บท
ตั้งค่า

บทที่ 2

ณชญาดาแอบมองเสี้ยวหน้าคมเข้มของชายหนุ่ม ที่กำลังมีสมาธิอยู่กับการขับรถ เธออดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม

“เราจะไปไหนกันหรือคะ”

“ไร่ธนวรรธน์”

“ไปทำอะไรที่นั่นคะ”

“ผมพักอยู่ที่นั่น”

“เจ้าของไร่ดุไหมคะ”

“ถามทำไม!?” น้ำเสียงติดจะรำคาญ

“ฉันเกรงว่าคุณจะโดนเขาตำหนิ ที่พาฉันเข้าไปอยู่ที่ไร่นั้นโดยไม่ได้รับอนุญาต”

“ถ้าเกิดอะไรขึ้นผมจะรับผิดชอบเอง”

“พูดจาใหญ่โตยังกะเป็นเจ้าของไร่” เธอย้อน

เหตุการณ์เหล่านั้นเกิดขึ้นก่อนที่ณชญาดาจะรู้ว่า ชายหนุ่มที่ช่วยเหลือเธอไว้ชื่อธนวรรธน์ และเป็นเจ้าของไร่ชาที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัด

จากการที่ได้อยู่ใกล้ชิดเขาในระยะเวลาสั้น ๆ ประกอบกับคำบอกเล่าของคนงานในไร่ ทำให้เธอรู้ว่าธนวรรธน์เป็นคนนิ่ง ๆ และเชื่อมั่นในความคิดของตนเอง แววตาของเขาพูดได้ สีหน้ามีอารมณ์ลึก ๆ ไม่ชัดเจน และพูดจาเชือดเฉือนคนเก่ง

ในขณะที่กำลังนึกถึงเขาอยู่นั้น สายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นธนวรรธน์ กำลังวิ่งฝ่าสายฝนกลับมาด้วยเนื้อตัวเปียกปอน แต่แทนที่จะเข้ามาหลบฝนในบ้าน เขาเลือกที่จะหยุดยืนมองสายฝนที่กำลังตกลงมาอย่างหนักอยู่ตรงหน้าประตูทางเข้า พร้อมกับซดไวน์ในมือ ที่ต้องใช้คำนั้นเพราะธนวรรธน์ดื่มไวน์จากขวดราวกับดื่มน้ำ ณชญาดามองดูการกระทำของเขาอยู่ครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจเดินลงมาด้านล่าง

"อากาศเหมาะแก่การดื่มนะคะว่าไหม?" ณชญาดาชวนเขาคุย

ธนวรรธน์หันมามองหญิงสาวแปลกหน้า ที่เขาเก็บตกมาจากข้างทางด้วยสายตาที่ยากจะอ่านได้

"ทำไม...อยากดื่มด้วยหรือไง" เขาถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา

ณชญาดาสัมผัสได้ถึงความเยือกเย็นที่แผ่กระจายออกมาจากตัวเขา และเธอรู้สึกแปลกใจว่าเหตุใดเขาจึงเป็นเช่นนี้

ท่าทีที่ห่างเหินและเย็นชา ราวกับคนไร้หัวใจและเกือบแล้งน้ำใจที่เขาแสดงออกมานั้น แม้จะทำให้เธอรู้สึกหวั่นไหวจนอยากจะถอยห่าง แต่กลับมีอะไรบางอย่างคล้ายจะเป็นความเจ็บปวดที่ทอดผ่านสายตาคู่นั้น แม้จะบางเบาแต่เธอก็สัมผัสได้ และนั่นเป็นสิ่งที่ทำให้ณชญาดาอยากจะค้นหาว่า อะไรทำให้ชายหนุ่มที่ภายนอกดูแข็งกระด้างดั่งหินผา และไม่เคยสะทกสะท้านต่อสิ่งรอบกาย

ถึงดูเปราะบางราวกับทารกแรกเกิดได้ขนาดนี้ เธอจึงเลือกที่จะอยู่เป็นเพื่อนเขา แม้ว่าท่าทางของเขาดูจะไม่สบอารมณ์ก็ตามที

"ฉันดื่มไม่เก่ง" เธอตอบพร้อมกับถูมือไปมา เพื่อบรรเทาความหนาวที่เริ่มแทรกซึมมากับละอองฝน ที่ยังโปรยปรายลงมาโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

ธนวรรธน์แสยะยิ้ม หรี่ตามองสำรวจดวงหน้าใสกระจ่าง กวาดไล่ไปตามทรวงงามที่ดันพุ่งเสื้อยืดสีขาว ไปจรดกางเกงวอร์มสีเทาเก่าซีดด้วยสายตาดูถูก

“ดื่มไม่เก่งหรือว่ารังเกียจกันแน่”

ณชญาดาไม่ตอบ เพราะรู้ดีว่าเขาเริ่มจะพาล และพูดจาหาเรื่องเธอ

“ฉันว่าคุณเมาคุณแล้ว ทางที่ดีคุณควรกลับไปนอนพักนะคะ”

“อย่างผมน่ะหรือเมา”

“คนเมาที่ไหนจะยอมรับว่าตัวเองเมาจริงไหม”

ชายหนุ่มถลึงตาใส่หญิงสาวก่อนจะตะคอกกลับไป

“อย่ามาทำเป็นอวดรู้ ไวน์แค่นี้ทำอะไรผมไม่ได้หรอก อยากจะลองดื่มดูบ้างไหม”

ธนวรรธน์พูดพร้อมกับยื่นขวดไวน์ส่งให้ณชญาดา แต่อีกฝ่ายกลับจ้องมองมาที่เขาสลับกับขวดไวน์ในมือ

“ดื่มจากขวดนี้น่ะหรือ”

“ใช่...มีปัญหาอะไร...หรือว่าต้องมีแก้วไวน์เท่านั้นสาวเมืองกรุงถึงจะดื่มได้” ชายหนุ่มถามพร้อมกับจ้องมองเธอด้วยสายตาท้าทาย

ณชญาดามองขวดไวน์ในมือเขา กำลังช่างใจว่าควรดื่มดีไหม

“รังเกียจก็พูดมาตรง ๆ” เขาเอ่ยพร้อมกับยิ้มเยาะเธอ

คำพูดแสลงหูนั้นเองที่ทำให้หญิงสาว ตัดสินใจรับขวดไวน์นั้นมาดื่มอึกใหญ่ ก่อนจะส่งมันคืนกลับไปให้เจ้าของ

“ปกติฉันไม่ค่อยดื่มแอลกอฮอล์ เพราะฉันเป็นคนดื่มไม่เก่ง และมันทำให้ฉันเมาง่าย แต่คืนนี้ถือเป็นกรณีพิเศษ เพราะบรรยากาศชวนให้ดื่ม เอาเป็นว่าฉันจะดื่มเป็นเพื่อนคุณ ไม่เมาไม่เลิกราดีไหม คุณจะได้เลิกพูดจาจิกกัดฉันซะที แต่เราควรจะเข้าไปดื่มข้างใน เพราะฉันไม่อยากจะเป็นปอดบวม” พูดจบเธอก็เดินกลับเข้าไปในตัวบ้าน

ธนวรรธน์มองตามไปก่อนจะไหวไหล่ จากนั้นก็เดินตามหญิงสาวกลับเข้าไปด้านใน ณชญาดาเดินไปเปิดเพลงคลอเบา ๆ จากเครื่องเล่นแผ่นเสียงที่หาได้ยากในปัจจุบัน แต่เขายังคงดูแลรักษาเครื่องเล่นชิ้นนี้เป็นอย่างดี

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel