[1/1]
##### [1/1]
ภายในงานแต่งงานของเพื่อนสาวคนสนิทของใยบัวได้เริ่มขึ้นตามฤกษ์ที่ผู้ใหญ่คุยกันเอาไว้แล้ว โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด
หลังจากคืนนั้นผ่านไปใยบัวจำได้ว่าเธอตื่นขึ้นมาพร้อมกับเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นทุกอย่างแล้ว เธอยอมรับว่าตกใจทำอะไรไม่ถูก
เธอขาดสติไปมากแทบจำสิ่งที่ตัวเองทำลงไปไม่ได้ด้วยซ้ำ เธอบอกกับหมอกันต์ให้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับและขอให้เขาขับมาส่งเธอที่บ้าน จากนั้นก็แยกย้ายไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย
จนกระทั่งวันนี้เป็นงานสำคัญของปิ่นหยก ความจริงเธอไม่อยากจะมาด้วยซ้ำเพราะรู้สึกละอายอยู่แก่ใจไม่น้อยที่ต้องมองหน้าเพื่อนในงานแต่งงานวันนี้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เธอเพิ่งจะมีอะไรกับเจ้าบ่าวของเพื่อนตัวเองไป
“ใยบัว ฉันนึกว่าแกจะไม่มางานของฉันซะแล้ว ช่วงนี้ฉันติดต่อแกไม่ค่อยได้เลย เป็นอะไรหรือเปล่า?” ปิ่นหยกเดินมาหยุดถึงที่ด้านหน้าประตูทางเข้า พร้อมกับเอื้อมมือไปดึงแขนของเธอ
“อ่อเปล่าๆ ช่วงนี้ฉันยุ่งๆ น่ะ เพื่อนแต่งงานทั้งที ฉันจะพลาดได้ยังไงกันล่ะ วันนี้แกสวยมากเลยหยก”
ใยบัวไล่สายตามองชุดเจ้าสาวในวันนี้ช่างงามสง่าราวกับเจ้าหญิงตัวน้อยเหลือเกิน มันยิ่งทำให้เธอรู้สึกผิดในใจมากเหลือเกินจนไม่อยากจะสู้หน้าปิ่นหยกเลย
“แน่นอนสิก็ฉันเป็นเจ้าสาวนี่นา”
“แล้วนี่แกเวียนหัวไหม? หายแพ้ท้องหรือยัง?”
“ตอนนี้กำลังจะเข้าเดือนที่ 3 แล้ว อาการแพ้ก็น้อยลง แต่ฉันรู้สึกง่วงนอนง่ายกว่าปกติน่ะแก”
อย่างที่ปิ่นหยกบอก อีกแค่ไม่กี่วันก็จะได้ 3 เดือนแล้ว เพียงแต่หน้าท้องน้อยๆ ของเธอหากไม่สังเกตดีๆ ก็ดูค่อยออกเลยด้วยซ้ำว่าตั้งท้องอยู่ อาจจะด้วยเป็นท้องแรกและท้องสาว
“ฉันน่ะ... ไม่เข้าใจคนท้องเลยจริงๆ เดี๋ยวแพ้นั่นแพ้นี่ ดูอย่างพี่สะใภ้ฉันนะ แพ้แทบทุกอย่างเลย นี่ท้องเริ่มแก่มากแล้วบางวันก็หงุดหงิดใส่ฉัน .....เห้ออ!! อารมณ์คนท้องนะ” ใยบัวเล่าให้อีกคนฟังถึงวิถีชีวิตของคนท้องให้กับคนท้องอีกคนได้ฟัง อย่างออกรสออกชาติ
