
หากจะว่าไปใบหน้างดงามของนางยังไม่ตรึงใจเท่าร่างขาวสล้างใต้ร่างเขาที่สะท้อนขึ้นลงหยิกกัดด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส ยามเขากระแทกเอวหนาลงไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาเองก็สุขสมจนเกือบจะเผลอเปล่งเสียงร้องครางด้วยความบีบรัดคับแน่นทนไม่ไหว จนถึงกลับต้องบดริมฝีปากกับปากบางของนางแนบแน่นไม่ได้กลัวว่านางจะร้องคราง แต่กลัวว่าตัวเองจะร้องครางให้เขินอายนางเสียเปล่า
เฝ้าปรนเปรอนางซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างลืมตัว ปกติเขามิใช่ผู้ที่ทำเรื่องเช่นนี้เขามักจะร่วมรักกับใครเพียงแค่ครั้งเดียว แล้วปล่อยตัวเองหลับไหลจนตะวันสายโด่งในวันที่ต้องการผ่อนคลายก็เท่านั้น แต่กับนางเขาพร่ำทำซ้ำๆจนเขาแปลกใจไม่มีเสียงร้องไม่มีคำพูดหลุดออกมา ไม่มีความออดอ้อนเหมือนสนมนางอื่น ราชสำนักและบ้านเมืองสำคัญอย่างที่ถูกสั่งสอนมา เรื่องในวังหลังเองก็ถูกสอนว่าห้ามละเลย แต่ร่างบางที่นอนระทวยอยู่บนแท่นนอนในค่ำคืนที่ผ่านมาทำเอาเขาสุขสม จนแทบไม่อยากจากลา ติดใจรสสวาทนางอย่างนั้นหรือ ทั้งที่ร่างสวยแค่เพียงบิดตัวขยับหนีแข็งขืนด้วยความเจ็บปวดหาใช่ความเสแสร้งหรือสุขสมเหมือนสนมนางอื่น
เขาลุกออกจากที่นอนยาม ทิ่ว (โฉ่ว) เท่ากับ เวลา 01.00 น. จนถึง 02.59น.ทั้งๆที่ยังรู้สึกว่ายังไมพอ เช้านี้มีงานในราชสำนักล้นมือ ไม่วายที่จะกดริมฝีปากกับหน้าผากเนียนอย่างนุ่มนวล เหมือนจะสั่งลา
ปกตินางสนมที่ถูกเลือกป้ายมักจะถูกชำระล้างในเช้าวันถัดมาเพราะจางหลงจะออกจากห้องในยาม จี๋ (ซื่อ) เท่ากับ เวลา 09.00 น. จนถึง 10.59 น.ของอีกวัน พวกนางจึงไม่มีทางที่จะตั้งครรภ์ได้ ฮองเฮาเองเข้มงวดกับเรื่องเหล่านี้และเป็นสิ่งเดียวที่จางหลงไม่เคยรู้มาก่อน เรื่องนี้ไม่มีใครกล้าแพร่งพรายออกไป
แต่ซินเฟยกลับถูกทอดทิ้งให้นอนเพียงลำพังก่อนจะหยิบอาภรณ์มาสวมใส่ก้าวออกจากห้องไปด้วยสีหน้าเรียบเฉยแต่ร่างกายบอบซ้ำ นี่อาจเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายของซินเฟย ในเมื่อสนมสามพันนางหกตำหนักตามกฎมณเทียรบาลจะเป็นไปได้อย่างไรที่ซินเฟยจะพบกับฮ่องเต้อีกครั้ง
กลับไปในห้องพักด้วยร่างกายที่บอบซ้ำอยู่ในนั้นเงียบๆเพียงลำพังไม่หวังจะให้จางหลงเรียกตัว เพราะแต่เดิมเขาก็ไม่เคยเรียกตัวใครเป็นพิเศษอยู่แล้ว
แล้วเขาก็ลืมเลือนนางไปซินเฟยคิด
ซินเฟยชันกายลุกขึ้นจากแท่นนอนแข็งที่ไม่มีแม้แต่ผ้าปูรอง บาดแผลถูกโบยหายจนเกือบสนิท อาวุโสจ้องมอง ซินเฟยที่พยายามลุกจากแท่นนอน
“เจ้าอย่าเพิ่งลุกจะดีกว่าร่างกายยังอ่อนแอ”
“ข้าดีขึ้นมากแล้ว ขอบคุณอาวุโส”
“ข้า ย่าหนาน เจ้าเรียกข้าว่าอาวุโสย่าหนาน”
“อาวุโสย่าหนาน”
“ข้ารู้ว่าเจ้า เจ็บปวดมากแค่ไหนกับการสูญเสียลูกในท้องไป”
ซินเฟยเหม่อมองไปไกล
“จะมีประโยชน์อะไรในเมื่อเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าข้าตั้งครรภ์ลูกของเขา”
“วังหลวงเจ็บปวดหนาวเหน็บ เช่นไรจึงจะหลุดพ้นหลายคนเวียนว่ายหลายคนค้นหา หลายคนต้องการเข้ามีมีชีวิตที่ดีที่นี่”
“ตำหนักเย็นแห่งนี้ยังน่าอยู่เสียกว่า”
“เจ้าไม่เหมาะกับที่นี่”
“อาวุโสท่านยังอยู่ได้ท่านเกรงว่าข้าจะมาช่วงชิงความสงบของท่านเช่นนั้นหรือ อย่าผลักไสข้าเลยข้าไร้หนทางไปแล้วจริงๆ”