[2/2]
##### [2/2]
หลังจากพักผ่อนไปหนึ่งวันเต็มๆ แล้ว วันต่อมาใยบัวก็ขอลาป่วยจากที่ทำงานอีกวัน เพราะเธออยากจะรู้ให้ชัดว่าสิ่งที่เธอคิดมันเป็นจริงหรือไม่
ใยบัวเดินทางมาที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งที่ค่อนข้างไกลตัวชุมชนหลังตลาด สาเหตุที่เธอเลือกโรงพยาบาลเอกชนก็เพราะว่า ถ้าหากเธอเลือกไปโรงพยาบาลรัฐฯ ที่อยู่แถวบ้านคงจะมีคนรู้จักมากมายอยู่ที่นั่น และเธอก็ไม่ต้องการให้ใครรู้เรื่องนี้เด็ดขาด
“รอผลตรวจสักครู่นะคะ เดี๋ยวคุณหมอเรียกค่ะ”
ระหว่างนั่งรถผลตรวจอยู่ หญิงสาวก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นฆ่าเวลาไปก่อนจะถึงคิว ปกติใยบัวไม่ได้เป็นคนติดโซเชี่ยลเลยแม้แต่น้อย มีบ้างที่เข้าไปสอดส่องความเคลื่อนไหวข่าวสาร
นิ้วเรียวสวยกดเลื่อนผ่านๆ โพสมากมายของเพื่อนในแอปพลิเคชันสีฟ้า เพื่อนสมัยเรียนบางคนก็อัพเดทเรื่องไปเที่ยว เรื่องความเป็นอยู่มากมาย หนึ่งในนั้นมีโพสของมาร์วินที่ลงรูปงานแต่งเพื่อนสนิทอย่างปิ่นหยก
มาร์วินเป็นเพื่อนอีกคนที่เธอและปิ่นหยกสนิทด้วย เมื่อตอนที่ยังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัย หยกเป็นคนน่ารักกับทุกคนยิ้มแย้ม คุยสนุกและเข้ากับคนอื่นง่าย
ไม่เหมือนกับเธอที่ค่อนข้างเป็นคนไม่สุงสิงกับใคร ไม่อย่างนั้นสมัยเรียนมาร์วินจะชอบปิ่นหยกหรือ เป็นเพราะเพื่อนสาวคนสนิทมีเสน่ห์ล้นเหลือขนาดนั้น ใครเห็นเป็นต้องอยากเข้าหา
“นางสาว ใยบัว แก้วรักษา เชิญด้านในค่ะ” สักพักก็มีนางพยาบาลประจำแผนก เดินเข้ามาเรียกชื่อหญิงสาวเข้าไปพบหมอเฉพาะทาง
“สวัสดีค่ะคุณหมอ” ร่างบางเดินเข้าไปนั่งโต๊ะตรงข้ามกับคุณหมอผู้หญิงคนหนึ่ง พร้อมทั้งยกมือไหว้ทักทาย
“สวัสดีค่ะ คุณใยบัว หมอจะบอกว่าขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ คุณตั้งครรภ์ได้ 6 สัปดาห์แล้วค่ะ”
“อะไรนะคะ!? 0_0!” ตอนนี้ร่างบางทำตัวไม่ถูกแล้ว เมื่อรู้ผลตรวจจากปากหมอ
“คุณแม่ตั้งครรภ์ได้ 6 สัปดาห์แล้วนะคะ ....ฟังหมออยู่ไหมเอ่ย?”
“ละ... แล้วต้องทำยังไงบ้างคะหมอ?”
ต่อจากนี้เธอจะทำอย่างไรยังไม่รู้เลย ถ้าหากครอบครัวของเธอรู้โดยเฉพาะแม่ของเธอจะรู้สึกอย่างไร เมื่ออยู่ดีๆ ลูกสาวที่ไม่เคยยุ่งเรื่องผู้ชายมาก่อน ต้องมาท้องโดยไม่มีพ่อแบบนี้
“ในช่วงที่กำลังตั้งครรภ์อ่อนๆ ไปจนถึง สัปดาห์ที่ 14 ถ้าหากคุณใยบัวจะฝากครรภ์ที่นี่เลย คุณหมอก็จะนัดให้มาตรวจทุกๆ เดือนค่ะ มีการตรวจเช็คความผิดปกติต่างๆ ของร่างกาย ตรวจอัลตราซาวด์เพื่อกำหนดอายุครรภ์ วางแผนดูแลครรภ์ให้ในแต่ละเดือน และอื่นๆ อีกค่ะ”
“ค่ะ” เพราะไม่รู้ว่าจะตอบ หรือตั้งคำถามกับคุณหมอคนสวยอย่างไรดี ใยบัวจึงได้แต่นั่งฟังคำแนะนำของคุณหมอ ทั้งที่ในหัวตอนนี้กลับไม่ได้จดจ่อกับสิ่งที่หมอพูดเลย
“ช่วงนี้คุณแม่ต้องอยู่แลเรื่องอาหารและปรับพฤติกรรมการกินของตัวเองนะคะ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อเด็กด้วยค่ะ ระวังหรือหลีกเลี่ยงกิจกรรมหนักๆ ด้วยนะคะ เพราะถ้าเป็นแบบนั้นอาจเกิดภาวะตกเลือดได้ค่ะ”
“อ่อ ค่ะ”
“ดูคุณแม่จะตื่นเต้นอยู่นะคะ แล้วสรุปจะฝากครรภ์ที่เลยไหมคะ? หรือจะรอถามคุณพ่อก่อนดี?”
