ไว้ใจใครได้
หญิงชรารูปร่างท้วมเดินเข้ามาในท้องพระโรง หันมองมีมี่
“อืมมวันนี้ ชายาเจ้าสิบสี่สวยสดใสเหมาะกับงานมงคล”
มีมี่นึกคำพูดโต้ตอบว่าจะพูดว่าอย่างไรดี ไทเฮาเพียงแต่ยิ้มๆ ไม่ได้ถือสาอะไร
“ชายาน้องสิบสี่ อยู่กับน้องสิบสี่ไม่ทันไรซึมซับนิสัยพูดน้อยมาเสียสิ้น”
เมียขององค์ชายอะไรสักอย่างจีบปากจีบคอพูดเหน็บแนมมีมี่ มีมี่สูดลมหายใจขึ้นๆ ขึ้นเลย
“ขอบพระคุณ เอ๊ยขอบพระทัย เสด็จยาย”
เวร ต้องเสด็จย่านี่ รีบพูดไปหน่อย
“ขอบพระทัยเสด็จย่า มีมี่เองก็เห็นว่าทั้งฮองเฮาและเสด็จย่าวันนี้รัศมีเปล่งปลั่งงดงามเกินหญิงใด มีมี่เองแม้จะยังสาวอยู่แต่เมื่อมองแล้วกลับเห็นว่าคำพูดกล่าวเกินจริงหญิงงามอันดับหนึ่งต้องฮองเฮา หญิงงามอันดับสองจะต้องเป็น เสด็จย่าอย่างแน่นอน ”
ได้ยินคำว่าตัวเองเป็นอันดับสองมาจากหลายคนแล้ว ยกเอาเรื่องนี้มาเป็นประเด็นดีกว่า มีมี่ซะอย่าง
ฮองเฮายิ้ม ไทเฮาเองก็อมยิ้มเช่นกัน
“ช่างเข้าใจเปรียบเทียบ เช่นนั้นจึงวางใจเจ้าสิบสี่ อยู่กับชายาคนนี้เห็นทีจะหมดห่วง เอ้าลงมือกินกันได้แล้วย่าก็มาแล้ว”
มีมี่อมยิ้มมองอาหารตรงหน้า มีแต่ของมันๆไม่น่ากิน แปลกเวลาอ้วนทำไมชอบกินอะไรที่มันๆ พอผอมมาเห็นของอะไรพวกนี้ไม่อยากจะแตะต้อง องค์ชายแต่ละคนล้วนหน้าตาหล่อเหลาสะอาดสะอ้านแต่ดูเทียนหลันเซ่อของมีมี่สิ ทำไม๊ทำไม ทำตัวไม่สมกับเป็นองค์ชายจะต้องปฏิวัติกันเสียใหม่ทั้งหมด มีมี่เอาแต่มองคนนู่นที่คนนี้ที เที่ยนหลันเซ่อเองก็เอาแต่รินสุรากระดกลงคอ
“ท่านจะมาถอนแต่เช้าอย่างนี้ไม่ได้”
มีมี่ยื้อจอกสุราในมือของเทียนหลันเซ่อไว้ ตาจ้องตา ใบหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดเคราก้มลงเอาปากคาบจอกสุราในมือของมีมี่หน้าตาเฉย คนอะไรทั้งปลุกทั้งถอนจนไม่ได้สร่างแบบนี้
“น้องสิบสี่ดื่มสุราหนักขนาดนี้ เห็นไหมจินเซ่อมองตามตาไม่กะพริบคาดว่าอีกไม่นานคงไม่ต่างจากน้องสิบสี่”
องค์ชายห้าหงเซ่อพูดขึ้น
“จินเซ่อมาหาย่า”
ฮองเฮาเรียกเจ้าตัวกระเปี๊ยกไป มีมี่เริ่มเห็นเค้าลางบางอย่าง พ่อไม่รักพี่น้องรุมเกลียดจะมีคนที่รักหน่อยก็ไทเฮากับฮองเฮา จะต้องรู้ให้ได้ว่าไปทำอะไรใครเขาถึงรุมเกลียดขนาดนั้น
“ขากถุย”
ส่งเสียงขากเสลด มีมี่อ้าปากค้าง เมาหรือว่าแกล้งเมา หรือว่าร่างกายมีแอลกอฮอลล์อยู่ในกระแสเลือดอยู่แล้วก็เลยเมาไวไปหน่อย
หยินเซ่ออมยิ้ม
“นี่ สุภาพหน่อย เห็นหรือไม่ว่าคนอื่นหัวเราะเยาะท่านกันหมดแล้ว”
มีมี่กระซิบเบาๆ เทียนหลันเซ่อหาสนใจไม่ยกสุรากระดกลงคออีกจอกรินเพิ่มเองอีกจอกไม่รอให้ขันทีรินให้ มีมี่คว้าจอกสุรากระดกลงคอรวดเดียว หมดจอกเช่นกัน
เทียนหลันเซ่อรินอีกมีมี่ก็ยกขึ้นกระดกอีก เทียนหลันเซ่อจึง เลิกรินสุราเสีย
“เจ้าห้ากับเจ้าสิบสองหลายวันมานี้เรื่องสร้างเขื่อนเป็นอย่างไรบ้าง”
“กราบทูลเสด็จพ่อทุกอย่างล้วนเรียบร้อยดีข้ากับน้องสิบสองเราสองคนช่วยกันควบคุมการซ่อมแซมเขื่อนที่แตกให้กลับมาใช้การได้ดี”
“อืม ดี ดีมากทีเดียว เจ้าสองคนแบ่งเบาข้าได้ไม่น้อย”
“ฝ่าบาทตำแหน่งไท่จือ เหมาะที่จะเป็นขององค์ชายองค์ใดองค์หนึ่งในทั้งสองคนนี้ องค์ชายห้าละอียดถี่ถ้วนองคืชายสิบสอง ร่วมแรงแข็งขัน ทั้งสองล้วนถวายงานได้ดีเยี่ยม”
ขุนนางสอพลอคนหนึ่งเอ่ยปากขึ้น
“ข้าคงต้องไตร่ตรอง อีกไม่นานจึงจะมีการแต่งตั้งไท่จือแต่จากที่ดูแล้วก็คงเป็นเจ้าห้ากับเจ้าสิบสองที่จะเหมาะสม”
เทียนหลันเซ่อ รินสุราลงจอกสุราอีกครั้งมีมี่ไม่คว้าจอกสุรา ปล่อยให้เขายกสุราเทลงคอ ลุกขึ้นยืน มี่มีหันหน้าหันหลังก้าวตามไปติดๆ เจ้าเด็กกระเปี๊ยกนั่นไม่ยักตามนั่งกิน อาหารกับย่าเฉย
“ข้าไม่ควรอยู่ตรงนี้ด้วยซ้ำไป”
ก้าวขาจากไปมีมี่ส่ายหน้า ปอหลุนวิ่งแน่บตามไป มีมี่ถอนหายใจก้าวตามไปอีกคนภารกิจแสนหินยากเย็นเหลือเกินคนอะไรเอาแต่ใจสิ้นดี
“ปอหลุน ให้นางไปเสียข้าจะนอน”
ปอหลุนยิ้มเจื่อนๆ มีมี่ส่ายหน้าก่อนจะนั่งลงที่หน้าห้องไม่เข้าไปนอนก็นอนไปสิ
ปอหลุน เดินมายืนข้างๆ
“นายของเจ้า ข้าหมายถึงองค์ชายสิบสี่”
“ปอหลุนไม่เข้าใจ”รู้เขารู้เรารบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง
“เขาทำไมถึงถูกคนอื่นเกลียดชัง”
“องค์ชายเป็น ลูกที่ถือกำเนิดจากฮองเฮาเพียงคนเดียว ซึ่งองค์ชายองค์อื่นทรงถือกำเนิดมาจากอดีตฮองเฮาที่สิ้นพระชนม์ไปแล้ว”
“พ่อก็อยู่แม่ก็อยู่แล้วทำไมทำตัวแบบนี้”
“มีเสียงเล่าขานว่า องค์ชายอาจไม่ใช่ลูกของฝ่าบาท”
“แล้วเป็นลูกของใคร”
ปอหลุนปิดปากเงียบก่อนจะขยับตัวถอยห่าง