บท
ตั้งค่า

บทที่ 4 สวรรค์สร้างฤาสวรรค์แกล้ง 1.1

คาลิเอโปก้าวเท้าลงมาจากรถยนต์คันหรูทันทีหน้าโรงแรมสกายบีช โรงแรมสุดหรูของเพื่อนสนิทนามว่าภูริภัทร เดิมทีโรงแรมแห่งนี้ชื่อว่ารีสอร์ตสกายบีช แต่ตอนหลังแต่งเติมปลูกสร้างให้ยิ่งใหญ่ขึ้น จึงเปลี่ยนชื่อนำหน้าจากรีสอร์ตมาเป็นโรงแรมสกายบีชจนถึงปัจจุบัน เขาเดินทางมาที่นี่ก่อนระยะเวลากำหนดที่จะต้องมารำลึกถึงความหลังที่ยังคงฝังแน่นในหัวใจทุกปี แต่เนื่องจากปีนี้เขามีโครงการใหญ่ที่จะทำร่วมกับภูริภัทร จึงจำเป็นต้องเดินทางมาก่อนกำหนด

“สเตฟี่ฉันอยากได้เหล้า เอาเข้าไปในห้องนอนนะ” ประโยคแรกที่คาลิเอโปเอ่ยเมื่อเข้ามาในห้องพักประจำของเขา สเตฟี่ค้อมศีรษะเล็กน้อยเป็นการรับคำสั่ง ก่อนจะเดินออกไปสั่งเครื่องดื่มให้เจ้านายหนุ่ม ดั่งเช่นทุกครั้งที่เจ้านายเดินทางมาที่นี่

คาลิเอโปมองไปรอบๆ ห้องอย่างสะเทือนใจ ไม่ว่าเขาจะมองไปทางไหนก็จะเห็นภาพของวรัญชิญาอยู่ตรงจุดนั้นเสมอ ทุกอิริยาบถของเธอคือความทรงจำที่ฝังแน่นไม่มีวันหลุดออกไปจากสมองของเขาได้เลย ชายหนุ่มหยิบสร้อยทองคำขาวที่มีแหวนเพชรวงหนึ่งคล้องอยู่ที่คอขั้นมาพินิจมอง ของสำคัญที่เป็นตัวแทนของวรัญชิญาที่ติดตัวเขาตลอดเวลา ไม่เคยถอดออกจากร่างกายเลยแม้แต่ครั้งเดียว คล้ายกับว่าวรัญชิญาอยู่ข้างกายเขาทุกนาที ทั้งยามหลับและยามตื่น ไม่มีใครรู้ว่าแหวนเพชรวงนี้เขาได้สั่งทำขึ้นมาเป็นพิเศษ เพื่อขอหญิงสาวที่เขารักมากที่สุดแต่งงาน แต่ทว่าเขาไม่มีโอกาสได้ใช้มันเพราะผู้หญิงคนนั้นจากเขาไปตลอดกาล

ร่างสูงใหญ่เดินเข้าไปในห้องนอนที่เขาเคยมีความสุขกับอดีตคนรักที่ตายจาก ความทรงจำ ความสุข ความรัญจวนใจก่อเกิดขึ้นทุกครั้งที่มองมายังเตียงนี้ เขาได้ใช้สิทธิพิเศษซื้อห้องพักห้องนี้แบบถาวร จะไม่มีใครมาพักที่ห้องนี้นอกจากเขา แม้ว่าจะต้องเสียเงินให้กับภูริภัทรนับสิบล้านบาทก็ตาม คาลิเอโปยอมเพื่อความทรงจำแห่งรัก

เขามาหยุดมองที่เตียงนอนสีขาวเรียบตึง ภาพของหญิงสาวบางคนซ้อนทับความทรงจำที่ยังตราตรึงเพียงเสี้ยววินาที ภาพของสตรีนางหนึ่งที่มีชื่อว่า ญาดา หญิงสาวที่เขาพร่าผลาญพรหมจรรย์เพราะการขาดสติเนื่องจากถูกพิษของแอลกอฮอล์เข้าครอบงำ เขาไม่รู้สึกผิดที่ทำลายความสาวของหญิงคนนั้น แต่รู้สึกผิดที่ตนเองทรยศต่อความรักและความซื่อสัตย์ที่ตนเองมีให้วรัญชิญาต่างหาก