“คิกคิก... แกก็ลองท้องดูสิ จะได้รู้”
“ไม่เอาอ่ะ! แค่ฉันดูแลคนท้อง ฉันยังหงุดหงิดตามแล้ว” จะให้เธอท้องงั้นหรอ ทั้งที่เกิดมาอายุปาไป 26 แล้วยังไม่เคยมีแฟนกับเขาเสียที
ปิ่นหยกพาใยบัวเดินเข้าไปด้านในงาน ผู้คนเนืองแน่นมากมายระหว่างทางเดินจนไปถึงโต๊ะรับรองแขกต่างแสดงความยินดีกันไม่ขาดสาย ก่อนจะเดินไปถึงโต๊ะรับรองแขกปิ่นหยกก็พบกับชายวัยกลางคนทั้งสองที่เป็นเจ้าภาพ ออกมายืนคุยกับแขกในตอนนี้
“สวัสดีค่ะท่าน สวัสดีค่ะน้าชาติ” ใยบัวเอ่ยทักทายผู้ใหญ่ในงานทั้งสอง ซึ่งเธอเองก็รู้จักดีอยู่แล้ว
“อ้าว! หนูใยบัว.... มางานนี้ด้วยหรอ?” ท่านผู้ว่าฯ ไพบูลย์ เซอร์ไพรส์ไม่น้อยที่เจอลูกน้องมาที่งานนี้ด้วย ไม่นึกว่าจะมางานนี้ได้
“คือใยบัวเค้าเป็นเพื่อนกับหยกน่ะครับคุณไพบูลย์”
“อ้าวจริงหรอ? ดีจริงๆ เลยนะเนี่ย” พอได้ยินลูกสะใภ้บอกแบบนั้น ท่านผู้ว่าฯ ก็เข้าใจแล้ว
“อ่อ! จริงสิคะ หยกลืมนึกไปเลยว่าใยบัวก็ทำงานที่ศาลากลางจังหวัด คุณอาก็คงรู้จัก”
“อยู่ทีมลงพื้นที่กับอาเลยล่ะ หนูหยก” ใช่แล้ว เธอทำงานให้กับพ่อของหมอกันต์คนที่ตอนนี้ทำเอาเธอไม่อยากเจอมากที่สุด
“งั้นหยกขอตัวไปหาพี่หมอก่อนนะคะ สงสัยจะรับแขกอยู่ทางฝั่งนู้น”
ปิ่นหยกกำลังจะพาใยบัวเข้าไปด้านในต่อ เพื่อไปหาเจ้าบ่าวของเธอในงานที่กำลังต้อนรับแขกอีกฝั่งอยู่ ใยบัวที่ไม่อยากเจอหน้าเจ้าบ่าวของเธอจึงคิดหาทางหนีทีไล่ไปก่อน
“เอ่ออ...!!! หยกๆ พอดีฉันเพิ่งนึกได้ว่าลืมโทรศัพท์ไว้ที่รถน่ะ เดี๋ยวฉันไปเอาแปบนะ แกไปหาเจ้าบ่าวของแกก่อนเถอะ เสร็จเดี๋ยวฉันเข้าไปหาที่นั่งในงานเอง”
หากเข้าไปเจอเขาด้านในตอนนี้ เธอจะต้องทำตัวอย่างไร ต่อให้เราจะตกลงกันแล้วว่าจะไม่พูดหรือนึกถึงเรื่องราวในวันนั้นแล้วเถอะ ความรู้สึกของใยบัวกลับไม่สามารถทำเป็นเมินเฉยได้จริงๆ
“เอางั้น? ก็ได้ๆ”
ใยบัวเดินออกมาตั้งสติอยู่ด้านนอกงาน ก่อนจะเดินไปที่รถของตัวเอง หญิงสาวมุดหน้าลงกับพวงมาลัยรถพลางนั่งคิดว่าจะเอาอย่างไรต่อ
“เอายังไงดีบัว... เอายังไงต่อ”
ร่างบางบ่นพึมพำคนเดียวในรถสักพักใหญ่ ก่อนจะมีใครบางคนเดินเข้ามาหาเธอที่ลานจอดรถ
ก็อกๆๆ ...
เสียงเคาะประตูรถดังขึ้นข้างๆ หู ทำให้ใบหน้าที่มุดลงกับพวงมาลัยรถเงยขึ้นมองบุคคลที่ยืนอยู่ด้านนอก เมื่อเห็นว่าผู้มาเยือนนั้นเป็นใครใยบัวถึงกับสะดุ้งตกใจไปต่อไม่ถูก
แกร่กก!!
“ผมคุยด้วยหน่อย”
“คุณ!!” เป็นเพราะว่าเจ้าของรถไม่ได้ล็อคประตูไว้ อีกฝ่ายถึงได้เปิดมันออกมาได้เลย พร้อมกับอีกคนที่แทรกตัวเข้ามาด้านในฝั่งผู้โดยสาร ทำเอาใยบัวยิ่งช็อคไปกันใหญ่
“ผมหวังว่าคุณจะรักษาสัญญาเรื่องคืนนั้น”
“ทำไมคุณถึงคิดว่าบัวจะพูด?” เขาคิดว่าที่เธอมางานวันนี้อาจจะพลั้งปากพูดเรื่องคืนนั้นอย่างงั้นหรอ
“ไม่รู้สิ ผมไม่สบายใจ” คนตัวโตยักไหล่พูดกับร่างบาง
“คุณไม่ต้องห่วงค่ะ เรื่องของเราจะไม่มีการพูดถึงอีก ไม่มีเหตุผลที่บัวจะทำร้ายเพื่อนของบัวได้ลง”
“ถ้าคุณรักษาคำพูดได้แบบนั้นก็ดี แล้วก็คืนนั้น....”
“เราพลาดกันทั้งคู่ค่ะ บัวไม่อยากพูดถึงมันอีก”
เขากลัวอะไรอยู่ใยบัวไม่อาจรู้ แต่ถ้าจะคิดว่าเธอจะมาพูดเรื่องของเขาบอกเลยว่าคิดผิด ใครมันจะไปอยากทำร้ายเพื่อนสนิทของตัวเองได้ลง แถมพูดไปตัวเองก็เสียหายด้วยซ้ำ
ยิ่งใยบัวฟังสิ่งที่เขาพูดขึ้นมายิ่งรู้สึกได้ว่ามันเป็นคำพูดที่เห็นแก่ตัวอยู่ไม่น้อยเลย ยอมรับว่าคืนนั้นมันได้พลาดไปแล้ว เธอเองไม่คิดจะรื้อฟื้น ที่มาวันนี้ก็เพราะอยากจะแสดงความยินดีกับเพื่อนของตัวเองเพียงเท่านั้น
หากอีกคนจะคิดแบบนี้เธอคงจะห้ามความคิดเขาไม่ได้ รู้แหละว่าหมอกันต์รักเพื่อนของเธอมากขนาดไหน เอาเป็นว่าหลังจากจบงานนี้เธอจะพยายามไม่มาให้เขาเห็นอีก เพื่อจะได้สบายใจกันทั้งสองฝ่าย
“คุณกลับเข้าไปในงานเถอะค่ะ เดี๋ยวคนอื่นจะสงสัยเอา” ใบหน้าสวยเมินคนตัวโต พร้อมบอกให้อีกฝ่ายรีบกลับไป หากใครเดินผ่านมาแถวนี้เห็นเข้าจะไม่ไปเป็นเรื่องดีนัก
“ขอบคุณนะครับที่เข้าใจผม”
เจ้าบ่าวของงานวันนี้เดินลงจากรถของเธอเข้าไปในโรงแรมที่จัดงาน ทิ้งไว้ให้เธออยู่ในรถคนเดียวพร้อมกับความเจ็บใจกับคำพูดที่เห็นแก่ตัวของเขา
แต่ที่เขาทำแบบนี้มันก็ถูกแล้วไม่ใช่หรือหากจะให้เขามารับผิดชอบเธอมันก็คงจะไม่ใช่เรื่องอยู่ดี จะเอาอะไรมากกับวันไนท์สแตนด์ที่ต่างคนต่างก็ไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิด เอาเป็นว่าต่อจากนี้ก็ทางใครทางมันแล้วกัน