คุณหมอคนสวยเมื่อเห็นว่าคนไข้เหมือนกำลังเหม่อลอยคิดอะไรอยู่ จึงพูดดึงสติให้ใยบัวหันกลับมาโฟกัสกับสิ่งที่เธอพูด
“ยังดีกว่าค่ะ ขอกลับไปคิดก่อน”
“ได้เลยค่ะไม่มีปัญหา เอาไว้คุณแม่พร้อมค่อยมานะคะ แต่อย่าปล่อยให้นาน เพราะควรจะรีบเลือกโรงพยาบาลให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อผลดีต่อเด็กในท้องค่ะ”
“ขอบคุณนะคะคุณหมอ”
ใยบัวกล่าวลาคุณหมอคนสวยแล้วก็เดินออกมาจากห้องนั้นเลย เธอรู้สึกถึงความน่ารักของคุณหมอคนนี้มาก ที่อุตส่าห์ให้คำแนะนำที่ดีมากมาย ทั้งยิ้มแย้มและท่าทางดูเป็นกันเองมากๆ ของคุณหมอ
เธอเองก็อยากจะฝากครรภ์ที่นี่เลยด้วยซ้ำไป ถ้าไม่ติดว่าเธอต้องกลับไปคิดก่อนว่าจะบอกผู้เป็นแม่อย่างไรดี
อีกด้านหนึ่งของทางฝั่งของชลกันต์ หลังจากงานแต่งงานของเขาผ่านพ้นไปเป็นเดือนได้แล้ว เขาได้พาปิ่นหยกกลับไปอยู่กรุงเทพฯ ด้วยกัน เพราะก็ยังคงต้องทำงานช่วยคุณหญิงวิมลรัตน์แม่ของเขาที่โรงพยาบาล
แต่วันนี้หมอหนุ่มเดินทางมาถึงโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ที่มีเพื่อนเป็นสูตินรีแพทย์ที่นี่ เพื่อจะขอย้ายการฝากครรภ์ของปิ่นหยกไปที่โรงพยาบาลของเขาในกรุงเทพฯ
เพราะสะดวกในเรื่องการเดินทางที่ง่ายกว่าต้องขับรถมาจันทบุรีทุกเดือน
เดิมทีภรรยาของเขาฝากครรภ์กับหมอพริมแพทย์สูติฯ ในโรงพยาบาลเอกชนแห่งนี้
ที่จริงการได้ฝากครรภ์กับคุณหมอเพื่อนสนิทอย่างหมอพริม ชลกันต์ก็ไม่ได้ติดปัญหาอะไรเพราะเพื่อนหมอคนนี้ก็เป็นคนเก่ง
ในเมื่อเขาต้องเลือกความสะดวกไว้ก่อน เพื่อลดความเสี่ยงในการเดินทางลง เพราะภรรยาของเขานับวันก็ยิ่งท้องโตเรื่อยๆ อยู่แล้ว
ดังนั้นวันนี้ชลกันต์จึงมาเพื่อย้ายสิทธิ์การรักษา
ขณะที่กำลังเดินเข้าไปในแผนกสูตินรีเวช ร่างสูงก็ดันสายตาดีมองไปเห็นร่างบางของใครอีกคน กำลังยื่นอยู่จุดชำระเงินของโรงพยาบาลอยู่
เขาไม่คิดว่าจะเจอเธอที่นี่ และก็ไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าเธอมาทำอะไร ก่อนจะมุ่งหน้าไปหาเพื่อนหมอคนสนิท
“พริม”
“อ้าว มาถูกจังหวะฉันว่างพอดี”
คุณหมอคนสวยรู้แล้วว่าชลกันต์จะมาเรื่องอะไร เพราะมีการโทรคุยกันก่อนล่วงหน้านานแล้วหลายวัน
ร่างสูงเดินเข้ามา หลังจากที่พยาบาลหน้าห้องบอกว่าคุณหมอด้านในไม่มีเคสคนไข้แล้ว หมอหนุ่มจึงไม่รอช้าเข้ามาหาเพื่อน
“เอกสารล่ะ ได้ยัง?”
“ใจเย็นๆ ก่อนจ้ะ คุณพ่อมือใหม่ เพิ่งจะเข้ามา ทักทายเราหน่อยไม่ได้หรือไง? วัยรุ่นใจร้อนนะเรา”
หมอพริมพูดหยอกชลกันต์ตามประสาเพื่อนที่รู้จักกันมานาน เพิ่งจะมาถึงแท้ๆ รีบถามหาเอกสารที่เขาจัดเตรียมไว้ให้แล้ว
“เรามีเคสผ่าตัดต่อช่วงเย็น ต้องรีบกลับกรุงเทพฯ เลย”
เพราะเหตุนี้ร่างสูงที่เพิ่งเข้ามาถึงได้เร่งรีบ กับชีวิตการเป็นศัลยแพทย์ไม่ได้ว่างอะไรมากมายขนาดนั้น ทุกเวลาทุกนาทีของชลกันต์จึงดูมีค่า
“เอ้า! อุตส่าห์จะชวนหาอะไรทานมื้อเย็นด้วยกันซักหน่อย กลับเร็วจัง”
“แล้วเรื่องอาหารของหยก ก็ทำตามแผนของเธอเลยใช่ไหม?”
หมอหนุ่มไม่ตอบ ทั้งยังถามเพื่อนกลับด้วยความเร่งรีบ ถึงขนาดที่ว่านั่งไม่ติดเก้าอี้เลยตอนนี้
“ใช่ เราเขียนไว้ให้หมดแล้ว”
“ไหนบอกว่าว่างแล้วไง แล้วนี่เขียนอะไรอยู่” ชลกันต์มองหมอพริมที่กำลังนั่งเขียนอะไรบางอย่างอยู่ที่โต๊ะทำงาน โดยไม่เงยหน้าขึ้นมามองเขา ที่อุตส่าห์ทำตัวเร่งรีบขนาดนี้
“เขียนสรุปเคสคนไข้เมื่อกี้” หมอพริมยังก้มหน้าทำงานของตัวเองต่อไป โดยตอบคำถามอีกคนไปด้วย
“ไหนมาดูซิ เดี๋ยวช่วยทำ”
“เฮ้ยๆๆ ไม่ได้! นี่มันเป็นข้อมูลของคนไข้เรา นายอย่ามายุ่งหน่า เดี๋ยวความลับของคนไข้เรารั่วไหล จรรยาบรรณนะหมอกันต์” หมอพริมรีบเงยหน้าขึ้นห้ามร่างสูงเอาไว้ก่อนจะหยิบเคสคนไข้ของเธอไป
ชลกันต์กำลังจะเอื้อมมือหยิบใบเอกสารแผ่นบางของเพื่อนขึ้นมาช่วยดู กลับต้องยั้งมือตนเองเอาไว้ก่อน ถึงเขาจะไม่ใช่หมอเฉพาะทางด้านนี้ แต่เขาก็เคยราวด์วอร์ดในสมัยเรียนแพทย์มา
ทว่าพอคิดได้มือหนาก็ชักกลับไปแนบลำตัวเหมือนเดิม เพราะมันก็จริงอย่างที่หมอพริมบอก ว่าเคสแต่ละอย่างของคนไข้ค่อนข้างเป็นความลับเฉพาะ
“เหอะ! ไม่ก็ไม่สิ บ่นซะยาวเลย เอกสารเราเอามาได้แล้ว” ตอนนี้ร่างสูงจึงได้แต่เอามือขึ้นมากอดอกตนเองแทน
“อ่ะๆ เอาไปๆ รีบขนาดนั้นเลยหรือไง”
หมอพริมตัดความรำคาญ ทั้งยังเห็นว่าอีกฝ่ายรีบจริงๆ จึงเดินไปหยิบเอกสารย้ายโรงบาลของภรรยาหมอหนุ่มมาให้
“ขอบคุณนะ เรากลับแล้ว” พอได้สิ่งที่ต้องการแล้ว ชลกันต์ก็รีบลุกจากเก้าอี้ เตรียมกลับกรุงเทพฯ เลย
“โอเค ขับรถดีๆล่ะ” หมอพริมได้แต่ส่ายหน้าเบาๆ ให้กับเพื่อนของเธอเมื่อสักครู่นี้ ก่อนจะหันมาสนใจกับงานของตัวเองต่อ