“ฉันขอโทษแอปเปิล” ชายหนุ่มพูดย้ำคำนี้มาตลอดระยะเวลาเกือบหนึ่งปี นับตั้งแต่เกิดเรื่องในวันนั้น หญิงสาวคนนั้นจากเขาไปโดยไม่รับเงินค่าความสาวของเธอ แต่กลับทิ้งป้ายชื่อไว้ให้เขาดูต่างหน้า ซึ่งชายหนุ่มเองไม่รู้ว่าเธอตั้งใจหรือว่าบังเอิญทำตก และเขาไม่อยากรับรู้ด้วย

“เบียร์มาแล้วครับ” สเตฟี่ยกถาดที่วางขวดเบียร์สองขวดที่แช่อยู่ในถังน้ำแข็งลงบนโต๊ะหัวเตียง คาลิเอโปปรายตามองเพียงนิด อารมณ์ขุ่นมัวเกิดขึ้นทันทีที่เห็นว่าของที่เขาต้องการนั้นหาใช่บรั่นดีไม่

“ฉันจำได้ว่าฉันสั่งว่า อยากได้เหล้า ไม่ใช่เบียร์” คาลิเอโปพูดเสียงเน้นหนัก

“ผมทราบครับ แต่ผมเห็นว่าพรุ่งนี้เจ้านายต้องเข้าประชุมแต่เช้า หากดื่มเหล้าเข้าไปอาจจะตื่นไม่ไหวหรือถ้าตื่นไหวอาจแฮงค์ก็ได้ ผมเลยคิดว่าดื่มเบียร์น่าจะดีกว่าครับ” สเตฟี่ให้เหตุผล ทว่าหากเขาเลือกได้ก็ไม่อยากให้เจ้านายดื่มอะไรทั้งนั้น นอกจากน้ำเปล่าที่ดีต่อสุขภาพที่สุด

อารมณ์ของคาลิเอโปจึงสงบลง จริงสิพรุ่งนี้เขาต้องประชุมตอนแปดโมงครึ่ง จะไปสายก็ไม่ดี ไม่ไปก็ไม่ได้ หากดื่มสุราจนขาดสติดั่งเช่นทุกครั้ง มีหวังลุกไม่ขึ้นแน่

“ขอบใจ ออกไปพักผ่อนได้แล้ว ฉันอยากอยู่คนเดียว” ลูกน้องหนุ่มเดินออกไปจากห้องทันที รู้ดีว่าเวลานี้คือเวลาส่วนตัวของเจ้านาย เวลาที่รำลึกถึงอดีตที่ไม่เคยลบเลือนจากใจ

เบียร์ในขวดไหลผ่านเข้าไปในลำคอของคาลิเอโปอย่างต่อเนื่อง อาจพูดได้ว่า เขากระดกดื่มแบบไม่พัก ดื่มทีเดียวหมดขวด พร้อมกับน้ำตาที่ไหลลงมาทางหางตา ความอ่อนแอของเขาเกิดขึ้นทุกครั้งที่เดินทางมายังสถานที่แห่งรัก ความทรงจำต่างๆ ไหลย้อนเข้ามาในสมอง ความสุขที่ผ่านมาแทรกซึมเข้ามาในความรู้สึก

“ฉันคิดถึงเธอเหลือเกิน...แอปเปิล เมื่อไหร่เธอจะมารับฉันไปอยู่ด้วยเสียที ฉันคิดถึงเธอ”

เขารำพึงรำพันถึงวรัญชิญาผู้หญิงคนสุดท้ายที่จะมอบความรักให้ เปลือกตาที่แสนหนักอึ้งของเขาเริ่มปิด เมื่อเบียร์หยดสุดท้ายไหลผ่านลำคอหนาลงไปสู่ท้องที่ไม่มีอาหารตกถึงท้อง ทุกอย่างดูดำมืดเหมือนหัวใจของเขา...หัวใจที่มีแต่ความมืดมิดตั้งแต่วันนั้น วันที่วรัญชิญาจากโลกใบนี้ไป

