บท
ตั้งค่า

บทที่1 เมื่อแรกรุ่น

บทที่1 เมื่อแรกรุ่น

เย็นวันสุดท้ายของปีการศึกษา ดาริน ไกรคำแหง สาวน้อยในชุดนักเรียน หน้าตาสะสวย หุ่นบางอรชรอ้อนแอ้น วิ่งออกจากรั้วโรงเรียนพร้อมเพื่อนสาวสนิทคนเดียวของเธอ

“ดาเรียนจบแล้ว จะเรียนต่อที่ไหนเหรอ ที่สมัครทิ้ง ไว้ พิมคงสอบไม่ติดแหงๆ เลย” พิมฐา สาวน้อยหน้าตาน่ารัก เอ่ยขึ้นกับดารินด้วยน้ำเสียงที่ไม่ได้ยี่หระมากนักกับผลสอบของเธอในอนาคต เพราะฐานะทางบ้านอย่างเธอคงเลือกเรียนมหาวิทยาลัยเอกชนที่ไหนสักแห่งได้สบายๆ อยู่แล้ว

“ดาเองก็ยังไม่รู้เลยจ๊ะพิม ป้าบอกว่าจะให้เรากลับไปอยู่ชลบุรีกับตาและยาย” ดารินเอ่ยขึ้น จากแววตาสดใสเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นเหม่อลอยคล้ายกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

“ไม่นะ ถ้าดาไปแล้วพิมก็คงไม่มีเพื่อนเหลือบนโลกนี้แล้วล่ะ” พิมฐาพูดพลางทำหน้าเศร้า

“เดี๋ยวนะ….เราแค่ย้ายกลับไปชลบุรี ไม่ได้หายสาบสูญจากโลกนี้ไปซะหน่อย” สาวน้อยพูดพร้อมน้ำเสียงและแววตาที่กลับมาสดใสดั่งเดิม และทั้งคู่ก็พากันหัวเราะร่วนเสียงดัง ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ

ไกลออกไปประมาณสองบล็อกของช่วงตึก รถเก๋งคันหรูจอดรออยู่

“เจอกันอาทิตย์หน้านะ เดี๋ยวฉันจะไปรับที่บ้าน” พิมฐาตะโกนไล่หลังมา สาวน้อยหันหน้าไปพยักหน้าตอบรับเพื่อน “อืมมมม” ก่อนจะก้าวขึ้นรถที่จอดรอเธออยู่

“สวัสดีค่ะพี่ภาค” สาวน้อยยกมือไหว้ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา ที่นั่งรอคอยเธอนานกว่าครึ่งชั่วโมง

ภาคยิ้มกว้างให้อย่างอารมณ์ดี ภาค หรือ ภากร วงศ์เสวต ชายหนุ่มวัย 26 ดีกรีนักเรียนนอกทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลวงศ์เสวต หนุ่มหล่ออนาคตไกล ในแวดวงธุรกิจไม่มีใครไม่รู้จักเขา ภาคเพิ่งเข้ามารับตำแหน่งรองประธานบริหารของบริษัทซึ่งเป็นที่แน่นอนแล้วว่าเขาจะเข้ามารับช่วงต่อจาก พาสกร วงศ์เสวต ผู้เป็นพ่อและมีฐานะเป็นสามีของ โฉมลดา ซึ่งเป็นป้าแท้ๆ ของดารินและมีฐานะเป็นแม่เลี้ยงของ ภากร

พาสกรกับโฉมลดาต่างก็ไม่มีลูกด้วยกันทั้งคู่เป็นหม้ายมีลูกติด ข้างโฉมลดามีลูกติดเป็นผู้หญิง ชื่อ เมลดา วงศ์เสวต ใช่แล้วหล่อนใช้นามสกุลเดียวกับภากร เพราะคุณพาสรับเมลดาเป็นบุตรบุญธรรมตั้งแต่เมลดาอายุได้เพียงแค่ 3 ขวบ เมลดาจึงมีฐานะเป็นน้องสาวของภากรอีกคนและพ่วงตำแหน่งลูกสาวคนโปรดของคุณพาสไปโดยปริยาย

ส่วนดารินนั้นย้ายมาอยู่ในครอบครัวนี้ตอนอายุ 15 เพราะตากับยายอยากให้ดารินเข้ามาเรียน ม.ปลายในกรุงเทพและต้องการให้อยู่ในความดูแลของป้า แต่เธอไม่ใช่หลานรัก บ่อยครั้งป้ามักจะดุและทำโทษดารินเสมอๆ ตั้งแต่เด็กๆ จนโต นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้ดารินค่อนข้างสนิทกับภากรและเมลดา โดยเฉพาะเมลดามักปกป้องน้องสาวเสมอและต่อต้านแม่อย่างเห็นได้ชัด

ขณะที่รถหรูแล่นมุ่งตรงกลับไปยังบ้าน เสียงอ่อนโยนก็เอ่ยขึ้นมาทำลายความเงียบ

“ดาหาที่เรียนไว้หรือยัง แล้วคิดไว้หรือยังว่าจะเรียนอะไรต่อ”

“ดาคงไม่ได้เรียนต่อแล้วล่ะค่ะพี่ภาค ไม่ก็อาจกลับไปหาวิทยาลัยแถวชลบุรีค่ะ”

“ทำไมไม่เรียนต่อ แล้วทำไมจะต้องกลับไปอยู่ชลบุรี” ภากรถามขึ้น อย่างเป็นกังวล

“คือ..เอ่อ.. ป้าอยากให้ดากลับไปอยู่ชลบุรีค่ะ” ดารินตัดใจตอบภากรออกไป แววตาหม่นลงเล็กน้อย

“ถ้าไม่อยากกลับ ก็ไม่ต้องกลับ ไปหาที่เรียนให้เรียบร้อย เดี๋ยวพี่จะส่งดาเรียนเอง และถ้าต้องอยู่หอพักพี่ก็จะดูให้” ชายหนุ่มหันมาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“พี่ภาคพูดจริงๆ นะคะ เย้..พี่ใจดีที่สุดในโลกเลยค่ะ ดารักพี่ที่สุด” ภากรยิ้มออกมากับความประจบของดาริน

“ไม่ต้องประจบเลย พี่ไม่จ่ายให้เราฟรีๆ หรอกนะ” พูดพลางเอามือขยี้หัวของสาวน้อยน่ารักอย่างเบามือ

“ต่อไปนี้ถ้าไม่ติดอ่านหนังสือหรือเรียนหนัก ทุกเย็นวันศุกร์ก็ไปเจอพี่ที่บริษัท พี่จะให้เราช่วยงานแลกกับค่าเรียน ไปช่วยพี่กฤตจัดการพวกเอกสารที่ออฟฟิศ พอจะทำได้มั้ย”

“รับทราบและทำได้ เจ้าค่ะ” ดารินตอบรับคำอย่างอารมณ์ดี ในใจก็เอ่ยขอบคุณเขา ขอบคุณนะคะพี่ภาค พี่เป็นสิ่งดีๆ ไม่กี่อย่างบนโลกใบนี้สำหรับดาจริงๆ ค่ะ

ช่วงหัวค่ำในวันเดียวกันนั้นเสียงหัวเราะดังเล็ดลอดออกมาจากห้องห้องหนึ่ง และทุกอย่างก็เงียบลงเมื่อประตูห้องได้เปิดออก

“หัวเราะอะไรกันดังลั่นไปทั่วบ้าน” โฉมลดาเดินเข้ามาในห้องของลูกสาว

“คุณแม่ ช่วยเมพูดกับยัยดาหน่อยค่ะ เด็กหญิงดารินของเราจะย้ายออกไปอยู่ข้างนอกแล้วค่ะแม่”

“แกจะไปอยู่ที่ไหน” ป้าถามขึ้นเสียงสูง

“คืองี้ค่ะแม่ พี่ภาคจะส่งดาเรียนมหาลัยและจะเช่าห้องให้ด้วย เมไม่อยากให้น้องออกไปอยู่ข้างนอกแม่ช่วยห้ามหน่อยสิคะ” โฉมได้ฟังแล้วก็รู้สึกโล่งใจขึ้นที่หลานสาวจะออกไปอยู่ข้างนอก เดิมทีหล่อนตั้งใจจะให้ดารินกลับไปเรียนต่อที่ชลบุรี

“ก็ดีแล้ว ที่แกจะออกไปอยู่ข้างนอก อยู่ที่นี่ก็สิ้นเปลือง ฉันเกรงใจคุณท่าน” โฉมพูดออกมาด้วยท่าทีที่โล่งใจอย่างมาก ดารินถึงแม้จะดีใจที่ได้เรียนต่อและได้ออกไปอยู่ข้างนอกแต่ลึกๆ ก็เสียใจที่ป้าแสดงออกชัดเจนเหลือเกินว่าอยากให้หล่อนออกไปจากบ้านหลังนี้ ดารินเพิ่งอายุ 18 นี่ป้าไม่ห่วงเราเลยเหรอ

“แม่ !!!! ทำไมแม่พูดงี้ล่ะ ดาไม่ต้องไปฟังใครทั้งนั้น สิ้นเปลืองอะไรกัน ถ้าดาไม่อยากไปอยู่ข้างนอก ก็อยู่ที่นี่กับพี่เนี่ยแหละ” เมลดาโวยวาย

“พี่เมคะ ดาเต็มใจออกไปอยู่ข้างนอกค่ะ อีกอย่างเดี๋ยวพี่ก็จะไปเรียนต่อเมืองนอกแล้ว ให้ดาไปเถอะนะ” ตอนนี้ เมลดางอนหนักกว่าเดิม เพราะทั้งแม่และน้องสาวทั้งคู่เห็นต่างกับเธอกันหมด หลังจากแจ้งข่าวกับป้าแล้ว ดารินก็ขอตัวกลับห้องด้วยสีหน้าเศร้าๆ เพราะเธอเป็นเด็กกำพร้านอกจากตากับยายแล้ว ป้ากับพี่เมคือครอบครัวที่เหลือของเธอ ลึกๆ เธออิจฉาเมลดา ที่ได้รับความรักความ เอาใจใส่จากโฉมลดาอย่างมาก พอคิดถึงตรงนี้ก็แอบรู้สึกผิดเพราะเมลดาปกป้อง ดูแลเธอมาตลอดที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้

ดารินกำพร้าพ่อตั้งแต่เกิดโดยที่เธอเองก็ไม่รู้ว่าพ่อคือใคร ทุกๆ คนบอกเธอเพียงแค่ว่า พ่อเธอตายไปแล้ว ส่วนแม่ของดารินเป็นน้องสาวแท้ๆ ของโฉมลดา แม่ของดารินตายตั้งแต่ดารินอายุได้ 2 ขวบ ความทรงจำของเธอเกี่ยวกับแม่จึงมีไม่มากนัก ดารินอาศัยอยู่กับตาและยายที่ชลบุรีตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ป้าจะไปเยี่ยมที่บ้านทุกๆ 2 เดือน และทุกครั้งจะพาเมลดาไปด้วย เหตุนี้ทำใหทั้งคู่สนิทสนมรักใคร่กันตั้งแต่เด็กๆ ด้วยอายุที่ใกล้เคียงกันห่างกันแค่ 2 ปี แต่ทั้งคู่นิสัยแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ดารินค่อนข้างเก็บตัว พูดน้อยและขี้อาย และค่อนข้างหัวอ่อน อ่อนต่อโลกมาก จนอายุครบ 15 ดารินจึงย้ายมาเรียนต่อ ม.ปลายที่กรุงเทพและอาศัยอยู่ที่นี่

“ดารินคิดถึงชีวิตตัวเองในวัยเด็ก ก็นึกน้อยใจในโชคชะตาเมื่อเธอนึกถึงความจริงอย่างหนึ่ง ที่ทุกคนพยายามปกปิดเธอมาโดยตลอด โดยเฉพาะป้าของเธอ ทำไมกันนะ ทำไมป้าต้องโกหกดาด้วย…..”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel