ตอนที่ 5 เป็นเมียหรือไง
เป็นเมียหรือไง
“นายมึงพาใครมาด้วยวะไอ้วิน” กีตาร์ ซึ่งเป็นคนงานที่ค่อนข้างสนิทกับธาวิน เพราะอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เธียรวัฒน์เริ่มธุรกิจใหม่ ๆ ถามชายหนุ่มขึ้นมาทันที ที่เห็นรถมอเตอร์ไซคพ่วงข้างของเจ้านายหนุ่มขี่มาทางนี้ แต่แปลกที่ข้าง ๆ มีหญิงสาวนั่งมาด้วย
“อยากรู้ก็ไปถามพี่เธียรดูเองสิ” ธาวินเอ่ยตอบออกไปด้วยใบหน้านิ่งเรียบ
“สวยขาวมากเลยว่ะ ขนาดมองไกล ๆ ก็รู้เลยว่าคงจะสวยมากแน่ ๆ” กีตาร์เอ่ยชมขึ้นมา พร้อมกับสายตาที่จ้องมองแบบไม่กระพริบเลย เพราะมองด้วยตาเปล่า ถึงแม้จะไกลมากแต่ก็รู้ว่าคือผู้หญิง
“มึงอย่าแม้แต่จะคิดน่ะ ถ้าไม่อยากโดนพี่เธียรเจาะกะบาลเอา” ธาวินจ้องโทษเอาไว้ทันที เพราะกลัวว่าชายหนุ่มจะคิดอะไรเกินไปมากกว่านี้
เพราะกลัวว่าชายหนุ่มจะเดือดร้อน ธาวินถึงไม่กล้าที่จะเอ่ยออกมาตามตรงว่าหญิงสาวผู้นี้น่าจะมีความสำคัญมากพอสมควร เจ้านายหนุ่มถึงกล้าให้อยู่ใกล้ขนาดนี้ แถมยังสละเสื้อแขนยาวของตัวเองให้เธอสวมใส่อีกด้วย
เพราะธาวินเองก็อยู่ด้วยกันกับเธียรวัฒน์มาตั้งแต่เล็ก ๆ เจ้านายหนุ่มของเขาไม่เคยเอาของใช้ส่วนตัวให้ใครได้แตะต้องเลย นอกเสียจากว่าจะให้ขาดไปเลย และไม่รับคืนด้วย หากว่าให้ไปแล้ว
“เมียนายเหรอว่ะ” กีตารพูดขึ้นมา
“มึงพูดอะไรของมึงไอ้ต้า เดี๋ยวพี่เธียรได้ยินก็เป็นเรื่องหรอก” ธาวินตำหนิออกมาทันที ที่กีตาร์เริ่มพูดเดาไปเอง
ธาวินเอง ถึงแม้จะสนิทกับเธียรวัฒน์มากแค่ไหร ก็ไม่กล้าที่เอ่ยแซวในเรื่องแบบนี้ เพราะเธียรวัฒน์เองเป็นคนจริงจังในเรื่องนี้มาก
“อ้าว กูก็พูดตามที่กูเห็น เพราะตั้งแต่ที่พวกเรามาอยู่ที่นี่ตั้งเกือบจะสิบปีแล้ว กูยังไม่เคยเห็นนายพาผู้หญิงคนไหนเข้ามาในไร่เลยแม้แต่คนเดียว นอกจากนายแม่คุณรดา แล้วก็น้องไอด้า แค่นั้นเอง”
เพราะตั้งแต่ที่อยู่ที่นี่กันมา หนุ่มเจ้าของไร่ ก็พามาแค่ไม่กี่คน และคน ๆ นั้น ก็ล้วนแต่เป็นคนในครอบครัวทั้งนั้น เพราะนอกจาก แม่ พี่สาว และหลานสาวแล้ว ก็ไม่เห็นมีใครที่คนอย่างเธียรวัฒน์จะเทคแคร์พาเที่ยวชมไร่เองขนาดนี้เลย
“มึงสงสัย หรือมึงอยากรู้ก็ไปถามเองสิ แยกย้ายกันทำงานได้แล้ว เดี๋ยวพี่เธียรมาได้ยินกูช่วยอะไรพวกมึงไม่ได้น่ะเว้ย” ธาวินเอ่ยสั่งขึ้นมาทันที เมื่อรถของเจ้านายหนุ่มเคลื่อนเข้ามาใกล้เต็มที่แล้ว
ทุกคนจึงรีบสลายตัว แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตน ตามคำสั่งของธาวิน เมื่อหนุ่มเจ้าของไร่อย่างเธียรวัฒน์ กำลังขี่รถมุ่งหน้ามาทางนี้
“ทุกลูกสามารถชิมได้เลยไหมคุณ” ศิริพัชชาถามขึ้นมาทันที เพราะตลอดทางที่ชายหรุ่มพาเข้ามา มีแต่ผลส้มสุกเต้มต้นไปหมด
“ชิมได้ทุกต้น ทุกลูก ที่นี่ส้มปลอดสาร”
“ว้าว...” หญิงสาวที่เห็นเป็นครั้งแรก ต่างตื่นตาตื่นใจ ตาลุกวาวเป็นประกายขึ้นมาทันที
“...” เธียรวัฒน์ไม่เอ่ยพูดอะไรออกมา แต่กลับเดินไปหยิบผลส้มในตะกร้าที่คนงานเก็บออกมาเรียงกัน รอคัดแยกขึ้นรถไปที่โรงงานของพี่สาวต่อ
หญิงสาวรับผลส้มจากมือของเธียรวัฒน์ที่ยื่นมาให้ตรงหน้า เธอก็ไม่รอช้ารีบปลอกเปลือกแกะชิมในทันที
“อื้ม...หวานมากเลยคุณลองชิมดูสิ” หญิงสาวหลับตาพริ้มทันที ที่ส้มเข้าปาก เธอทำอย่างกับเด็กที่ได้ของถูกใจ แถมยื่นมาตรงหน้าให้เขาด้วย
“หึหึ เด็กน้อย” เธียรวัฒน์ได้แต่แค่นยิ้มหัวเราะออกมา ให้กับคนตรงหน้า ที่ดุอย่างไรเอก็ยังเป็นเด็กอยู่ดีในสายตาของเขา
“ว่าแต่ก่อนทางเข้ามาที่นี่ มีโรงงานอะไรอยู่เหรอ” ศิริพัชชาจึงถามขึ้นมา เมื่อทางเข้าไร่ ก่อนมาถึงบ้านของเขา จะมีบ้านหลังใหญ่ และด้านหลังเหมือนเป็นโรงงานอะไรสักอย่าง
“เครื่องดื่ม” เสียงเข้มตอบเพียงสั้น ๆ
“เกี่ยวกับส้มหรือเปล่า” เธอเลิกคิ้วขึ้นถาม
“ผมทำไร่ส้มน่ะ ถ้าไม่เกี่ยวกับส้มแล้วจะให้เกี่ยวกับอะไร”
“คุณพาฉันเข้าไปดูได้ไหมค่ะ ฉันอยากเห็นการทำงานในแต่ละขั้นตอนการผลิต” หญิงสาวหันมาเอ่ยออดอ้อนเสียงนุ่ม พร้อมกับส่งสายตาหวานเว้าวอนอย่างน่าเห็นใจ
“ไม่ได้!”
“ทำไมค่ะ”
“คุณไม่น่าจะถามน่ะ เพราะคุณคือคนนอกยังไงล่ะ คนที่จะเข้าไปดูได้ต้องเป็นคนในครอบครัวเท่านั้น” เธียรวัฒน์ให้เหตผลขึ้นมาทันที เพราะทุกอย่างตามขั้นตอนล้วนแต่เป็นความลับของโรงงานผลิต และต้องทำตามกฎ
“ฉันสัญญาคะ ว่าฉันจะไม่เอาข้อมูลออกไปเผยแพร่เด็ดขาด พาฉันไปดูเถอะนะคะ” หญิงสาวชูมือขึ้นมาสามนิ้ว รับปากกับคนร่างสูงตรงหน้าทันที
“เป็นเมียผมเหรอไง”
“แล้วให้เป็นได้ไหมล่ะ”
“...” เธียรวัฒน์นิ่งเงียบทันที ที่หญิงสาวกล้าตอบเขาออกมา ทำเอาเขาไปแทบไม่เป็นเลย เพราะไม่คิดว่าเธอจะกล้าต่อล้อต่อเถียงแบบไม่ยอมแพ้เลย
“ฉันแค่ล้อเล่นค่ะ หรือคุณคิดจริงเนี้ย” หญิงสาวรีบแก้ตัวทันที เมื่อเห็นเขาเงียบไป เพราะเธอก็ไม่ได้จริงจังเท่าไหร่กับพูดเมื่อกี้ที่ลั่นออกมา
“ปะ เปล่า” เสียงตะกุกตะกักตอบเธอออกไปอย่างเก้อเขิน และเริ่มทำตัวไม่ถูก
ทำไมหญิงสาวผู้นี้ช่างมามีอิทธิพลต่อหัวใจเขาเสียเหลือเกิน เพียงแค่เธอพูดเล่น ๆ แต่กลับทำเอาหัวใจของเขาเต้นแทบไม่เป็นจังหวะ
“ใครจะอยากขาดอิสรภาพในชีวิตละคะ ฉันอายุพึ่งจะแค่นี้เอง ฉันไม่อยากมีอะไรมาผูกมัดหรอก คุณว่าจริงไหมคะ” เธอพูดขึ้นมาอีก ตามที่เธอคิดเอาไว้
เพราะตอนนี้เธอก็ยังไม่พร้อมที่จะเปิดใจรับใครเข้ามาด้วยซ้ำ เธอต้องการใช้ชีวิตในแบบของเธอก่อน ชีวิตแบบอิสระในช่วงวัยรุ่น เธอไม่เคยต้องการเรียกร้องหาความรัก และไม่เคยคิดเรื่องพวกนี้เสียด้วยซ้ำ ถึงแม้ตอนเรียนที่ต่างประเทศ จะมีหนุ่มไทย หนุ่มตาน้ำข้าวมาขายขนมจีบก็เยอะ แต่เธอกลับให้สถานะได้แค่เพื่อนเท่านั้น
“ไม่รู้สิกับคุณ”
“อ้าว ก็ฉันสังเกตเห็นว่าคุณก็ยังโสด ถึงแม้อายุคุณจะเยอะกว่าฉันตั้งหลายปี ฉันก็คิดว่าคุณก็คงไม่อยากมีอะไรมาผูกมัดเหมือนกัน คุณถึงยังไม่มีเมีย หรือว่าคุณมีแล้ว...” เธอพูดออกไปตามที่เธอสังเกตเห็นตั้งแต่ที่เข้ามาที่นี่แต่แรก
เพราะหากว่าเขามีเมีย มีครอบครัวแล้ว ทำไมเธอถึงไม่เคยเห็น แถมคนอื่น ๆ ก็บอกว่าเจ้าของไร่แห่งนี้ก็ยังโสดอีกด้วย เธอสรุปได้เลยตามที่เธอรู้มา ว่าเขายังโสด...
“ถ้ามีก็เห็น”
“หมายความว่า หนุ่มเจ้าของไร่อย่างคุณ ก็โสดสินะ”