ภมรเดินออกจากลิฟต์อย่างอารมณ์ดี วันนี้เขาตั้งใจทำตามแผน ขโมยทรัพย์สินของลูกค้าในห้องพักที่ตนมีหน้าที่เข้าไปทำความสะอาด ห้องพักเป้าหมายคือ ห้องพักชาวฝรั่งเศสที่เดินทางมาเที่ยวกับครอบครัว และพักอยู่โรงแรมแห่งนี้นานเจ็ดวัน สามวันที่เขาทำความสะอาดห้องพักห้องนี้ มันจะรกจากความซนของลูกสาวและลูกชายคนพัก เขาคิดว่าหากของหายสักสองสามชิ้นคงไม่มีใครสงสัย คงกล่าวโทษลูกทั้งสองคนที่ซน รื้อข้าวของจนหาไม่เจอ

นอกจากพนักงานทุกคนของโรงแรมจะต้องตอกบัตรเข้างาน ยังต้องมาเซ็นชื่อในแผนกแม่บ้านเพื่อรับมอบหมายหน้าที่จากหัวหน้าแผนก ซึ่งปกติแล้วใครทำงานหน้าที่ใดก็หน้าที่นั้น แต่หากใครหยุดก็จะมีคนทำหน้าที่นั้นแทน

“ต้อม วันนี้ไม่ต้องไปทำความสะอาดห้องพักแขกนะ”

“ทำไมล่ะพี่สุ ก็พี่สุบอกผมว่าตลอดเดือนนี้ทั้งเดือนให้ทำความสะอาดห้องพักแขกไง แล้วทำไมวันนี้ให้ผมทำความสะอาดชั้นล่างล่ะ” ชั้นล่างในที่นี้ของภมรหมายถึง ตั้งแต่ชั้น 6 ลงมา ซึ่งจะเป็นห้องจัดเลี้ยง ห้องอาหารต่างๆ ห้องออกกำลังกาย ห้องสปาและส่วนต่างๆ ของโรงแรม

“ไม่ใช่อย่างนั้น พี่จะบอกให้ต้อมไปทำความสะอาดห้องของคุณคาร์ล ห้องวีไอพีสวีตแทนบุญต่างหาก วันนี้บุญลาป่วยมาทำงานไม่ได้ พี่ยังไม่ทันจะพูดจบก็ตีโพยตีพายซะแล้ว”

สุปราณีอดที่จะต่อว่าไม่ได้ ภมรค่อยยิ้มออกนึกว่าวันนี้จะได้ไปทำงานที่ชั้นล่างเสียแล้ว คิดในใจไปทำงานห้องของบุคคลชื่อนี้ก็ดี ตั้งแต่เขาเข้ามาทำงานที่นี่ได้เกือบหนึ่งปี ได้ยินแต่สมญานามของชายหนุ่มคนนี้ว่าทั้งหล่อทั้งรวยและมีความรักอันมั่นคงต่อคนรักที่เสียชีวิตไปนานหลายปี ร่ำรวยขนาดซื้อห้องนั้นได้นั่นหมายความว่า ต้องมีของมีค่าให้หยิบฉวยแน่นอน

“ผมไม่ได้ว่าพี่สุสุดสวยนี่ครับ แค่ตกใจเท่านั้นเอง” เขารีบแก้ตัวโดยการป้อนคำหวานให้

“รีบไปทำความสะอาดเถอะ คุณคาร์ลจะลงมาจากห้องตอนแปดโมง เพราะต้องเข้าร่วมประชุม”

“ครับพี่สุ” ภมรยิ้มหน้าบานเดินออกไปจากห้องแม่บ้านทันที เดินตรงไปที่ลิฟต์พนักงานที่อยู่ไม่ไกลจากห้องแม่บ้าน เพื่อนำพาตนเองมุ่งตรงสู่ห้องของคาลิเอโปชายหนุ่มที่พนักงานในโรงแรมกล่าวขานกันว่า ผู้ชายที่มั่นคงในรัก

ก่อนจะเข้าไปทำความสะอาดห้องพักลูกค้า ทุกครั้งแม่บ้านและพ่อบ้านจะมาจัดเตรียมของในรถเข็นที่เรียกกันว่ารถแม่บ้าน รถคันนี้นอกจากจะมีอุปกรณ์ทำความสะอาด ยังมีของจำเป็นที่ต้องเติมในทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นสบู่ ยาสีฟัน ชุดแชมพูที่จัดเรียงในกระเป๋าใบเล็ก กระดาษชำระ ผ้าขนหนูทั้งสามขนาด ผืนใหญ่ไว้สำหรับนุ่งห่ม ผ้าผืนกลางไว้สำหรับเช็ดผมหรือเช็ดตัว และผืนเล็กที่มีไว้สำหรับเช็ดหน้า และมีอื่นๆ อีกหลายรายการ ภมรรอจนกว่าจะถึงแปดโมงสิบนาทีจึงเข็นรถออกจากห้องเก็บของ เพื่อไปทำหน้าที่ตนในห้องชุดของคาลิเอโป

ห้องสวีทห้องนี้ใหญ่มากินพื้นที่ครึ่งชั้น มีห้องนอนสองห้อง ห้องโถงใหญ่ มองไปทางด้านซ้ายจะเป็นห้องกินข้าวและมีห้องครัวเล็กๆ ภมรทำงานอย่างสบายใจ ตอนแรกก็แอบคิดมากว่า จะมีลูกน้องของเจ้าของอยู่ในห้องนี้หรือไม่ พอเข้ามาก็พบว่าไม่มีสักคน

ภมรแม้ว่าคิดลักเล็กขโมยน้อยในห้องนี้ ทว่าเขาก็ทำงานอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ทำงานไปด้วยหาของมีค่าไปด้วย ส่วนด้านนอกไม่มีอะไรให้เขาลักทรัพย์ แต่เขาก็คิดว่าในห้องนอนน่าจะมีของที่แปลงเป็นเงินได้บ้าง

“อะไรวะ ไม่มีอะไรให้ขโมยเลย” ภมรบ่นอย่างหัวเสีย ในห้องนอนไม่มีอะไรให้เขาหยิบฉวย มีแต่ตู้เซฟที่แน่นอนว่า เขาไม่มีรหัส แล้วคิดว่าของมีค่าคงอยู่ในนั้น “ถ้าไม่มีอะไรติดมือไป ซวยแน่กู”

คนบ่นกับตัวเองถอนหายใจพรืดยาว เดินไปยังห้องน้ำเพื่อทำความสะอาด ภมรชอบทำความสะอาดห้องอาบน้ำก่อน เขาเริ่มจากส่วนที่คิดว่าเหนื่อยที่สุด จากนั้นก็ย้ายมาทำความสะอาดชักโครก ตามด้วยอ่างจากุชชี่ที่ดูเหมือนจะไม่ได้ใช้งาน แต่ก็ต้องทำให้มันสะอาดตามหน้าที่ อีกที่หนึ่งก่อนจะมาทำความสะอาดพื้นห้องคือ เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า

ที่ตรงนั้นภมรเจอบางอย่าง มันคือสร้อยทองคำขาวที่มีแหวนเพชรวางอยู่ใกล้ ภมรยิ้มกว้างก่อนหยิบแหวนเพชรขึ้นมามอง

“ท่าทางจะได้เงินเยอะ” เขาไม่รู้มูลค่าแหวนเพชร แต่ระดับความรวยอย่างคาลิเอโป ราคาแหวนวงนี้ไม่ธรรมดาแน่ ภมรแล้วรีบสอดเก็บแหวนเพชรไว้ในกระเป๋ากางเกง โดยไม่สนใจสร้อยที่ขาด ก่อนลงมือทำงานต่อไปอย่างสบายใจ…สบายใจที่มีเงินใช้หนี้การพนัน แต่ไม่รู้ว่า หายนะกำลังมาเยือน

17.05 น.

