5 เสียงเด็กในค่ำคืน
“ผมได้คิดค้นยาบางตัวที่รับประทานเข้าไปแล้ว ช่วยกระตุ้นให้ตกไข่เร็วกว่ากำหนด รอให้ร่างกายคุณพร้อมกว่านี้ เราจะมีลูกด้วยกันทันที”
ก้มใบหน้าลงมากระซิบเบา ๆ ข้างหู ผู้เป็นภรรยา เธอหน้าแดงซ่านด้วยความอาย ทว่าแฝงไว้ด้วยความสุข มั่นใจว่าสามารถที่จะผลิตทายาทให้แก่เขาได้ แต่ต้องใช้เวลาสักนิด เพราะเธอไม่ค่อยว่าง งานแปลหนังสือที่รัดตัว ทำให้พักผ่อนไม่พอ อีกทั้งดนัยวุ่นอยู่กับการทดลอง เมื่อเขาเข้าห้องเธอก็หลับไปแล้ว ซึ่งเป็นอย่างนี้เรื่อยมา
หลังจากรับประทานอาหารเรียบร้อยแล้ว พูนพิพัฒน์ขับรถพาภรรยาเข้าบ้าน เขาส่งเธอให้เข้านอน ส่วนตัวเองออกไปเคลียร์งานที่ห้องโถง อาชีพสถาปนิกอย่างเขา เมื่องานถูกใจลูกค้าและถูกบอกต่อ ๆ กันไป สุดท้ายงานเข้ามาจนล้นมือ แทบไม่มีเวลาพักผ่อน เขาพยายามทนเพื่อเก็บเงินเอาไว้ให้ลูกที่กำลังจะลืมตาดูโลก
ฤดีนารถเป็นดีไซเนอร์ รับออกแบบชุดให้แก่พวกดาราและกองถ่ายละคร งานเยอะเช่นกัน แต่เธอตั้งใจเอาไว้ว่า ถ้าหากแพ้ท้องมาก คงจะต้องหยุดพักชั่วคราว รอจนกว่าจะคลอด จึงจะเริ่มงานใหม่ เรื่องนี้เคยคุยกับลูกค้าเอาไว้แล้ว ทุกคนต่างเข้าใจเป็นอย่างดี
เรือนร่างขาวสะอาดไร้ไฝฝ้า สวมชุดนอนสีครีม ผ้าซาตินเนื้อดี ช่วยขับผิวให้ผ่องยิ่งขึ้น เธอเอนตัวลงไปนอนด้วยความดีใจ ลืมที่จะไหว้พระเหมือนที่เคยปฏิบัติทุกคืน เพียงครู่เดียวใบหน้ารูปไข่เรียบนิ่ง ดวงตาคู่งามปิดสนิท ลมหายใจเคลื่อนเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ
“แม่ แม่ครับ”
เสียงเล็กแหลมเรียกแม่ดังขึ้น ท่ามกลางบรรยากาศอันหนาวเย็นและมืดทึบ ฤดีนารถรับรู้แต่เพียงว่า เท้าที่เปลือยเปล่ากำลังเหยียบย่ำลงไปที่ชายน้ำอันฉ่ำแฉะ เสียงคลื่นกระทบฝั่งดังแทรกเข้ามาเป็นระยะ ๆ
ริ้วเล็ก ๆ ที่สาดซัดกระทบกับข้อเท้า เธอรับรู้ได้ แต่เสียงเด็กที่เรียกหาแม่นั้น ยังคงดังรอบ ๆ ตัว ฤดีนารถพยายามเอี้ยวกายมองหา แต่ไม่เจอสิ่งใด นอกจากความมืดและเย็นจนหนาวเหน็บ ลำแขนทั้งสองข้างโอบกอดตัวเองเอาไว้แน่น อยากรู้เหลือเกินว่าอยู่ที่ไหน เธอมาได้อย่างไร พูนพิพัฒน์ล่ะไปไหน ทิ้งเธอไว้ที่นี่ทำไม
“น่ากลัวเหลือเกิน”
ความน่ากลัวที่พบเห็นฤดีนารถพยายามที่จะหาทางกลับ และมองหาแสงสว่างที่จะนำทางกลับไปบ้าน จนแล้วจนรอดกลับไม่เห็นสิ่งใด นอกจากความมืดที่ดูเหมือนว่าจะห่อม้วนตัวเธอให้กลืนหายเข้าไป
“พูนพิพัฒน์คะ คุณอยู่ที่ไหนคะ”
เธอยังคงร้องเรียกหาสามีด้วยเสียงสั่น ๆ เท้ายังคงย่ำไปข้างหน้า ทว่า รับรู้ว่าเหยียบลงไปบนสิ่งของบางอย่างที่หนืดเหลว เมื่อยกเท้าขึ้นมา สิ่งนั้นยังเกาะติดขึ้นมา เจ้าความหนืดนั้นเริ่มลึกลงไปทุกที ฤดีนารถหันหลังกลับไปทางเก่าด้วยความกลัว แต่แล้วกลิ่นคาวเลือดโชยคละคลุ้งเสียจนแทบอาเจียน
“เหม็น กลิ่นเลือด เลือดใคร โอ๊ย ฉันกลัวแล้ว”
“แม่ครับ แม่พาผมไปด้วย อย่าทิ้งผมนะ”
เอาอีกแล้วเสียงเด็กเรียกข้าง ๆ ตัว ฤดีนารถหนาวสะท้านจับใจ แต่ยังคงเพ่งตามองฝ่าความมืด ทว่า ไม่เห็นสิ่งใด กระทั่งรับรู้ว่ามือเล็ก ๆ คว้าหมับเกี่ยวนิ้วเธอโดยเร็ว
“ปล่อย ปล่อยฉันนะ”
ฤดีนารถหวีดร้องสุดเสียง เมื่อรับรู้ว่ามือเล็กที่แข็งกระด้างเย็นเฉียบราวกับน้ำแข็ง แม้ว่าจะสลัดอย่างไรแต่มือนั้นไม่สามารถหลุดออกไปได้ อีกทั้งยังบีบแน่นมากขึ้นทุกที จนกระดูกแทบแตกหัก
ฤดีนารถช็อกต่อสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง เมื่อมือเล็กๆ พยายามเหนี่ยวรั้งเธอให้จมลงไปในกองเลือด โดยมีร่างเด็กผู้ชายตัวเล็กโหนแขนให้โน้มเอียงลงไป กระทั่งตัวเอนทำท่าทรุดเพราะไม่อาจต้านต่อพลังอันมหาศาลนั้นได้ เสียงเล็กแหลมหัวเราะชอบใจ เสียดสะท้านเสียจนขนลุก เธอกรีดร้องออกมาอีกครั้ง
“อ๊าย ! อย่า ฉันกลัวแล้ว ปล่อยนะ”
“แม่ กลัวลูกทำไม ในเมื่อเราจะได้อยู่ด้วยกันแล้ว”
“ไม่ แกไม่ใช่ลูกฉัน”
ดีไซเนอร์สาวปฏิเสธปากคอสั่น ไม่ยินยอมรับเด็กผู้น่ากลัวบอกว่าเป็นบุตร เท่ากับว่าเพิ่มความโกรธแค้นให้แก่มัน ใบหน้าเล็กที่อาบไปด้วยเลือดแดงฉานปรากฏขึ้น ดวงตาทั้งสองข้างเหลือกถลน จนแทบจะหลุดออกมาจากเบ้าตา ผิวเนื้อเริ่มเหี่ยวย่นรัดกับโครงโหนกแก้ม แล้วปริแตกแยกออกจากกัน เลือดพุ่งกระฉูดเป็นฟูฝอย
“แม่พูดอย่างนี้ได้ไง ผมเป็นลูกแม่ แม่จะต้องให้ผมอยู่ด้วย ไม่อย่างนั้นแม่ก็ต้องอยู่กับผม นอนลงเดี๋ยวนี้”