ทันทีที่มาถึงห้องพักร่างสูงใหญ่ของคาลิเอโปเดินไปที่ห้องน้ำที่อยู่ภายในห้องนอนทันที เพื่อไปหยิบสิ่งหนึ่งที่เขาหวงแหนสุดชีวิต ในมือถือกล่องใส่สร้อยทองคำขาวเส้นใหม่เข้าไปในห้องน้ำด้วย วันนี้เขาตั้งใจจะเปลี่ยนสร้อยเส้นใหม่แทนเส้นเก่าที่ขาด แต่พอมองไปยังตำแหน่งที่วางแหวนเพชรไว้ มันกลับไม่มี มีเพียงสร้อยที่ขาดเท่านั้น เขาพยายามมองหาทั่วเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า แล้วก้มมองดูหาตามพื้น ทว่าก็ไม่เจอของที่หายไป

“สเตฟี่...สเตฟี่” คาลิเอโปร้องเรียกดังลั่น เจ้าของชื่อรีบวิ่งเข้ามาที่ต้นเสียงทันที เพราะน้ำเสียงแบบนี้มาดูท่าทางจะมีเรื่องใหญ่แน่นอน

“ครับเจ้านาย”

“แหวนฉันหาย นายช่วยฉันหาแหวนหน่อยสิ เผื่อมันจะกระเด็นอยู่ที่ไหนสักที่ในห้อง” คาลิเอโปสั่งเสียงเข้ม เขายังไม่ปักใจว่ามีคนขโมยมันไป โทษตัวเองก่อนเพราะอาจมึนๆ ทำแหวนตกไม่รู้ตัว แต่อีกใจก็เชื่อมั่นว่า ตนเองไม่ได้เมาขนาดทำพลาด

สเตฟี่ทำตามคำสั่งของเจ้านายทันที อะไรหายไม่ว่าแต่ถ้า แหวนเพชรวงนั้นหายบรรลัยแน่งานนี้ สเตฟี่กับคารอสช่วยกันหาแหวนทั่วทั้งห้องแทบว่าจะทุกตารางนิ้ว คาลิเอโปนั้นก็ไม่ได้นิ่งเฉย เขาก็ลงมือหาแหวนวงนั้นทั้งในห้องน้ำและห้องนอนหลายครั้ง แต่ยังไร้วี่แวว นั่นทำให้เจ้าของแหวนคิดว่า ต้องมีคนนำมันออกไปจากห้องนี้

“สเตฟี่ไปถามแผนกแม่บ้านสิว่า วันนี้ใครเข้ามาทำความสะอาดห้องนี้”

คาลิเอโปมั่นใจวางแหวนเพชรพร้อมกับสร้อยที่เขาทำขาดไว้ที่ขอบอ่างล้างหน้า ตั้งใจว่าอาบน้ำเสร็จจะหยิบมันออกไปด้วย บังเอิญเหลือเกินจังหวะที่เขาจะ หยิบสร้อยที่ขาดเส้นนั้น เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาเสียก่อน เขาจำเป็นต้องเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ใกล้ๆ แหวน พร้อมทั้งเดินออกไปจากห้องน้ำเพื่อสนทนากับต้นสาย คาลิเอโปจึงลืมเรื่องแหวนเสียสนิท เป็นเพราะความเคยชินนึกว่าตนเองสวมสร้อยเส้นนั้นอยู่จึงแต่งตัวและเดินทางไปประชุมทันที มานึกออกอีกครั้งว่าตนเองไม่ได้สวมสร้อยก็ประมาณบ่ายๆ แม้อีกใจอยากให้สเตฟี่มาเอา แหวนให้ แต่อีกใจร้องค้านว่าคงไม่หายไปไหน หากแหวนของเขาหายไปจริงๆ คนที่น่าสงสัยมากที่สุดคือพนักงานทำความสะอาด เพราะเป็นคนเดียวที่เข้าออกห้องนี้ได้ระหว่างที่เขาไม่อยู่

“ครับเจ้านาย” สเตฟี่รีบเดินออกไปจากห้องพักของเจ้านายหนุ่มทันที คิดในใจ หากแหวนสุดรักสุดหวงของคาลิเอโปถูกขโมยไปจริงๆ คนที่ขโมยไปนั้นเห็นทีต้องชะตาขาดเป็นแน่ สเตฟี่หายไปประมาณยี่สิบนาที เขาเดินทางกลับมาที่ห้องพักพร้อมกับหัวหน้าแผนกแม่บ้านคนหนึ่ง

“ว่าไงใครเป็นคนเข้ามาทำความสะอาดห้องนี้” คาลิเอโปเอ่ยถามหัวหน้าแผนกแม่บ้านทันที น้ำเสียงที่ถามออกไปนั้นดุกร้าวเช่นเดียวกับดวงตา

“ภมรค่ะ คนที่เข้ามาทำความสะอาดห้องของคุณคาร์ลชื่อภมรค่ะ” ชนาพรหัวหน้าแผนกกะบ่ายเป็นคนตอบ

“แล้วตอนนี้คนที่ชื่อภมรอยู่ที่ไหน”

“กลับบ้านไปแล้วค่ะ เอ่อ...คุณคาร์ลหาแหวนดีแล้วหรือคะ”

ชนาพรกลั้นใจถาม เธอทราบรายละเอียดจากสเตฟี่มาบ้างว่าแหวนเพชรของชายหนุ่มเจ้าของห้องได้หายไป ไม่มีใครเข้าออกห้องนี้นอกจากพนักงานทำความสะอาด คนที่น่าสงสัยเป็นคนแรกคงหนีไม่พ้นพนักงานที่ชื่อภมร คนถูกถามตวัดสายตามองชนาพรด้วยความไม่พอใจ คนที่ถูกมองรีบหลบสายตานั้นทันที

“ฉันหาจนแทบจะพลิกห้องแล้วแต่ก็ไม่เจอ ก็เลยต้องเรียกคุณมาถามนี่แหละ ว่าแต่ว่าบ้านของคนที่ชื่อภมรอยู่ที่ไหน ฉันจะไปถามเขาเองว่าเห็นแหวนของฉันหรือเปล่า” ท่าทางที่เอาจริง น้ำเสียงที่แฝงไว้ด้วยความโกรธและไม่พอใจทำให้ชนาพรถึงกับหน้าซีด มือไม้สั่นไปหมด

“ดิฉันจะไปตามเพื่อนสนิทของภมรมาถามดูนะคะ รอสักครู่นะคะ” ชนาพรรีบเดินออกไปจากห้องพักของคาลิเอโปทันที ก่อนจะกลับมาอีกครั้งในอีกสิบนาทีต่อมา

“วิกรมค่ะ เป็นเพื่อนสนิทของภมร” ชนาพรแนะนำวิกรมให้คาลิเอโปได้รู้จัก แต่สำหรับเขานั้นหาได้อยากรู้จักไม่ สิ่งที่เขาต้องการรู้มีเพียงว่าบ้านของภมรอยู่ที่ไหนเท่านั้น

“บ้านของภมรอยู่ที่ไหน” เจ้าของหัองพักเอ่ยถามเสียงเครียด

“บ้านของต้อมอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ครับ แต่ผมคิดว่าตอนนี้ต้อมยังไม่กลับบ้าน เพราะต้อมจะไปที่ที่หนึ่งทุกวันกว่าจะกลับบ้านก็เที่ยงคืนหรือไม่ก็ตีหนึ่ง ครับ” วิกรมตอบคำถาม

“แล้วที่ที่นายว่า นายรู้จักหรือเปล่า”

“รู้จักครับ” ทำไมเขาจะไม่รู้จักเพราะมีอยู่ช่วงหนึ่ง วิกรมหลงเดินทางผิดคิดอยากจะลองเสพยานรกนั่นตามคำชักชวนของภมร ดีที่ว่าเขารู้ผิดชอบชั่วดีมีมากกว่า ทำให้เขาออกจากวังวนนั้นก่อนที่จะถลำลึกไปมากกว่านี้ และเริ่มตีตัวออกห่างภมรโดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัว

“ถ้าอย่างนั้นนายพาฉันไปหาภมรได้ไหม ฉันอยากถามภมรเองว่าเห็นแหวนของฉันหรือเปล่า”

“ได้ครับ” ทั้งหมดออกเดินทางไปหาผู้ต้องสงสัยหมายเลขหนึ่งทันที ระหว่างทางที่รถเคลื่อนตัวไปยังจุดหมายคาลิเอโปครุ่นคิดไปตลอดทาง หากแหวนของเขาอยู่ที่ภมรจริงๆ เขาจะตอบแทนให้สาสมที่ริอ่านขโมยของรักของหวงของเขา มันผู้นั้นต้องไม่ตายดีแน่นอน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel